Thursday, April 2, 2009

ลำดับ๕๒๕.กองแลปฏิวัติ(๒)

บทที่๒

การรัฐประหารของร้อยเอกกองแลสร้างความงุนงงให้แก่ฝ่ายรัฐบาลเวียงจันทน์และซีไอเอ เว้นแต่ฝ่ายขบวนการปเทดลาว ทั้งนี้เพราะกองแลนับถือสหายสิงกะโปแม่ทัพคนสำคัญของฝ่ายปเทดลาวเป็นอาจารย์ แต่ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือ เมื่อสหายสิงกะโปมีชื่อเสียงโด่งดังขึ้นมาในฐานะนายทหารที่สามารถที่สุดคนหนึ่งของขบวนการปเทดลาว ซีไอเอได้มอบหมายให้กองแลซึ่งในขณะนั้นเป็นนายทหารพลร่มรับการฝึกจากอเมริกัน ให้เข้ามาใกล้ชิดติดต่อเพื่อ “ล้างสมอง” สหายสิงกะโป ให้มารับใช้ผลประโยชน์ของอเมริกัน

สหายสิงกะโปกับกองแลแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันเป็นเวลานาน ๓ เดือน การณ์กลับปรากฏว่ากองแลนั่นเองถูกโน้มน้ามจิตใจเพราะสหายสิงกะโปย้ำอยู่ตลอดเวลาถึงหน้าที่ๆแท้จริงของคนลาวที่รักชาติ และในการพบกันครั้งสุดท้าย กองแลถึงกับกล่าวออกมาว่า “เมื่อถึงเวลาสมควร ครูจะได้รับความสนับสนุนจากวงการต่างๆอย่างไม่คาด พวกเราหลายคนทนต่อไปไม่ได้แล้วเรื่องพี่น้องลาวต้องฆ่ากันเองนี้”

ต่อมา เมื่อตอนทหารปเลดลาว ๒ กองพันหลบหนีการปิดล้อมของกองทหารฝ่ายรัฐบาลเวียงจันทน์ที่พงสาลีและซำเหนือ กองพันพลร่มของรัฐบาลเวียงจันทน์ได้รับคำสั่งให้ออกติดตามกวาดล้าง แต่กลับถูกตอบโต้จนแตกพ่าย (การหลบหนีของ ๒ กองพันของฝ่ายปเทดลาวอ่านได้ที่
กองพันพลร่มที่ ๒ ของกองแลก็ได้รับคำสั่งให้ออกปฏิบัติการแทน กองแลจึงติดต่อไปถึงสหายสิงกะโปซึ่งขณะนั้นถูกควบคุมตัวอยู่ในคุกโพนเค็ง สหายสิงกะโปกำลังจะหลบหนีออกจากคุกพร้อมด้วยคณะทั้งหลาย จึงส่งข่าวกลับไปว่า “อย่าเปิดเผยตัวเองหรือกองทหารของตัวเองให้มากนัก”

เมื่อกองพันพลร่มของกองแลติดตามกองทหารปเทดลาวทัน ในทันที่ที่เผชิญหน้ากันนั้นกองแลที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยก็ถือโอกาสหลบเข้าไปรักษาพยาบาล กองทหารของกองแลที่ไม่มีผู้บังคับบัญชาจึงแตกฮือหลบหนีในการปะทะกันครั้งแรกนั้นเอง

เมื่อเจ้าสุภานุวงศ์ได้รับทราบเรื่องการทำรัฐประหารในเวียงจันทน์ก็ได้หารือกับผู้นำคนอื่นๆ ถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ในที่สุดก็ตกลงมอบหมายให้สหายสิงกะโปเป็นผู้ไปติดต่อกับกองแลโดยเร่งด่วน

ระยะทางจากคุกโพนเค็งมาถึงฐานที่มั่นในป่าใช้เวลาเดินทางนานถึง ๓ เดือน แต่สหายสิงกะโปได้รีบเร่งเดินทางโดยทางลัดไปเวียงจันทน์ใน ๗ วัน แล้วกองแลก็ส่งเฮลิคอปเตอร์ไปรับเข้าเมือง

สหายสิงกะโปได้บันทึกเรื่องราวในการไปติดต่อกับกองแลไว้ว่า

“คณะของเราจึงได้จัดตั้งคณะเจรจาขึ้นมาคณะหนึ่งตามคำชี้นำของศูนย์กลางพรรค คณะเจรจามีท่านหนูฮัก ภูมิสวันเป็นประธาน และในส่วนของเจ้าสุภานุวงศ์และคณะจำนวนหนึ่งได้เดินทางกลับไปซำเหนือ

ขณะเดียวกันสหายสาลี วงศ์คำซาว กับ ร.ท.เดือน สุนนะลาด รองหัวหน้าคณะรัฐประหารของกองแลได้ขึ้นเครื่องเฮลิคอปเตอร์บินวนเวียนไปเที่ยวหาพวกเราเพื่อให้มาเจรจาร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลผสม ๓ ฝ่าย

ขณะนั้นเจ้าสุวรรณภูมาได้ถูกเจ้ามหาชีวิตเรียกตัวกลับมาจากปารีส(ถูกส่งไปเป็นเอกอัครราชทูตประจำฝรั่งเศส)ให้มารับการตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเพื่อให้ดำเนินนโยบายสันติภาพ เป็นกลาง และปฏิบัติเพื่อความปรองดองแห่งชาติ

คณะพวกเราเดินทางจากบ้านบวกแก้วทั้งกลางวันและกลางคืน ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า เมื่อได้ยินแถลงการณ์ของเจ้าสุวรรณภูมาทางวิทยุกระจายเสียงที่เรียกร้องให้รัฐบาลลาวต่อต้านเข้าไปเจรจาเพื่อรวมลาว ซึ่งก็ตรงกับวัตถุประสงค์สูงสุดของพวกเรา

สำหรับตัวเองได้รับมอบหมายจากศูนย์กลางพรรคให้เป็นผู้วางแผนช่วยเหลือกองแลโดยตรง เพราะได้คาดการณ์ไว้ว่าสงครามจะต้องเกิดขึ้นแน่นอน และเราก็ชำนิชำนาญเรื่องรบทัพจับศึกมาแล้ว อย่างที่ชาวบ้านเขาพูดกันว่า ที่ไหนมีศึกที่นั่นต้องมีสิงกะโป”

No comments: