Tuesday, April 21, 2009

ลำดับ๕๖๒.เริ่มมุ่งหน้าสู่สมรภูมิเวียดนามใต้

ในช่วงปลายปี ๒๕๐๔ สหรัฐอเมริกาได้เข้าสู่ “สงครามพิเศษ” ในเวียดนามใต้แล้ว ทั้งเฮลิคอปเตอร์และผู้ขับจำนวนมากไปถึงเวียดนามใต้ตั้งเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม ๒๕๐๔ กองบัญชาการก็ได้ตั้งขึ้นที่ไซ่ง่อนโดยมีนายพลปอล ฮาร์กินส์ เป็นผู้บังคับบัญชาในเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๐๕

ความเป็นจริงที่ว่าได้มีการแทรกแซงทางทหารในเวียดนามใต้ก็ย่อมจะส่งผลถึงการประชุมแก้ปัญหาลาวและสัญญาต่างๆที่ลงนามกันแล้วนั้นว่าจะมีผลสมบูรณ์หรือไม่ เพราะว่าการละเมิดต่อสัญญาสงบศึกเจนีวา ๒๔๙๗ ของอเมริกันเป็นลางร้ายที่จะยังความพินาศให้แก่การทำความตกลงกันใหม่ในลาวถึงขั้นลงนามในสัญญาต่างๆ กันไปแล้วในที่ประชุมเจนีวาระหว่างปี ๒๕๐๔-๒๕๐๕ อย่างไม่มีปัญหา

แผนของอเมริกันที่ได้มีการออกความเห็นกันในหนังสือพิมพ์เป็นที่แพร่หลายไปแล้วก็ได้แก่การเปิดถนนสายที่ ๙ ขึ้นในภาคใต้แล้วตัดเส้นทางเชื่อมภาคเหนือของเวียดนามใต้กับไทยเข้าด้วยกัน โดยผ่านทางภาคใต้ของลาวเพื่อจะได้ส่งกองทหารและอาวุธยุทโธปกรณ์ได้โดยสะดวกตามความจำเป็นของสถานการณ์ทางทหาร หน้าฉากที่แสดงออกสู่โลกคือ ภูมี หน่อสวัน กับ ซีไอเอ พากันแข็งข้อต่อนโยบายของกระทรวงการต่างประเทศนั้น ความจริงก็เพื่อตบตาแผนของกระทรวงกลาโหมดังกล่าว โดยประธานาธิบดีอเมริกันเองเป็นผู้รู้และให้ความเห็นชอบด้วยการสนับสนุน “ลาวที่เป็นกลาง” ดังเช่นที่ได้แสดงความกดดันต่อภูมี ที่แท้ก็เพื่อเบนความสนใจของสาธารณชนเท่านั้น

การสนับสนุนความเป็นกลางในลาวของอเมริกันไปในขณะเดียวกันที่อเมริกันเองประณามความคิดในเรื่องเป็นกลางในเวียดนามใต้อย่างเปิดเผย การสนับสนุนนโยบายเป็นกลางในเวียดนามใต้เป็นอาชญากรรมซึ่งมีโทษร้ายแรงถึงประหารชีวิต--ขณะเดียวกันอเมริกันก็ปฏิเสธโดยเปิดเผยเช่นกันต่อข้อเสนอของสีหนุที่จะให้รับรองความเป็นกลางของกัมพูชา นโยบายของสหรัฐอเมริกาในลาวที่แท้จริงก็คือสิ่งที่ลาวได้จาก ภูมี หน่อสวัน,นายพลฝ่ายขวาทั้งหลายและซีไอเอ ที่ปรึกษาใหญ่ ไม่ใช่คำพูดเพ้อเจ้อในเรื่อง “ความเป็นกลางที่แท้จริง” ซึ่งตามความเป็นจริงไม่เคยมีการปฏิบัติกันเลย

No comments: