Friday, April 3, 2009

ลำดับ๕๓๐.ภูมีหน่อสวันปฏิวัติซ้อน(๒)

บทที่ ๒

สหายสิงกะโปได้นำทหารเข้าสู้รบกับทหารภูมี หน่อสวัน อย่างยอมตายถวายชีวิต เป็นการสู้รบกันอยู่ในใจกลางเมืองนครหลวงเวียงจันทน์ จึงทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจ ด้วยเป็นห่วงพี่น้องประชาชนที่จะต้องล้มตายจากลูกหลงจากลูกกระสุนปืนใหญ่ที่ยิงจากฝั่งไทยข้ามโขงมาฆ่าและถล่มเรือนชานประชาชนในเวียงจันทน์ น้ำตาของสหายได้ไหลรินเมื่อเห็นพ่อแม่พี่น้องชาวลาวต้องล้มตาย

คณะกองบัญชาการชี้นำการสู้รบในนครหลวงเวียงจันทน์ได้ขอความเห็นจากศูนย์กลางที่ซำเหนือ ซึ่งศูนย์กลางได้ชี้แนะว่า เพื่อเห็นแก่ พ่อ แม่พี่น้องประชาชน เห็นแก่บ้านเรือนที่ถูกเผาผลาญ จึงไม่จำเป็นจะต้องเอาชัยบนความตาย วายวอด และกองเลือดของประชาชน

คืนวันที่ ๑๖ ธันวาคม ๒๕๐๓ สหายสิงกะโปได้ออกคำสั่งให้ทหารออกจากเวียงจันทน์ตามเส้นทางจากเวียงจันทน์ขึ้นสู่วังเวียง เขาสั่งให้ตัดต้นไม้ใหญ่ๆ ขวางถนน เพื่อไม่ให้รถถังของทหารภูมีตามขึ้นไปทัน

กำลังทั้งหมดที่หนีออกจากเวียงจันทน์ขึ้นไปรวมกันอยู่ที่วังเวียง มีทั้งทหาร ตำรวจ ข้าราชการ นักเรียน นักศึกษา นับเป็นพันๆ คน รวมทั้งเจ้าสุวรรณภูมานายกรัฐมนตรี

เครื่องบินสอดแนมของภูมี หน่อสวัน บินติดตามการเคลื่อนไหวของพวกฝ่ายแนวลาวรักชาติตลอดเวลา

สหายสิงกะโปได้สั่งจัดตั้งกองประจัญบาน มีกองหน้า กองกลางและกองหลังเพื่อมุ่งหน้าขึ้นไปปลดปล่อยทุ่งไหหิน แขวงเชียงขวาง ส่วนแม่ลูกอ่อนและเด็กเล็กได้จัดให้ขึ้นเครื่องบินไปเวียดนาม

ตามเส้นทางที่ผ่านไป มีเครื่องบินลำเลียงของสหภาพโซเวียตบินมาทิ้งร่มเสบียงอาหาร ของอยู่ของกิน ลงมาให้เป็นย่ามๆ ซึ่งเป็นการเอาใจใส่อย่างสุดอกสุดใจอย่างแท้จริงของประเทศพี่น้องสังคมนิยม

พอไปถึงสามแยกศาลาภูคูน หลังจากที่ได้ขับไล่ทหารศัตรูที่ประจำอยู่ที่นั่นแตกไปหมดแล้ว ปัญหาก็ได้เกิดขึ้นอีกเมื่อกองแลไม่อยากไปทางเชียงขวาง จุดประสงค์ของกองแลคือไปตีเอาเมืองหลวงพระบางและจะตั้งมั่นอยู่ที่นั่น

ท้าวคำล้อมเป็นผู้แนะนำชักดึงให้กองแลไปตีหลวงพระบาง จึงเกิดขัดแย้งกับสหายสิงกะโปและโต้แย้งกันในทางการทหาร แต่ในที่สุดท้าวคำล้อมก็ยอมจำนนด้วยเหตุผลอย่างราบคาบ

No comments: