Thursday, April 16, 2009

ลำดับ๕๕๒.ความพ่ายแพ้ของวังเปา(๒)

บทที่ ๒

พวกม้งพยายามจะรักษาที่มั่นไว้ให้นานที่สุดก่อนที่การเจรจาหยุดยิงจะมีขึ้น ทหารกองโจรของวังเปาแม้จะมีจำนวนนับหมื่นแต่ก็เทียบไม่ได้กับฝ่ายปเทดลาวที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี มีทักษะการสู้รบที่สูงกว่า ที่เห็นได้ชัดคือการชี้เป้าปืนใหญ่ สิ่งที่พวกม้งแม้ว่าจะพยายามเท่าไรก็ไม่สามารถทำได้อยู่นั่นเอง ม้งเชี่ยวชาญการตีหัวเข้าบ้านสงครามกองโจร ส่วนเรื่องระเบียบวินัยทหารนั้นไม่อยู่ในหัวของพวกม้งเลย หากเสียงปืนใหญ่ของฝ่ายตรงข้ามดังกว่า ทหารม้งก็พร้อมจะวิ่งหนีเอาตัวรอดทันที

ทางใต้ของทุ่งไหหิน ทหารฝ่ายตรงข้ามได้เคลื่อนกำลังมุ่งเข้าสู่ปาดอง แรกๆทหารม้งที่ตั้งมั่นอยู่บริเวณนั้น พยายามต้านทานข้าศึกเอาไว้เพราะเชื่อว่ายังมีพวกอเมริกันหนุนหลังอยู่ พวกเขาจะไม่มีทางพ่ายแพ้ แต่เมื่อระดมยิงด้วยอาวุธหนักจากฝ่ายข้าศึกหนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ พวกกรีนแบเรต์จึงนำปืน ค.ขนาดลำกล้อง ๔.๒ นิ้วที่มีขนาดใหญ่และน้ำหนักมากแต่ถอดประกอบได้ ขนขึ้นชอปเปอร์สนับสนุนในแนวหน้า ทหารหน่วยกรีนแบเรต์รีบประกอบปืน ทำการยิงออกไปสองสามชุด แล้วปรับพิกัดเป้าหมาย จนสามารถสงบเสียงปืนจากฝ่ายตรงข้ามได้ แต่ก็ชั่วระยะไม่นานเพราะ ๓ วันต่อมาฝ่ายปเทดลาวก็ยิงโจมตีมาจากที่ตั้งแห่งใหม่ใกล้ๆกันนั้น

ที่ปรึกษาชาวอเมริกันจึงตัดสินใจให้ทิ้งฐานที่มั่นจากปาดองเพื่อแยกย้ายไปรวมพลกันใหม่ในสถานที่อื่นห่างออกไป แต่เขาไม่สามารถพูดชักจูงเหล่าผู้นำม้งและเจ้าหน้าที่ ซีไอเอให้เชื่อคำแนะนำนี้ได้ พวกนั้นยืนกรานปฏิบัติตามคำสั่งของแลร์ ที่ปล่อยให้การตัดสินใจขึ้นอยู่กับวังเปาแต่ผู้เดียว อย่างไรก็ตาม เมื่อการระดมยิงด้วยอาวุธหนักจากฝ่ายตรงข้ามทวีความรุนแรงขึ้นเป็นลำดับ วังเปาก็ตกลงใจยอมให้ม้งที่เป็นพลเรือนล่าถอยล่วงหน้าไปก่อน ผู้หญิงและเด็กชาวม้งทยอยเดินเท้ามุ่งลงใต้ไปยังฐานที่ตั้งแห่งใหม่ในแนวหลังผาขาว ห่างไปชั่ววันครึ่งถึงสองวันเดิน

สหรัฐโดยแฮริแมนได้เจรจาทางการทูตกับตัวแทนลาวฝ่ายกลาง โซเวียตและฝ่ายที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ประกาศหยุดยิงชั่วคราวในวันที่ ๓ พฤษภาคม ๒๕๐๔ แต่สัญญาหยุดยิงไม่มีผลทางปฏิบัติ ในปาดองลูกปืนใหญ่ขนาด ๗๕ ม.ม.และโฮวิทเซอร์ ๑๐๕ ม.ม.ผลิตในอเมริกาที่ฝ่ายปเทดลาวยึดมาได้ยังคงปลิวว่อนมาตกอยู่เป็นระยะ ไม่มีแบบแผนแน่นอน พวกทหารม้งวิ่งสุดฝีเท้าเข้าที่กำบังในสนามเพลาะที่ขุดเตรียมไว้ พวกอเมริกันคอยนับจำนวนลูกปืนใหญ่ที่ยิงเข้ามาแล้ววิทยุรายงานไปทางเวียงจันทน์ เพื่อจะรายงานต่อไปยังแฮริแมนที่ได้เดินทางไปเจรจาสันติภาพที่เจนีวา

ในช่วงเวลาแห่งความคับขันนั้นพวกที่ปรึกษา ซีไอเอ และกรีนแบเรต์ได้แตกคอ หัวเสีย กับการตั้งรับข้าศึกอยู่ในที่มั่นของวังเปา วันที่ ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๐๔ ทหารปเทดลาวได้เข้าโจมตีที่มั่นทางเมืองนัท ห่างจากปาดองไปทางตะวันออกราว ๘๐ ไมล์ ทหารม้งและพวกที่ปรึกษาทำการตั้งรับอยู่บนยอดเขา ใช้ปืนกลหนักหลายกกระบอกระดมยิงใส่ ทำให้ฝ่ายปเทดลาวได้รับความเสียหายหนัก แต่ก็ยังระดมดาหน้าหนุนเนื่องเข้ามาเป็นคลื่นมนุษย์ กระทั่งสามารถยึดที่มั่นบนยอดภูของเมืองนัทได้สำเร็จ และสังหารฝ่ายตั้งรับจนเกลี้ยง เมื่อข่าวสะพัดไปถึงฐานที่มั่นที่ปาดอง ขวัญกำลังใจของทหารม้งก็แตกกระเจิงสิ้น

No comments: