Monday, April 27, 2009

ลำดับ๖๐๒.ยุทธการภูผาที(๓)

บทที่ ๓ ความพ่ายแพ้เมื่อ ๒ ปีก่อน

มีการติดต่อทางวิทยุจากแนวปะทะหลายจุด ผ่านทางล่ามมายังโพ แจ้งว่าพวกเขาตกอยู่ภายใต้การโจมตี โพบอกให้พวกเขาผู้หญิงและเด็กออกจากพื้นที่โดยให้ถอยหนีอย่างช้าๆ ไปตามแนวสันเขามายังจุดที่เขาอยู่ ผู้หญิงและเด็กจะถูกส่งไปยังที่ปลอดภัยบริเวณภูผาที อันเป็นที่มั่นและรังหลบภัยของพวกม้ง

ขณะนั้นมีการยิงเข้ามาเป็นช่วงๆ ในคืนนั้น และราวเที่ยงของวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๐๘ วันเดียวกับที่ ลินดอน จอห์นสัน เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐอเมริกาอย่างเป็นทางการต่อจากเคนเนดี้ผู้ถูกลอบสังหาร ทหารเวียดนามเหนือคนแรกก็ปรากฏตัวให้เห็น ข้าศึกระดมยิงและเคลื่อนตัวเข้ามาเป็นกลุ่มๆละ ๒-๓ คน เป็นการเคลื่อนเข้าจู่โจมตามตำรา คือ คนหนึ่งวิ่งขึ้นหน้าขณะที่อีกสองคนคอยยิงคุ้มกันและผลัดกันทำเช่นนี้ไปเรื่อยๆ

โพให้ทหารม้งคนหนึ่ง เข้าประจำตำแหน่งและปรับระยะยิงที่ ๓๐๐ เมตร ขณะนั้นลมกำลังสงบจึงไม่จำเป็นต้องปรับศูนย์ปืนเผื่อด้านข้าง ขณะที่ทหารม้งคนนั้นเริ่มยิง โพก็นำทหารม้งคนที่ ๒ และ ๓ และคนต่อๆมา นอนราบตามแนวป้องกัน แต่จนแล้วจนเล่าทหารม้งก็ยิงไม่ถูกข้าศึก พวกเขาลืมสิ่งที่เรียนมาเรื่องการปรับระยะยิงเสียสิ้น โพนั่งลงประกบทหารเป็นรายตัว พยายามแสดงวิธีการยิงเป้าหมายในระยะไกล โดยใช้ภาษามือประกอบ

ทหารเวียดนามคนที่เคลื่อนเข้าใกล้ที่สุดอยู่ห่างออกไป ๒๐๐ เมตร โพเล็งแล้วยิงด้วยปืนคาร์ไบน์เอ็ม ๑ รุ่นสงครามโลก เขารอให้ข้าศึกลุกขึ้นวิ่ง วาดปืนดักหน้าแล้วลั่นกระสุน โดยเล็งไปที่บริเวณศรีษะ ทำเช่นนี้จนไม่เห็นทหารเวียดนามเหนือลุกขึ้นวิ่งอีก เขาคิดว่าข้าศึกกลุ่มนั้นคงถูกสังหารจนหมดสิ้นแล้ว

พารูชาวไทยใช้กล้องส่องทางไกลตรวจนับจำนวนข้าศึกที่นอนแน่นิ่งอยู่ได้ ๑๗ ศพ เสียงปืนบริเวณรอบๆเบาบางลงจนหยุดไปแล้ว แม้ว่าเสียงปืนจากตำแหน่งของทองจะยังหนาแน่นอยู่ก็ตามโพตัดสินใจออกไปค้นหาศพเวียดนามเหนือ เพื่อหาเอกสารจำพวกแผนที่หรือแผนการรบ โพพร้อมด้วยหัวหน้าทีมพารูและทหารคุ้มกันจำนวนหนึ่งเดินเรียงหนึ่งทิ้งระยะห่างระหว่างกันพอประมาณ ลงตามทางลาดของรันเวย์สนามบิน พยายามหลีกเลี่ยงไม่เดินบริเวณกึ่งกลางรันเวย์แต่พยายามเบียดเลาะมาตามขอบสนามบิน เพื่อหลีกเลี่ยงการตกเป็นเป้ากระสุน

เมื่อศพของทหารเวียดนามเหนืออยู่เยื้องไปทางซ้ายด้านหน้าราว ๑๐๐ เมตร พวกเขาจึงเดินตัดข้ามไปอีกด้านหนึ่งของรันเวย์ ในจังหวะนั้นเอง ข้าศึก ๓-๔ คนที่ซุ่มอยู่ในพุ่มไม้ได้เปิดฉากยิงใส่พวกเขา

No comments: