Monday, April 27, 2009

ลำดับ๖๐๔.ยุทธการภูผาที(๕)

บทที่ ๕ ความพ่ายแพ้เมื่อ ๒ ปีก่อน

ในตอนนี้พวกเขาตกอยู่ภายใต้การระดมยิงอย่างหนัก โพสงสัยว่าเขาจะขอให้ชอปเปอร์มารับพวกเขาออกไปได้หรือไม่ หรือว่ามันจะคุ้มค่าหรือไม่หากขอไป หากไม่จำเป็นจริงๆแล้ว เขาไม่ต้องการให้นักบินต้องเสี่ยงตายบินเข้ามาขณะที่มีการโจมตีจากฝ่ายข้าศึก

โพวิทยุเรียกนักบิน บอกไปว่าเขาได้รับบาดเจ็บ แต่จะเดินออกไปจากจุดที่อยู่ขณะนั้น พร้อมทั้งนัดแนะพิกัดที่จะให้นักบินนำเครื่องลงมารับ

จุดนัดหมายที่ปลอดภัยสำหรับนักบินนำชอปเปอร์ลงจอด อยู่ห่างออกไป ๘ กิโลเมตร โดยจะต้องเดินเท้าลงเขา ข้ามลำห้วยสายหนึ่งจากนั้นเดินไต่เขามุ่งทิศตะวันตกไปทางภูผาที โพเดินโขยกเขยกใช้ปืนเอ็ม ๑ แทนไม้เท้าเลาะเลียบสันเขาที่ทางเดินตะปุ่มตะป่ำ เขาไม่สามารถพาตนเองไต่ขึ้นเนินสูงลูกสุดท้ายที่ขวางกั้นอยู่ได้ พวกม้งจึงต้องนำผ้ากันฝนปันโจ มาขึงแทนเปล เพื่อใช้หามโพขึ้นจากบริเวณก้นห้วยแห้งขอดนั้น พารูชาวไทย ๓ คนเดินขึ้นหน้าไปยังจุดหมายที่เห็นชอปเปอร์จอดรออยู่ โดยทิ้งเพื่อนอีกคนที่ยังอยู่ที่ฐาน ซึ่งกำลังทำการยิงปืน ค.ใส่ข้าศึกเพื่อถ่วงเวลาให้กลุ่มถอยหนีได้ทัน อย่างกล้าหาญ

คนไทยทั้งสามคนโต้ตอบ ขณะที่โพตะโกนด่า ออกคำสั่งให้พวกเขากลับไปสมทบกับทอง คนไทยอ้างว่าเข้าใจภาษาอังกฤษที่โพพูดและสาวเท้าออกเดินนำต่อไป

เมื่อโพถูกแบกขึ้นถึงยอดเนิน ชอปเปอร์ที่เพิ่งลงจอดได้สักครู่กำลังติดเครื่องรออยู่ ภายในเครื่องมีนักบิน ช่างเครื่องและหมอเวลดอนที่กำลังรอเขาอยู่

ขณะที่คนไทยทั้ง ๓ พยายามปืนขึ้นเครื่อง โพชักปืนสั้นขึ้นจากซองพกข้างเอว บอกแก่คนทั้ง ๓ ว่าพื้นที่ในชอปเปอร์มีไว้สำหรับคนบาดเจ็บเท่านั้น และว่าพวกเขาทั้งสามคนควรรีบไปสมทบกับพวกของทองได้แล้ว โพโบกปืนไปมาพลางกล่าวกับเวลดอนว่า ถ้าพวกคนไทยพยายามจะขึ้นบนเครื่อง ก็ให้ ชอปเปอร์รีบบินออกไปโดยเร็วเนื่องจากคนพวกนี้กำลังพยายามหนีทัพ และให้ชอปเปอร์บินกลับไปยังห้วยนองเพื่อไปรับผู้บาดเจ็บที่ยังรออยู่ที่นั่น และตอนนี้ก็ไม่มีที่ว่างภายในชอปเปอร์เหลือพอสำหรับใครอีก

บ็อบ บูเนสนักบินชอปเปอร์บอกกับพวกเขาว่า ภูเขาแถบนี้มีระดับความสูงมากและบรรยากาศเบาบางทำให้ไม่สามารถบรรทุกคนได้มากไปกว่านี้ โพตอบว่าเขาได้สัญญากับพวกม้งไว้แล้ว บูเนสเถียงว่าเครื่องยนต์อาจจะไหม้ได้แต่โพไม่สนใจ สั่งให้นักบินทำตามที่เขาบอกในทันที

ชอปเปอร์บินขึ้น โดยไม่มีคนไทยโดยสารไปด้วย โพนอนแผ่หมดแรงอยู่บนพื้นห้องโดยสาร ตัวขาดซีด ปากอ้าค้างเหมือนปลาขาดน้ำกำลังจะตาย ขณะที่เวลดอนกำลังเริ่มแต่งบาดแผลที่สะโพกของเขา โพยื่นแขนมาคว้าตัวเวลดอนไว้และพูดพล่ามฟังไม่ได้ศัพท์ ในที่สุดโพก็สามารถทำให้เวลดอนเข้าใจได้ว่า โพนั้นรู้ว่าพวกม้งอยู่ที่ไหน และนักบินกำลังพาพวกเขามุ่งไปผิดทาง

ประตูห้องโดยสารของชอปเปอร์เปิดอยู่ เวลดอนจึงลากโพไปที่ขอบประตูเพื่อที่เขาจะได้สามารถมองลงไปเห็นภูมิประเทศเบื้องล่างได้ โพเริ่มชี้บอกทิศแก่เวลดอน ว่านักบินควรบินไปทางไหน โดยใช้เส้นทางที่หลีกเลี่ยง ป.ต.อ.ข้าศึก เมื่อพวกเขากลับไปที่ห้วยนอง นักบินบังคับเครื่องลงจอดใกล้กับกองบัญชาการ มีทหารม้งได้รับบาดเจ็บ ๑๓ คนเกือบทุกคนอยู่ในสภาพร่อแร่เต็มที บางคนยังมีกำลังใจดีอยู่ร้องขอบุหรี่สูบกันขรม

ชอปเปอร์บินลำเลียงผู้บาดเจ็บมุ่งทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ไปยังเมืองหัวอันเป็นที่ตั้งของกองบัญชาการใหญ่ทางทหารของแขวง ที่นั่นคนเจ็บจะถูกลำเลียงต่อโดยทางเครื่องบินไปยังที่อื่นๆ เวลดอนติดตามไปกับคนเจ็บเพื่อคอยอำนวยการ เขานำโพเข้ารักษาในโรงพยาบาลแห่งใหม่ ที่อเมริกาสร้างไว้ในฐานบินโคราช เวลดอนอยู่ดูแลจนกระทั่งโพเข้าห้องผ่าตัดเพื่อเอาเศษกระดูกที่แตกออกและเย็บส่วนของลำไส้ที่ฉีกขาดเข้าด้วยกัน.

No comments: