Wednesday, April 29, 2009

ลำดับ๖๑๕ยุทธการภูผาที(๑๖)

บทที่๑๖ ขวัญเสียหลังการพ่ายแพ้ที่น้ำแบ่ง

การเข้ายึดน้ำแบ่งเป็นเพียงฉากหนึ่งของการโจมตีช่วงหน้าแล้งของทหารเวียดนามเหนือ ข้าศึกทำการรุกคืบมาจากบริเวณทุ่งไหหิน เสียงระเบิดจากลูกปืน ค.ฝ่ายข้าศึกสามารถได้ยินชัดเจนถึงกองบัญชาการในซำทอง สถานการณ์โดยรวมของซำทองอยู่ในขั้นวิกฤต ชาวบ้านและทหารต่างหวาดกลัว ขวัญกำลังใจของพวกเขาต่ำลงถึงขีดสุด อย่างที่ไม่เห็นมาก่อนในช่วง ๕ ปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามหากอเมริกันที่นี่ยังคงอยู่ร่วมงานกับพวกเขาต่อไปคอยให้กำลังใจและประกันว่าพวกอเมริกันจะไม่ทิ้งหนีหายไปไหนและจะยังให้ความช่วยเหลือตามปรกติเหมือนที่ผ่านมา พวกเขาก็จะสามารถรวบรวมกำลังใจพร้อมเผชิญหน้าสถานการณ์อันเลวร้ายได้ต่อไป แต่ถ้าอเมริกันมีแผนจะถอนตัวออกไปล่ะก็ เวลานี้ก็เหมาะที่สุดแล้ว แต่แน่นอนล่ะถ้าทำเช่นนั้นทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกอเมริกันสร้างขึ้นมาก็จะพังทลายลงอย่างแน่นอน

วังเปาเองก็วิตกกังวลอย่างยิ่ง วังเปาระบายความรู้สึกกับพวกที่ปรึกษาอเมริกันในซำทอง เขาตั้งคำถามว่าหากมันถึงเวลาคุณจะเดินทางไปยังภาคเหนือของไทยกับผมหรือไม่, คุณคิดว่าเราจะต้านทานข้าศึกไปได้อีกนานแค่ไหน และคนของผมจะยังเชื่อมั่นในตัวผมอยู่หรือไม่

พวกผู้นำชาวเขากล่าวว่ามีการแปรพักตร์ไปเข้ากับฝ่ายศัตรูเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาถามว่าเมื่อไรจะมีกองหนุนมาช่วยและว่ารัฐบาลอเมริกาจะส่งกำลังทหารเข้ามาในลาวหรือไม่ พวกเขายังถามอีกด้วยว่าในที่สุดพวกอเมริกันจะถอนตัวออกไปจากภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้หรือเปล่า

ไม่มีคำตอบให้กับคำถามเหล่านี้ มีแต่การเตรียมการอพยพทางอากาศและจัดเตรียมเสบียงอาหารไว้หากถึงเวลาจำเป็น สองอาทิตย์ต่อมา เมื่อทหารของวังเปาเริ่มคลี่คลายลง อย่างไรก็ตามหากดูกันตามความเป็นจริงแล้ว ในเรื่องพื้นที่ยึดครองตอนนี้ฝ่ายม้งก็อยู่ในสภาพเหมือนเมื่อ ๔ ปีก่อน ทว่าข้อแตกต่างตอนนี้กับตอนนั้นก็คือ ฝ่ายม้งได้สูญเสียทหารไปมากกว่า ๒๕ เปอร์เซ็นต์ และยังมีอีกมากที่ถูกจับไปเป็นเชลยนอกจากนี้ ทหารฝ่ายม้งยังอ่อนล้าและเหนื่อยหน่ายกับการสู้รบ ตอนนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าข้าศึกมีความกระหายชัยชนะเพียงใด และมีทหารวังเปาเหลืออยู่ทำการต่อต้านจำนวนมากน้อยแค่ไหน

รัฐบาลอเมริกันมีแผนตั้งรับข้าศึกที่ภูผาที แต่แผนดังกล่าวอาจทำให้ผู้ที่ยังมีสติดีอยู่ถึงกับต้องตีอกชกหัวหรือเอาหัวโขกกำแพงเสียให้รู้แล้วรู้รอด แผนดังกล่าวเป็นความพยายามประนีประนอมทางการเมืองระหว่างสถานทูตอเมริกากับกองทัพอากาศที่ยังดูท่าทีจนนาทีสุดท้ายโดยพยายามสูญเสียผลประโยชน์ของหน่วยงานตนให้น้อยที่สุด เพื่อที่จะได้ไม่ให้อีกฝ่ายได้ใจต่อไปในภายหน้า!

No comments: