Thursday, April 23, 2009

ลำดับ๕๘๕.ความท้อแท้ของวังเปา(๒)

บทที่ ๒

วังเปากล่าวแก่ลอว์เรนซ์ว่า พวกปเทดลาวมีผู้นำระดับหัวแถวที่มีคุณภาพกว่าฝ่ายนิยมกษัตริย์ ผู้นำฝ่ายปเทดลาวมีความกลมเกลียวกัน ส่วนผู้นำลาวลุ่มนั้นไม่สามารถเทียบกับพวกปเทดลาวได้เลย โดยเฉพาะเรื่องความอดทนต่ออุปสรรค ความยากลำบากต่างๆ วังเปากล่าวว่า พวกนิยมกษัตริย์นั้นมัวยุ่งอยู่กับการหาเงินหาทองใส่ตัว มากกว่าจะมาหนักสมองกับการสงคราม นับแต่สุวรรณภูมาก้าวลงจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ลูกน้องเก่าของเขาทุกคนต่างอยากมีเอี่ยวในธุรกิจสกปรกของเขา ประการหนึ่งเพราะความอิจฉาริษยาที่เห็นคนอื่นได้ประโยชน์ และอีกประการหนึ่งเกิดจากความโลภอยากยึดธุรกิจเหล่านั้นมาเป็นของตนเอง ธุรกิจที่ว่านั้นมีทั้งค้าฝิ่น ขายชิ้นส่วนรถบรรทุกและอาวุธข้ามไปยังประเทศไทย รวมถึงเรื่องสกปรกอื่นๆอีกมากมาย สิ่งนี้คือสภาพของรัฐบาลนิยมกษัตริย์ในเวียงจันทน์ เมื่อบวกกับความเหยียดหยามดูแคลนพวกชาวเขาแล้ว มันได้ทำให้วังเปาเกิดความท้อแท้สิ้นหวังเป็นอย่างยิ่ง

วังเปากล่าวต่อไปอีกว่า เขาต้องรบกับศึกสองด้าน พวกลาวลุ่มนั้นไม่ไว้ใจเขาและหาทางบ่อนทำลายตัวเขาอยู่ตลอดเวลา แต่ขณะเดียวกันพวกนี้ก็ใช้เขาเหมือนหมาล่าเนื้อ ไล่ล่าพวกปเทดลาว มณฑลทหารบกที่ ๒ ของเขานั้นเป็นพื้นที่ที่มีการปะทะกันหนาแน่น คนของเขาต้องล้มตายไปกับการสู้รบโดยฝีมือของปเทดลาวอยู่ทุกวัน มันเป็นไปเพื่อสิ่งใดกัน???

วังเปาคิดว่าสิ่งที่พวกเขากัดฟันอดทนสู้อยู่ ก็เพราะคิดว่ามันอาจคุ้มค่ากับสิ่งที่เสียไปขณะที่พวกเขาบางส่วนต้องทนทุกข์จากการสูญเสียในสงคราม หากจะให้เขาสู้ต่อไป ความสูญเสียจะต้องคุ้มค่าหรืออย่างน้อยต้องได้มาเท่ากับสิ่งที่พวกเขาต้องเสียไป

มกราคม ๒๕๐๘ ทหารกองโจรที่ซำเหนือภายใต้การนำของทอง พยายามต้านทานการบุกของฝ่าย ปเทดลาว แต่จำนวนของทหารกองโจรมีน้อยกว่า ทองจึงพาชาวเขาอพยพหนีออกจากพื้นที่

ทองและวังเปาพยายามร้องขอเครื่องบินรบอเมริกันให้มาสนับสนุน แบบเดียวกับที่ชาวนาร้องขอฝนจากเทวดาในหน้าแล้ง เพราะท้องฟ้าว่างเปล่าไม่มีเครื่องบินที-28 หรือเครื่องไอพ่น ชาวม้งที่ชอกช้ำและหวาดหวั่น ๗ พันคนหลั่งไหลออกจากหมู่บ้านมุ่งหน้าสู่สถานที่ปลอดภัย วังเปาบินไปสังเกตการณ์คลื่นผู้อพยพ

วินาทีนั้นเองวังเปาก็เกิดปัญญาขึ้นมา เขาสงสัยว่า สิ่งที่คนของเขาได้ประสบมาและที่ยังต้องกัดฟันทนต่อไปอีก ก่อนที่สงครามจะสิ้นสุดลงนั้น คุ้มค่ากันหรือไม่? สมดุลได้สูญไปแล้ว และวังเปารู้สึกปราศจากอำนาจใดๆที่จะเข้าไปแก้ไข

No comments: