Friday, April 17, 2009

ลำดับ๕๕๓.ความพ่ายแพ้ของวังเปา(๓)

บทที่ ๓

๑๓ พฤษภาคม ปาดองถูกโจมตีอย่างเต็มรูปแบบ ฝ่ายปเทดลาวสามารถยึดแนวสันเขา ที่กั้นขวางที่มั่นกับทุ่งไหหินเป็นผลสำเร็จ ถนนถูกสร้างขึ้นใหม่หลายสายเพื่อใช้เป็นเส้นทางลำเลียงอาวุธหนัก นอกจากนั้นยังได้สร้างฐานปืนใหญ่ ซุกซ่อนตัวในแนวกำบังของสันเขา เป็นการยากที่ปืนครกขนาด ๔.๒ นิ้ว จะสร้างความสูญเสียให้ได้ ฝ่ายปเทดลาวยังได้เพิ่มการลาดตระเวน และหน่วยลาดตระเวนได้เข้ามาใกล้ฐานฝ่ายม้ง เพื่อสำรวจหาจุดอ่อนของแนวป้องกัน

บริเวณสุดท้ายบนแผ่นดินสูง อันเป็นสถานที่ปลอดภัยจากข้าศึก คือ เทือกเขาใหญ่ ตั้งอยู่ทางเหนือของปาดอง โดยการกระตุ้นของพวกอเมริกัน วังเปาดำเนินการจัดตั้งฐานที่มั่นบนยอดเขาใหญ่ แต่ทหารม้งที่วังเปาส่งขึ้นไปประจำบนนั้น ได้กลับลงมาในสองสามวัน และบ่นว่าบนยอดเขาไม่มีแหล่งน้ำ

๑๕ พฤษภาคม ชอปเปอร์ H-34 ของแอร์อเมริกันได้บินเข้ามาในฐานที่มั่นในแนวหลังที่ผาขาว นักบินนำเครื่องบินอยู่เหนือปาดองและผ่านเลยไป เวลานั้นกำลังปลอดจากการระดมยิงจาก ป.ต.อ. ฝ่ายปเทดลาวพอดี ทุกคนในฐานมองเห็นนักบินนำเครื่องวกทวนกระแสลม เพื่อลงจอดอย่างไม่กระตือรือร้นเท่าใดนัก พลันกลุ่มเมฆหนาเคลื่อนตัวมาจากภูเขา เมื่อนักบินนำเครื่องเข้ายังกลุ่มเมฆ ก็เกิดเสียการทรงตัว เครื่องปะทะเข้ากับเชิงเขาอย่างจัง

คนของวังเปาช่วยกันดึงศพนักบินออกจากซากชอปเปอร์ ใช้ผ้าร่มห่อศพนำลงบรรจุในลังไม้ที่ใช้แทนหีบศพ กระทั่งชอปเปอร์อีกลำมารับศพกลับไป เหตุการณ์นี้เป็นลางร้ายสำหรับพวกม้ง และจากนี้ไปพวกม้งก็ทยอยหลบหนีไปทีละคนสองคน

เหตุการณ์ชอปเปอร์ตก ได้ทำลายขวัญกำลังใจของตัววังเปาเอง ห่างออกไป ๕๒๐ ไมล์ทหารปเทดลาวได้จับตัวประกันชาวอเมริกัน ๓ คน ไปเป็นเชลย คนหนึ่งเป็นนักข่าว ชื่อแกรนท์ วอล์ฟคิล อีกสองคนเป็นทหารกรีนแบเรต์ จ่าออวิลล์ บัลเลนเจอร์ และร้อยเอกวอลเตอร์ มูนที่ปาดอง พวกกรีนแบเรต์กำลังวางแผนช่วยเหลือตัวประกันชาวอเมริกัน โดยวางแผนจะใช้ชอปเปอร์หลายเครื่องเข้าช่วยสนับสนุน แต่ต้องเลื่อนออกไปทุกครั้งเพราะวังเปามีข้ออ้างเรื่องความไม่พร้อม พวกกรีนแบเรต์เชื่อว่าวังเปาหลอกลวงพวกเขาเนื่องจากไม่ต้องการรับผิดชอบต่อการสูญเสียชีวิตทหารอเมริกันอีกต่อไปต่อมานักข่าวและกรีนแบเรต์คนหนึ่งถูกปล่อยตัวกลับมาส่วนอีกคนหนึ่งถูกประหารชีวิต ไม่กี่วันต่อมาวังเปาก็รีบตาลีตาเหลือกขึ้นชอปเปอร์โดยขอให้นักบินไปส่งยังสนามบินแห่งหนึ่งโดยอ้างว่าจะไปนำเสบียงอาหารข้าวสารมาเพิ่มเติม

พวก ซีไอเอ ที่ปรึกษา พารูชาวไทย ได้สั่งให้ทุกคนเตรียมพร้อมถอนกำลังในทันที นำสิ่งของติดตัวไปเท่าที่จะทำได้และทำลายทุกอย่างที่ไม่สามารถนำไปด้วยได้ หลังจากจุดไฟเผากระท่อม พวกเขาออกเดินไปตามสันเขาทิศใต้ กลุ่มคนเหล่านี้ประกอบด้วยอเมริกัน ๕-๖ คน พารูชาวไทย ๑๐ กว่าคน ม้ง ๔๐๐-๕๐๐ ชีวิต เสียงระรัวของปืนกลเล็กดังขึ้นเรื่อยๆ ลูกกระสุนปลิวตัดแนวกิ่งไม้เบื้องบน มีทิศทางมาจากแนวสันเขาเบื้องหน้าพวกเขา

อเมริกันและพวกพารูช่วยกันระวังหลัง จนล่วงเวลากลางคืน ความมืดเข้าปกคลุมพื้นที่ พวกม้งกระจายกันเป็นกลุ่มๆ ตามที่ถูกฝึกเอาไว้ ฝนเริ่มลงเม็ดราวเที่ยงคืน ทหารม้งบางคนได้เปิดสวิชท์ไฟฉายเพื่อส่องดูทางแม้จะถูกสั่งห้ามไว้แล้วก็ตาม ทันใดนั้นพวกเขาก็ตกอยู่ภายใต้การระดมยิงจากอาวุธหนักของข้าศึก

เช้าวันใหม่ดวงอาทิตย์สาดแสง ชอปเปอร์ H-34 หลายเครื่องบินมาลงจอดบนที่โล่งไม่ไกลออกไป พวกพารูไทย และกรีนแบเรต์ได้เบียดเสียดกันขึ้นเครื่อง

พวกเขาออกจากปาดองพร้อมด้วยความพ่ายแพ้อย่างยับเยิน แม้มีอเมริกันคอยช่วยเหลือ พวกเขาก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของทหารฝ่ายคอมมิวนิสต์ พวกอเมริกันหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ว่าเหตุใดพวกเขาจึงไม่หาทางป้องกันปาดองเสียแต่เนิ่นๆ วังเปามาพบพวกเขาที่ผาขาว ทุกคนดูกระปลกกระเปลี้ยและเสียขวัญ.

No comments: