Friday, April 24, 2009

ลำดับ๕๙๑.การบาดเจ็บของวังเปา


เช้าตรู่วันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๐๙ ทหารเวียดนามเหนือได้เข้าโจมตีนัคฮังฐานที่มั่นของวังเปาทางตอนเหนือของทุ่งไหหิน เมื่อแสงอรุณขึ้นแล้วอเมริกันผู้ทำหน้าที่ชี้เป้าการโจมตีทางอากาศได้วิทยุขอกำลังสนับสนุนทางอากาศและชี้พิกัดให้นักบินเครื่องเอฟ-105 เข้าโจมตีตำแหน่งที่ตั้งทหารข้าศึก อย่างไรก็ตาม อีกหลายวันต่อมาทหารเวียดนามเหนือสามารถเข้ายึดที่มั่นในนัคฮังได้เป็นผลสำเร็จ

การรบครั้งนี้ได้นำไปสู่เหตุการณ์ประหลาดระหว่างวังเปาและพวกอเมริกัน ในวันที่สองของการสู้รบ วังเปาโดยสารชอปเปอร์ไปลงที่สนามบินในนัคฮัง ขณะก้าวออกจากเครื่อง มีทหารข้าศึกที่ดักซุ่มอยู่ในระยะไกลเปิดฉากยิงเข้าใส่ วังเปาถูกกระสุนเข้าที่หน้าอกและต้นแขน

นักบินนำเครื่องขึ้น พาวังเปามุ่งตัดลำโขงไปยังโรงพยาบาลของทหารอากาศอเมริกันในโคราช เพียงไม่กี่นาทีหลังจากวังเปามาถึงยังห้องฉุกเฉิน ซุลลิแวนเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำลาวเมื่อได้ข่าวก็รีบจับชอปเปอร์จากเวียงจันทน์มาดูอาการวังเปาที่โรงพยาบาลทันที นายแพทย์ทหารอากาศที่โรงพยาบาลตรวจดูฟิล์มเอ็กเรย์และบอกกับซุลลิแวนว่า ลูกกระสุนได้ตัดกระดูกชิ้นหนึ่งบริเวณต้นแขนของวังเปาที่อยู่ใต้กระดูกส่วนเบ้าหัวไหล่พอดี คณะแพทย์บอกแก่ซุลลิแวนว่า วังเปาจะหายดีเหมือนเดิมหากการผ่าตัดเพื่อใส่ท่อนเหล็กเสริมเข้าบริเวณช่องว่างของกระดูกประสบผลสำเร็จ

ซุลลิแวนสามารถมองเห็นปัญหาที่จะเกิดขึ้นตามมาได้ล่วงหน้า พวกชาวเขาที่นับถือภูตผี มีความเชื่อเกี่ยวกับการขับไล่ผีที่เข้าสิงสู่ในร่างกายมนุษย์ พวกเขาไม่ชอบให้มีสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในร่างกาย ซุลลิแวนจึงแนะให้หมอปิดเรื่องการใส่เหล็กดามกระดูกไว้ไม่ให้วังเปารู้ แต่คณะแพทย์ปฏิเสธ บนพื้นฐานด้านจริยธรรมของวิชาชีพ

ซุลลิแวนจึงเสนอว่าตัวเขาจะเป็นคนบอกเรื่องนี้แก่วังเปาเอง ซึ่งหมอก็ตกลง ด้วยภาษาฝรั่งเศสที่หมอฟังไม่เข้าใจ ท่านทูตบอกแก่วังเปาเรื่องการผ่าตัด จากนั้นพยายามพูดโน้มน้าวตามที่ซุลลิแวนเล่าต่อมาว่า “เหล็กที่ใส่นั้นจะค่อยๆหลอมละลายไปเองเมื่อถูกอุณหภูมิของร่างกาย และท้ายที่สุดจะสลายตัวไปจนหมด เหมือนกับวิญญาณชั่วร้ายที่เข้าสิงสู่ร่างกาย ที่ถูกขับไล่ออกจากร่างกายไปนั่นเอง”

คณะแพทย์มองดูสีหน้าวังเปาที่ตอนแรกขมวดคิ้วนิ่วหน้า จนเริ่มคลายกังวลและสามารถยิ้มออกมาได้ในที่สุด เมื่อวังเปาตอบตกลง พวกเขาก็เข็นเข้าห้องผ่าตัดทันที

เหล็กที่ใส่เข้าไปนั้นไม่ได้รักษาหัวไหล่ของวังเปาให้หายดีเหมือนเดิม ต่อมาในปีเดียวกันนั้น วังเปาต้องเดินทางไปฮาวาย สถานที่ซึ่งการแพทย์ทันสมัยของตะวันตกได้รักษาเขาจนหายขาด

No comments: