Monday, May 4, 2009

ลำดับ๖๒๘ยุทธการภูผาที(จบ)

บทที่๒๙ อเมริกันพ่ายแพ้บนภูผาที

นักบินนำชอปเปอร์เข้าใกล้ที่มั่นบนยอดภูผาทีประมาณ ๑ ชั่วโมงหลังอาทิตย์ขึ้น มันเป็นชอปเปอร์ของแอร์อเมริกาไม่ใช่ของกองทัพ ซึ่งนำเครื่องขึ้นพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ซีไอเอ ๒ คนและเจ้าหน้าที่เทคนิคอีก ๕ คน โดยมีเอ็ทช์เบอร์เกอร์เป็นคนสุดท้ายที่ปีนขึ้นชอปเปอร์ ขณะที่นักบินกำลังนำเครื่องขึ้นจากลานจอด ทหารเวียดนามเหนือคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นด้านหลังเครื่องปั่นไฟและสาดกระสุนปืนประจำกายขึ้นใส่บริเวณใต้ท้องชอปเปอร์ กระสุนนัดหนึ่งเจาะทะลุพื้นห้องโดยสารถูกเอ็ทช์เบอร์เกอร์จนแน่นิ่งไป

นักบินนำเครื่องไปลงที่นัคฮัง จากนั้นพวกเขาถูกนำขึ้นเครื่องบินลำเลียงขนาดเบาแบบคาริบู บินต่อไปยังอุดรฯ เมื่อเครื่องลงจอดร้อยโทเครย์ตัน ที่กำลังรอพวกเขาอยู่ที่นั่น รีบกระโจนขึ้นบนเครื่อง ในตอนแรกเขาจำเอ็ทช์เบอร์เกอร์ที่นอนเบิกตาโพรงอยู่บนพื้นห้องโดยสารไม่ได้ ดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีขาวขุ่น บนเนื้อตัวไม่มีร่องรอยบาดเจ็บใดๆ ต่อมาภายหลัง จากการชันสูตรศพจึงพบว่าลูกกระสุนได้เจาะเข้าร่างกายเขาจากเบื้องล่างและเข้าสิ้นชีวิตจากการตกเลือดภายใน ในมือขวาของเขากำสลักลวดคู่หนึ่งไว้แน่นไม่ยอมปล่อย

ก่อนขึ้นเครื่องเอ็ทช์เบอร์เกอร์ได้กลับไปยังสถานีเรดาห์และดึงสลักลวดวงจรเริ่มการทำงานของระเบิดภายในอาคารเรดาห์

นอกเหนือจากพื้นที่บริเวณยอดเขา ทหารม้งยังคงควบคุมพื้นที่ส่วนใหญ่รอบภูผาที หน่วยทหารรบพิเศษของไทยนั้นแทบไม่ได้ปะทะกับทหารข้าศึกเลย อย่างไรก็ตามได้มีคำสั่งให้ถอนกำลังทุกส่วนออกมาจากบริเวณภูผาที โดยไม่มีการตอบโต้ข้าศึกแต่อย่างใด

เซ็กคอร์ดได้เล่าถึงเหตุการณ์ในภายหลังว่า “อากาศในตอนนั้นดีขึ้นมาก ฝ่ายเรามีทหารจำนวนมากอยู่บนนั้น ทุกคนต่างลาดตระเวนไปรอบฐานมองหาข้าศึกเพื่อสังหารให้สิ้นซาก แต่นั่นก็สายไปเสียแล้ว ตอนรุ่งเช้าของวันนั้น เครื่องบิน เอ-1 เครื่องหนึ่งถูกยิงตกและนักบินเสียชีวิต เรามีเวลาเพียงช่วงสั้นๆ ในการเข้าไปในพื้นที่แล้วก็รีบถอนตัวออกมาอย่างเร่งด่วน”

“เราไม่เคยทำได้ตามแผนที่วางไว้ เราได้มีการล่าถอยอย่างเป็นระบบ ได้ติดตั้งระเบิดทำลายอุปกรณ์เรดาห์เอาไว้แล้ว แต่จนแล้วจนรอดเราก็ไม่ได้ระเบิดมันทิ้ง ทุกอย่างเละตุ้มเปะไม่เป็นท่า”

“มันเป็นเหตุการณ์ที่สั่นสะเทือนความมั่นใจของพวกเราทุกคนอย่างยิ่ง”

Friday, May 1, 2009

ลำดับ๖๒๗ยุทธการภูผาที(๒๘)

บทที่๒๘ สุดต้านทาน

อเมริกันคนที่สี่ซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้ใกล้ๆกันนั้น ส่วนพวกที่เหลือในสถานีเรดาห์ต่างวิ่งหนีตายไปที่ประตูทางออกอีกด้านหนึ่งของอาคาร โดยลืมตั้งเวลาระเบิดทำลายสถานีเรดาห์

เมื่อบังค์เกอร์กระสอบทรายถูกลูกปืนใหญ่ข้าศึกทำลายไปแล้ว เจ้าหน้ที่ควบคุมอุปกรณ์เรดาห์อีกกะหนึ่งซึ่งพักรอเวลาเข้ากะอยู่ตรงบริเวณชะง่อนหินที่อยู่เยื้องลงมาจากหน้าผาไม่กี่ฟุต หนึ่งในนั้นมีจ่าสิบเอกริชาร์ด เอ็ทช์เบอร์เกอร์ที่ชำนาญด้านอิเล็กทรอนิกส์ เมื่อทหารฝ่ายตรงข้ามปรากฏตัวขึ้นที่ด้านบนตรงขอบหน้าผาและเริ่มระดมยิงลงมา เขาจึงได้ยินสวนขึ้นไปด้วยปืนเอ็ม-16 พวกข้าศึกจึงโยนลูกระเบิดมือลงมาบริเวณชะง่อนหินเบื้องล่าง พวกอเมริกันตาลีตาเหลือกใช้เท้าเตะลูกระเบิดลงหน้าผาไป แต่ลูกระเบิดบางลูกเกิดระเบิดขึ้นก่อนที่พวกอเมริกันจะทันทำอะไร พวกเขาบางคนจึงบาดเจ็บจากสะเก็ดระเบิด และเศษหิน จ่าทหารอากาศอีกคนหนึ่งถูกระเบิดเข้าอย่างจัง จนปลิวตกหน้าผาไปเนื่องจากพยายามวิ่งเข้าเตะระเบิดที่เกิดระเบิดขึ้นพอดี

อเมริกันคนอื่นๆ ที่ขนาบสองข้างเอ็ทช์เบอร์เกอร์ต่างได้รับบาดเจ็บ พวกเขาได้ยื่นแม็กกาซีนกระสุนสำรองให้เขาเพื่อยิงสกัดไม่ให้ฝ่ายข้าศึกลงมาที่ที่พวกเขาอยู่ได้

ในเวียงจันทน์ ท่านทูตซุลลิแวนได้รับแจ้งการปะทะกันด้วยอาวุธปืนประจำกายบนยอดเขา แต่ยังไม่รู้ว่าสถานการณ์เป็นอย่างไร เมื่อถึงเวลาตีห้าสิบห้านาทีเขาตัดสินใจสั่งการให้อพยพทุกคนออกจากที่มั่นบนยอดเขา

ในขณะเดียวกันนั้น ฟรีแมน ฉวยปืนลูกซองกึ่งอัตโนมัติพร้อมลูกระเบิดมือ ไต่หน้าผาขึ้นไปบนยอดเขาโดยมีทหารม้งหมู่หนึ่งติดตามมาด้วย พวกเขาไม่พบทหารข้าศึกบนยอดภู แต่ในเวลาที่พวกเขาขึ้นมาถึงยอด พวกทหารม้งที่ตามมาได้หนีหายไปเกือบหมด แสงแรกของอรุณได้มาเยือนภูผาที กลุ่มเมฆที่หนาทึบปกคลุมยอดเขาอยู่ก็เริ่มจางลงจนเลือนหายไปในที่สุด

ฟรีแมนเดินอ้อมไปทางตะวันตกของกลุ่มอาคารบริเวณยอดเขาห่างจากหน้าผาเพียงไม่กี่หลา ที่นั่นเขาเห็นทหารเวียดนามเหนือคนหนึ่ง จึงยิงออกไปด้วยปืนลูกซอง แต่เมื่อสิ้นเสียงปืนนัดแรก กระสุนก็ขัดลำกล้อง เขารีบแก้ไขจนกลับมายิงได้ และต่างฝ่ายก็เริ่มยิงโต้ตอบกันโดยไม่มีใครยิงโดนอีกฝ่ายหนึ่ง

เมื่อวิ่งอ้อมมุมตัวอาคารไป ฟรีแมนมองเห็นรังปืนกลข้าศึกตั้งอยู่ภายในกระสอบทรายล้อมรอบ ขณะนั้นทหารเวียดนามคนหนึ่งกำลังใส่ใจกับการยิงปืนกลเข้าใส่เครื่องบินใบพัดเอ-1 ที่กำลังบินวนรอบๆยอดเขา ฟรีแมนจึงยิงใส่ทหารคนนั้น จากนั้นวิ่งกลับไปตามทางที่ตัดตรงไปยังลานจอดเฮลิคอปเตอร์ เขาได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้ายบริเวณใต้หัวเข่า แต่ไม่สาหัสนัก

ลำดับ๖๒๖ยุทธการภูผาที(๒๗)

บทที่๒๗ บุกถึงยอดภู

๐๒๐๐ น.เจ้าหน้าที่อาวุโสคนหนึ่งของกองทัพอากาศบนภูผาที คือร้อยตรี บิล แบลนตัน ได้แลกเปลี่ยนข้อความทางโทรเลขกับเจ้านายของเขาร้อยโทเครย์ตันที่อยู่ในศูนย์ฯ๔๘๐๒ อุดรฯ เครย์ตันแจ้งว่าเท่าที่เขาทราบนั้นเจ้าหน้าที่บนภูผาทีได้รับอนุมัติให้ระเบิดสถานีเรดาห์ทิ้งและเผ่นหนีเอาตัวรอดออกมาในทันที แบลนตันตอบกลับมาว่าเรดาห์ยังคงทำงานอยู่และพวกเขาก็คิดจะกลับไปควบคุมอุปกรณ์ที่นั่น จ่าเมลวิน ฮอลแลนด์ เจ้าหน้าที่วิทยุเขียนต่อท้ายมาในข้อความว่า “หวังว่าคงได้เจอกัน”

ราวๆ ตีสามสิบห้านาที เจ้าหน้าที่ซีไอเอที่รออยู่บริเวณลานจอดเฮลิคอปเตอร์ ได้ติดต่อมายังอุดรฯ แจ้งว่าเขาไม่สามารถติดต่อวิทยุกับเจ้าหน้าที่เทคนิคในสถานีเรดาห์ได้ “ผมได้ยินเสียงปืนอัตโนมัติดังมาจากข้างบนนั้น” ฟรีแมนแจ้งมาทางอุดรฯ

“คุณว่าไงนะ” แลนดรี้คว้าไมค์ตะโกนถามออกไป เสียงปืนอัตโนมัติเหมือนกับเสียงของปืนเอ็ม-๑๖ ซึ่งมีเสียงยิงถี่รัวแตกต่างอย่างมากจากเสียงอาวุธหนักของเวียดนามเหนือที่ยิงขึ้นมาจากบริเวณเชิงเขา หากเจ้าหน้าที่ซีไอเอหูไม่ฝาดไปล่ะก็ นั่นหมายความว่าพวกข้าศึกได้เล็ดลอดผ่านแนวตั้งรับขึ้นไปได้แล้ว แล้วพวกคนไทยอยู่ที่ไหนกัน

“นั่นนะสิ แต่ผมแน่ใจว่าหูไม่ฝาด” ฟรีแมนยืนยัน

แลนดรี้สั่งการไปว่า “คุณรีบไปตามพวกนั้นมาโดยด่วน และรีบขึ้นไปยอดเขาอย่าชักช้า”

เซ็กคอร์ดใช้โทรศัพท์สายตรงจากฝูงบินที่ ๑๓ ในอุดรฯ พูดกดดันนายทหารเวรของกองบินที่ ๗ ยศนายพลจัตวาว่าจะส่งตัวเขาขึ้นศาลทหารหากยังดื้อรั้นไม่ยอมส่งเครื่องกันชิพไปยังไซท์ลิม่า ๘๕

คลื่นสัญญาณวิทยุจากบนยอดเขาไม่ชัดเจนนัก แต่พอจับความได้ว่าขณะนั้นฟรีแมนถูกตรึงอยู่กับที่ และบริเวณลานจอดเฮลิคอปเตอร์ก็ตกอยู่ภายใต้การโจมตีทั้งจากอาวุธหนัก และปืนประจำกายของข้าศึก ในเวลาเดียวกันนั้นเองหน่วยคอมมานโดของพวกเวียดนามเหนือจำนวนประมาณ ๒๐ หมู่ที่ได้เล็ดลอดเข้ามาทางด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือ อ้อมผ่านที่มั่นของหน่วยรบพิเศษชาวไทย

กำลังทำการไล่ล่าเจ้าหน้าที่อเมริกันบริเวณสถานีเรดาห์ พวกคอมมานโดเวียดนามเหนือรู้จักพื้นที่บนยอดเขาเป็นอย่างดี เชื่อกันว่าแบลนตันและคนอื่นๆในสถานีเรดาห์ขณะนั้นได้ยินเสียงปืนและลูกระเบิดมือจึงรีบออกจากตัวอาคารและเผชิญหน้ากับหน่วยคอมมานโดข้าศึก

แบลนตันพยายามอธิบายว่าพวกเขาเป็นพลเรือนและไม่มีอาวุธ เขาเอื้อมมือไปที่กระเป๋าหลังเพื่อจะหยิบบัตรประจำตัวของบริษัทล็อกฮีทออกมา และในตอนนั้นเองที่คอมมานโดเวียดนามเหนือเริ่มเปิดฉากยิงใส่เขาและอเมริกันอีกสองคนในระยะประชิดจนตายคาที่ทั้งสามคน

ลำดับ๖๒๕ยุทธการภูผาที(๒๖)

บทที่๒๖ เตรียมอพยพ

บทภูผาที ประมาณชั่วโมงครึ่งหลังการระดมยิงด้วยอาวุธหนักของข้าศึกยุติลง เจ้าหน้าที่กองทัพอากาศก็ปรากฏตัวจากที่หลบซ่อน บริเวณชะง่อนหินติดหน้าผาด้านหลังฐาน และได้กลับไปประจำสถานีเรดาห์เพื่อควบคุมอุปกรณ์ที่นั่นอีกครั้งหนึ่ง

เจ้าหน้าที่ชี้เป้าภาคพื้นดินที่นั่น ได้พยายามนำร่องให้กับเครื่องบินใบพัดจำนวนสองเครื่อง และเครื่องไอพ่นอีก ๔ เครื่อง ผ่านกลุ่มเมฆหนาเข้ายังเป้าหมาย เจ้าหน้าที่คนกลังกล่าวมีงานล้นมือเนื่องจากขณะนั้นมีเครื่องบินปฏิบัติการจำนวนหลายเครื่อง และยังมีเครื่องบินอีกจำนวนหนึ่งกำลังทยอยบินเขามาในพื้นที่ นักบินเหล่านั้นจึงถูกสั่งให้นำเครื่องมุ่งกลับฐานบิน

ความเงียบสงบชั่วคราวเข้าปกคลุมยอดภูผาทีอีกครั้ง เวลา ๒๑๐๐ เกิดการปะทะกันรุนแรงที่หมู่บ้านม้งแห่งหนึ่งห่างจากสถานีเรดาห์ชั่วระยเวลาเดินเท้าครึ่งชั่วโมง จากนั้นเหตุการณ์ก็เงียบสงบลงอีก ที่มั่นรอบนอกของม้งเกือบทั้งหมด รายงานเข้ามาว่าพวกเขายังคงต้านทานข้าศึกอยู่ได้ ทหารกองหนุนหน่วยรบพิเศษของไทยก็ยังคงตั้งมั่นอยู่ในที่ตั้งของพวกเขา

จวนเที่ยงคืน รองผู้บัญชาการฝูงบินที่ ๑๓ ในอุดรฯ ได้วิทยุติดต่อมายังเจ้าหน้าที่ประสานงานกองทัพอากาศที่กองบัญชาการซีไอเอในเวียงจันทน์ เพื่อไต่ถามสถานการณ์ ทางเวียงจันทน์แจ้งกลับไปว่าการถอนตัวออกมาจะเป็นทางเลือกสุดท้ายที่จะกระทำ

ที่อุดรฯ เซ็กคอร์ดได้โทรศัพท์ไปขอร้องทางไซ่ง่อน ให้ช่วยส่งเครื่องกันชิพเข้ามาสนับสนุน แต่สายได้ขาดไปเฉยๆ เขาจึงเดินข้ามรันเวย์ไปยังที่ตั้งของฝูงบินที่ ๑๓ เพื่อหาเครื่องโทรศัพท์สายตรงจากที่นั่น เพื่อโทรกลับไปที่ไซ่ง่อนอีกครั้ง

ที่ล่องแจ้ง บรรดาผู้บัญชาการทหารของวังเปากำลังเตรียมความพร้อมของพวกทหาร โดยนักบินชอปเปอร์เตรียมเครื่องพร้อมออกปฏิบัติการอยู่บริเวณสนามบิน

ประมาณตีหนึ่งครึ่ง หลังจากการระดมยิงโดยอาวุธหนัก การโจมตีได้เริ่มอีกครั้ง ซุลลิแวนจึงตัดสินใจอพยพเจ้าหน้าที่อเมริกันบางส่วนออกมาจากภูผาทีในเวลา ๐๘๐๐ ของเช้าวันรุ่งขึ้น สถานการณ์โดยทั่วไปยังคงไม่น่าไว้วางใจ แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นวิกฤต ทุกฝ่ายยังสามารถวิทยุติดต่อกันได้อยู่

Thursday, April 30, 2009

ลำดับ๖๒๔ยุทธการภูผาที(๒๕)

บทที่๒๕ โจมตีภูผาที
ยังมีเครื่องบินที่สามารถยิงไฟส่องสว่างและเครื่องบินเติมน้ำมันกลางอากาศอีกเครื่องหนึ่งเพื่อเติมน้ำมันในกับเครื่องไอพ่นเอฟ-4 ที่บินมาจากฐานบินแห่งหนึ่งในประเทศไทย อย่างไรก็ตามเมฆหนาทึบที่ปกคลุมภูผาทีขณะนั้นทำให้เจ้าหน้าที่ชี้เป้าไม่สามารถสังเกตเห็นแสงไฟวูบวาบจากปากกระบอกปืนใหญ่ข้าศึกได้ และเมื่อเจ้าหน้าที่เทคนิคไม่ได้ประจำสถานีเรดาห์เพื่อควบคุมอุปกรณ์นำร่องแล้ว นักบินจึงไม่มีเครื่องมือนำร่องสู่เป้าหมาย และพวกเขาก็มองไม่เห็นอะไรอื่นบนพื้นดิน นอกเสียจากแสงสลัวจากอาวุธหนักที่พร่ามัวเต็มที เหมือนถูกปิดบังด้วยกระจกฝ้าเอาไว้ นักบินจึงไม่ต้องการเสี่ยงปักหัวเครื่องลงโจมตี เพราะกลัวจะไปชนเข้ากับภูเขาเสียก่อน

ในเวลาไม่นาน ศูนย์บัญชาการ๔๘๐๒ ก็ตกอยู่ใต้ความสับสนอลหม่านอย่างหนักมีเจ้าหน้าที่วิ่งเข้าออก ส่งเสียงถามคำถามกันวุ่นวาย เสียงเล็กแหลมของกริ่งโทรศัพท์กรีดร้องขึ้นเกือบทุกนาที จากกองบัญชาการซีไอเอในเวียงจันทน์

แพท แลนดรี้กระชากโทรศัพท์ออกจากผนังห้อง เขาปรึกษากับเซ็กคอร์ดอย่างรีบเร่ง จากนั้นทั้งสองเดินผ่านห้องโถงใหญ่เข้าไปในห้องทำงาน ด้วยสีหน้าเคร่งเครียดกว่าที่เคย เขาเดินเข้าไปหาเจ้าหน้าที่กองทัพอากาศทุกคน กระซิบกับพวกนั้นว่าขอเชิญให้ออกไปจากห้องเนื่องจากนี่เป็นปฏิบัติการลับของซีไอเอ เซ็กคอร์ดทำเช่นเดียวกัน กับเจ้าหน้าที่ซีไอเอ กล่าวว่าอุปกรณ์บนภูผาทีเป็นของกองทัพอากาศและตอนนี้เครื่องบินรบของกองทัพอากาศก็กำลังเข้าไปช่วยกู้สถานการณ์ที่นั่นอยู่ พวกเขาจึงไม่มีความจำเป็นที่นี่อีกต่อไป เมื่อทุกคนออกไปแล้ว จึงเหลือเพียงแลนดรี้ เซ็กคอร์ดและไคลน์ ในห้องส่วนตัวด้านในของห้องปฏิบัติการ

คนทั้งสามเคยผ่านประสบการณ์นั่นถ่างตาเฝ้าดูสถานการณ์ตึงเครียดตลอดหลายคืนมาก่อน ทว่าไม่เคยมีครั้งใดที่มีเดิมพันสูงเช่นครั้งนี้ พวกเขาอยู่ห่างจากจุดสู้รบกว่า ๒๓๐ ไมล์และทำได้เพียงหวังว่าสิ่งที่พวกเขาพยายามจะทำ โดยสั่งการไปผ่านทางวิทยุคงพอจะช่วยกอบกู้สถานการณ์ไว้ได้

เซ็กคอร์ดติดต่อไปยังกองบินที่ ๗ ในฐานบินทัน ซอน นัท ผ่านโทรศัพท์สายตรง ขอให้กองบินที่ ๗ ช่วยส่งเครื่องลำเลียงแบบซี-130 ที่นำมาดัดแปลงติดปืนกลอากาศ กลายเป็นป้อมบินกันชิพ ที่มีพิษสงร้ายกาจ เข้าทำการสนับสนุนนักบินจะนำเครื่องบินวนเหนือเป้าหมาย และสาดกระสุนขนาด ๒๐ มม.ถี่ยิบกระทั่งสารเรืองแสงที่ฉาบหัวกระสุนนำวิถีส่งประกายมองเห็นเส้นสีทองเป็นแนวยาวจากเครื่องบินลงสู้เป้าหมายเบื้องล่างถนัดตา นอกจากนี้เครื่องซี-130 ที่ถูกดัดแปลงเป็นป้อมบินดังกล่าว ยังได้ติดตั้งอุปกรณ์ตรวจจับสัญญาณคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าทำให้ลูกเรือสามารถแยกแยะแสงจากปากกระบอกปืนใหญ่ขณะที่มีเมฆปกคลุมอยู่เหนือเป้าหมาย ทางกองบินที่ ๗ บอกให้เซ็กคอร์ดรอไปก่อน และจะลองดูว่ามีเครื่องว่างหรือไม่

แลนดรี้และไคลน์ที่กำลังสั่งการวิทยุในอีกคลื่นความถี่พยายามประสานการตอบโต้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ซีไอเอในล่องแจ้ง โดยพยายามรวบรวมทหารที่มีอยู่ไม่เต็มอัตราในกองพันสำรองของวังเปาให้พร้อมออกปฏิบัติการ

ลำดับ๖๒๓ยุทธการภูผาที(๒๔)

บทที่๒๔ โจมตี

ที่อุดรฯ เจ้าหน้าที่ระดับหัวหน้านอนขดตัวเบียดกันอยู่ในห้องนอนขนาดเล็กบนชั้นสองของศูนย์ฯ๔๘๐๒ ต่างจดจ่อรอฟังข่าวข้าศึกเข้าโจมตี ก่อนหน้านี้แลร์ได้เลื่อนการประชุมสำคัญกับพวกเจ้าหน้าที่คนไทยในกรุงเทพฯ ในช่วงเวลาสำคัญนี้ พวกเขาต่างรอคอยด้วยใจระทึก

ในตอนค่ำของวันที่ ๙ มีนาคมเจ้าหน้าที่บนภูผาทีรายงานการปะทะกับทหารข้าศึก นักบินนำเครื่องทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าทันที แต่ปรากฏว่าข้าศึกไม่ได้นำกำลังหลักเข้าโจมตี เป็นเพียงการปะทะขนาดเล็ก นักบินจึงนำเครื่องบินกลับฐาน

แลร์ไม่สามารถเลื่อนภารกิจในกรุงเทพฯออกไปได้อีก เขาจึงต้องเดินทางลงไปกรุงเทพฯ ในตอนเช้าของวันที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๑๑ เพื่อสะสางธุระ

ต่อมาในวันเดียวกันนั้นเอง กองลาดตระเวนม้งรายงานว่ามีชาวบ้านเริ่มอพยพหนีออกมาจากภูผาที ขณะนั้นอากาศเริ่มปิดเมฆหนาปกคลุมพื้นที่ จากเครื่องบินที่กำลังบินอยู่เหนือสนามบินและลานจอดเฮลิคอปเตอร์ รวมถึงจุดอื่นๆในช่วงบ่ายวันนั้น นักบินไม่สามารถมองเห็นตัวอักษรสัญญาณทิ้งร่มบนพื้นดินเบื้องล่างได้ ชาวบ้านในพื้นที่ต่างเริ่มหวาดกลัวและกระวนกระวายอย่างเห็นได้ชัด

เจ้าหน้าที่ซีไอเอที่อาวุโสสูงสุดบนนั้นคือ โฮเวอร์ด ฟรีแมน เกือบจะทันทีที่ดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าฟรีแมนได้วิทยุติดต่ออุดรฯ รายงานว่าพวกเขาได้รับความเสียหายอย่างหนัก จากกระสุนปืนใหญ่และจรวดที่ข้าศึกระดมยิงเข้าใส่อย่างไม่ยั้ง จากนั้นสัญญาณวิทยุก็ขาดหายไป เพียงพักเดียวจากนั้นฟรีแมนก็ติดต่อกลับมาอีกครั้ง เขารายงานว่ากระสุนปืนใหญ่ข้าศึกได้สร้างความเสียหายแก่สายไฟหลัก,ที่ตั้งปืนใหญ่โฮวิทเซอร์,บริเวณเรือนพักเจ้าหน้าที่เทคนิค และบังค์เกอร์หลบภัย โดยเฉพาะบังค์เกอร์หลบภัยนั้นถูกกระสุนเข้าอย่างจัง จนไม่เหลือชิ้นดี แต่โชคดีที่ไม่มีใครอยู่ภายในตอนที่ถูกกระสุนปืนใหญ่ ฟรีแมนยังคงสามารถวิทยุติดต่อกับเจ้าหน้าที่กองทัพอากาศ ที่ได้ล่าถอยจากสถานีเรดาห์ไปยังบริเวณชะง่อนหิน ติดกับหน้าผาด้านหลังฐานที่มั่น ดูเหมือนว่าไม่มีใครเสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด

เมื่อแลร์ติดภารกิจในกรุงเทพฯ แพท แลนดรี้จึงเป็นผู้ควบคุมสั่งการในศูนย์ฯ๔๘๐๒ โดยมีเซ็กคอร์ด ทอม ไคลน์ และเจ้าหน้าที่คนอื่นมากหน้าหลายตาคอยช่วยเหลือ พวกเขาได้วิทยุติดต่อกองทัพอากาศและได้เครื่องบินใบพัดแบบเอ-26 จำนวนหนึ่ง ซึ่งขณะนั้นบังเอิญทำการบินอยู่แล้วบริเวณโฮจิมินห์ เทรล เข้าไปช่วยกู้สถานการณ์ในภูผาที

ลำดับ๖๒๒ยุทธการภูผาที(๒๓)

บทที่๒๓ ลมสงบก่อนพายุมาเยือน

ชนวนระเบิดชนิดทำงานด้วยกระแสไฟฟ้าที่ถูกติดตั้งภายในสถานีเรดาห์ถูกตรวจสอบการทำงานซ้ำแล้วซ้ำเล่าหลายครั้ง ไม่มีใครอยากให้อุปกรณ์ไฮเทคชิ้นนี้ตกอยู่ในมือของพวกโซเวียต ก่อนหน้านี้ไม่นาน เรือสอดแนมของอเมริกาลำหนึ่งชื่อว่าพอโบลถูกทหารเกาหลีเหนือตรวจจับได้ ถือเป็นความหายนะของหน่วยงานสืบราชการลับของอเมริกา เจ้าหน้าที่อเมริกันบนยอดภูผาที ต่างรู้ว่าเกมสงครามแย่งชิงอำนาจของสองมหาอำนาจกำลังก่อตัวขึ้นในสถานที่อื่นๆ นอกเหนือไปจากในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของลาวและในเวียดนาม

เจ้าหน้าที่เทคนิคคนหนึ่ง ที่มีฉากหน้าเป็นพนักงานของบริษัทผลิตเครื่องบินล็อคฮีท ได้เดินทางมาจากอุดรฯ เพื่อปฏิบัติงานบนสถานีเรดาห์ตลอด ๒๔ ชั่วโมง เกือบครึ่งหนึ่งของการโจมตีทางอากาศในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของลาวในเดือนกุมภาพันธ์ ถูกควบคุมโดยคอมมานโดคลับ เมื่อย่างเข้าเดือนมีนาคม ตัวเลขดังกล่าวกระโดดขึ้นเป็น ๙๐ เปอร์เซ็นต์ และเมื่อข้าศึกเคลื่อนใกล้เข้ามาเจ้าหน้าที่กองทัพอากาศบนภูเขาก็เริ่มสงสัยว่าเขาควรจะอยู่ปฏิบัติงานอันสำคัญนี้ต่อไป หรือรีบหนีเอาตัวรอด อย่างไรก็ตามคอมมานโดคลับไม่ค่อยถูกใช้ในการโจมตีฮานอย แต่สถานีเรดาห์เองกลับตกเป็นเป้าหมายการโจมตีของข้าศึก ช่างเทคนิคที่นั่นเริ่มตระหนักว่า ในตอนนี้อุปกรณ์เรดาห์อาจมีประโยชน์สูงสุดสำหรับนำมาใช้ป้องกันตัวของมันเองก็เป็นได้

บนยอดภูผาที ทีมเจ้าหน้าที่พลเรือนจากกองทัพอากาศรวมทั้งสิ้น ๑๖ คน เจ้าหน้าที่ชี้เป้าภาคพื้นดินคนหนึ่ง และเจ้าหน้าที่ซีไอเออีก ๒ คนได้ประชุมกันเพื่อซักซ้อมแผนอพยพเป็นครั้งสุดท้าย(แม้จะได้มีความพยายามทำให้เป็นแผนที่ไม่ซับซ้อนแต่ท้ายที่สุดการอพยพก็จำเป็นต้องขอการอนุมัติจากซุลลิแวนเป็นครั้งสุดท้าย)

พวกเขานัดแนะกันว่า ภายหลังจากที่ระเบิดอุปกรณ์เรดาห์แล้ว พวกเขาจะเดินลงไปตามเนินเขา เพื่อไปรอเฮลิคอปเตอร์ที่บริเวณลานจอดติดกับตัวอาคารที่ทำการซีไอเอ แต่หากเฮลิคอปเตอร์ไม่มารับตามนัด เขาก็จะรอกันอยู่ในบริเวณตัวอาคารหลักด้านบน

สถานีเรดาห์ เรือนพักเจ้าหน้าที่ บังค์เกอร์กระสอบทรายและอาคารอื่นๆต่างกระจุกตัวอยู่ภายในบริเวณเนินกว้างบนแนวสันเขาด้านตะวันตก ห่างจากขอบหน้าผาเพียงไม่กี่หลา จากที่นั่น ในยามที่ปราศจากเมฆหนาบดบังทัศนวิสัยเบื้องหน้าพวกเขาจะเห็นภาพแนวเขาที่ทับซ้อนลดหลั่นกันไป แนวยอดไม้แลเห็นเป็นกระจุกๆไกลออกไป ด้านล่างบริเวณเนินเขาตรงหน้าผามีชะง่อนหินยื่นออกมาหลายจุด หนึ่งในนั้นยื่นออกห่างจากบริเวณยอดเขาไม่ถึง ๑๐ ฟุต เจ้าหน้าที่จากกองทัพอากาศได้นำตาข่ายไปติดไว้บริเวณนั้นเพื่อช่วยการปีนป่ายลงไปทางด้านนั้น เขาตกลงกันว่าตรงจุดนั้นน่าจะเป็นตำแหน่งถอยหนีไปหลบในยามฉุกเฉิน เพราะมีแนวสันเขาเป็นปราการธรรมชาติช่วยป้องกันวิถีกระสุนปืนใหญ่ฝ่ายข้าศึกที่อาจยิงมาจากทางทิศตะวันออก

ลำดับ๖๒๑ยุทธการภูผาที(๒๒)

บทที่๒๒ บันทึกของแช็คลี่

ทหารม้งของวังเปาทำการดักซุ่มโจมตีข้าศึก ซึ่งก็ไม่ได้ผลอะไรมากนัก เครื่องบินรบอเมริกันเข้าโจมตีที่มั่นทางทหาร ขบวนรถบรรทุกและที่ตั้งปืนใหญ่ ลูกระเบิดที่อเมริกันใช้มีทั้งระเบิดสังหารแบบธรรมดา นาปาล์ม ระเบิดแตกอากาศและระเบิดแบบที่ปล่อยทุ่นระเบิดสังหารบุคคล เข้าถล่มพวกข้าศึก จากการมองผ่านเลนส์กล้องส่องทางไกล อเมริกันสังเกตเห็นนายทหารเวียดนามเหนือสั่งการให้รถบุลโดเซอร์ทำการซ่อมแซมถนนและเส้นทางถนนก็คืบหน้าไปอย่างรวดเร็วกระทั่งสามารถตัดสู่เชิงเขาได้ในที่สุด

ตอนนี้ทั้งแลร์และแช็คลี่ต่างยอมรับว่า ถึงเวลาที่จะระเบิดสถานีเรดาห์และเผ่นหนีออกมาได้แล้ว ในบันทึกช่วยจำของแช็คลี่ ผู้อำนวยการซีไอเอในลาวที่ได้เขียนและส่งไปยังกองทัพและผู้อำนวยการใหญ่ ซีไอเอ บันทึกในวันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๑ มีว่า

“เป็นที่แน่ชัดว่า ในช่วงสองอาทิตย์ข้างหน้านี้ ข้าศึกจะพยายามรุกคืบเข้าสู่ภูผาทีและเตรียมการจู่โจมขั้นสุดท้าย โดยใช้กำลัง ๓-๔ กองพัน หากเครื่องบินอเมริกันยังคงโจมตีที่ตั้งข้าศึก ทั้งที่ภูผาทีและบริเวณรอบๆของฝ่ายเราบนภูผาที ก็จะยังคงสามารถต้านทานข้าศึกอยู่ได้ อย่างไรก็ตามเป็นการยากที่จะคาดการณ์สถานการณ์หลังจากวันที่ ๑๐ มีนาคม ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัจจัยว่า ข้าศึกมีความต้องเข้ายึดที่มั่นบนภูผาทีมากน้อยเพียงใด”

แช็คลี่ได้เรียนรู้จากความพ่ายแพ้ที่น้ำแบ่ง ว่าจะต้องเพิ่มความระมัดระวังให้มากขึ้น เขามีแนวโน้มจะทำอะไรที่เสี่ยงๆน้อยลง รวมทั้งฟังความเห็นคนอื่นมากขึ้น เขาเล่าว่าเรามีหลักฐานมากกว่าที่ใครๆ ควรจะต้องการ ในการเร่งอพยพเจ้าหน้าที่ออกจากภูผาทีทันที หรือไม่ก็ส่งกองหนุนเข้าไปเสริมแนวตั้งรับแต่เราไม่สามารถทำได้ทั้งสองอย่าง ทางกองบินที่ ๗ และผู้อำนวยการซีไอเอส่งให้พวกเขาต้านทานไว้จนสุดกำลัง พวกเขาบอกว่าการรักษาสถานีเรดาห์ไว้ให้ได้นั้นมีความสำคัญมากเนื่องจากมีความจำเป็นอย่างยิ่งในการนำร่องปฏิบัติการโจมตีทางอากาศในเวลากลางคืน และว่าพวกเขายินดีที่จะเสี่ยง เพราะมันได้ช่วยชีวิตทหารอเมริกันและพันธมิตรในเวียดนามไว้เป็นจำนวนมาก

แช็คลี่เขียนไว้ในบันทึกช่วยจำต่อไปอีกว่า “ดังนั้นเราจึงเตรียมพร้อมเต็มที่ และตอบกลับไปว่าเอางั้นก็ได้ เราเตรียมแผนฉุกเฉินในการอพยพเอาไว้แล้ว หลายคนที่นี่คิดว่าเราน่าจะสามารถนำชอปเปอร์เข้าไปพาตัวพวกนั้นออกมาได้หากจำเป็น ความคิดนี้เปลี่ยนไปเมื่อเรารู้ว่าข้าศึกมีปืนใหญ่ช่วยสนับสนุน ซึ่งใครก็ตามที่มีประสบการณ์ในสนามรบ จะรู้ดีว่าสิ่งนี้ถือเป็นข่าวร้ายอย่างยิ่ง”

ลำดับ๖๒๐.ยุทธการภูผาที(๒๑)

บทที่ ๒๑

ที่ศูนย์บัญชาการ ๔๘๐๒ อุดรธานี เจ้าหน้าที่ข่าวกรองและช่างอิเล็คทรอนิกส์ถูกสั่งให้นำข้อมูลที่ได้ มาปะติดปะต่อกันเข้าลงบนแผนที่ แล้วนำขึ้นกางแสดงบนบอร์ด

ข้อมูลที่หามาได้สอดคล้องกับแผนที่ที่ยึดมาได้ ข้าศึกจะใช้ปืนใหญ่เข้าสนับสนุนการโจมตี โดยการโจมตีจะใช้กำลังทหารจำนวนมาก ชนิดที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อนในสงครามลาว

พวกเจ้าหน้าที่ข่าวกรองต่างใจหาย แต่ก็ยังตระหนักดีว่าการโจมตีภูผาทีเป็นเพียงก้าวแรกในการจู่โจมช่วงหน้าแล้งของข้าศึก ซึ่งจะมีขนาดใหญ่กว่าเมื่อปีก่อนมากนัก เวียดนามเหนือไม่เคยนำกองกำลังชั้นยอดเข้ามาใช้ในลาวมาก่อน ส่วนหนึ่งเนื่องจากทหารของวังเปาไม่เคยตั้งรับในที่มั่นเพื่อเป็นเป้านิ่งแก่ข้าศึกและอีกส่วนหนึ่งเป็นเพราะก่อนหน้าที่อเมริกันจะไปติดตั้งสถานีเรดาห์บนภูผาทีนั้นไม่มีอะไรในลาวที่เป็นภัยคุกคามโดยตรงต่อความมั่นคงของเวียดนาม

กลางเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๑๑ การโจมตีช่วงวันตรุษในเวียดนามใต้ก็บรรเทาความเข้มข้น และยุติลงในที่สุด พวกเวียดกงได้นำกำลังเข้าโจมตีเมืองใหญ่ๆเป็นครั้งแรกแต่ก็สูญเสียกำลังเป็นจำนวนมาก แต่การพ่ายแพ้ก็กลายเป็นชัยชนะในทางการเมืองเพราะเจ้าหน้าที่ในกระทรวงกลาโหมอเมริกันรวมทั้งเจ้าหน้าที่ระดับสูงในเวียดนามใต้ได้สูญเสียความน่าเชื่อถือในสายตาประชาชนอเมริกัน อันเป็นผลจากการปกปิดเรื่องสงครามที่เกิดขึ้นในเวียดนามเป็นความลับมาตลอด

เมื่อการจู่โจมครั้งใหญ่เวียดนามใต้ในเทศกาลตรุษสิ้นสุดลง เครื่องบินจากกองบินที่ ๗ ก็สามารถบินมาให้การสนับสนุนในลาวได้อีกครั้ง นักบินนำเครื่องไอพ่นถล่มเป้าหมายในภาคเหนือของลาวประมาณ ๓๐ เที่ยวต่อวัน ซุลลิแวนได้ผ่อนปรนกฎระเบียบที่ตัวเขาได้วางเอาไว้ในการโจมตีทางอากาศใกล้บริเวณภูผาที

ในวันอากาศดีหน่วยชี้เป้าภาคพื้นดินจะนำร่องนักบินไปยังเป้าหมายส่วนในวันที่สภาพอากาศเลวร้ายก็จะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคอมมานโดคลับ แต่ปัญหาที่เกิดขึ้น คือ ทหารของวังเปาไม่ยอมเคลื่อนออกจากที่มั่นในเขตภูเขาลงไปปะทะกับทหารเวียดนามเหนือบนที่ราบ

ใกล้สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ ฝ่ายปเทดลาวเคลื่อนเข้าใกล้มากพอจะมองเห็นได้ด้วยกล้องส่องทางไกลจากตัวอาคารซีไอเอ บนยอดภูผาทีซึ่งตรวจเห็นโรงเก็บเสบียงแห่งหนึ่งถูกปลูกสร้างอยู่บนเนินเขาไกลๆลิบๆ พวกซีไอเอจึงวิทยุแจ้งพิกัด แล้วเครื่องไอพ่นที่นำร่องโดยคอมมานโดคลับก็บินเข้าหาเป้าหมายใต้กลุ่มเมฆเบื้องล่าง อเมริกันในฐานมองดูลูกระเบิดลอยผ่านกลุ่มเมฆตกลงกระทบพื้นดิน กลุ่มควันรูปดอกเห็ดพวยพุ่งขึ้นแต่อีก ๒ วินาทีต่อมาก็ได้ยินเสียงดินปืนระเบิดถนัดหู แต่เมื่อควันจางลงปรากฏว่าโรงเก็บเสบียงยังคงตั้งอยู่ที่เดิม อุปกรณ์นำร่องไม่แม่นยำพอจะจัดการเป้าหมายเล็กๆอย่างนี้ พวกทหารฝ่ายตรงข้ามโบกไม้โบกมือเย้ยหยันเหมือนจะพูดว่า คราวหน้าคงจะทิ้งลงเป้าหมายได้แม่นยำกว่านี้นะ

ลำดับ๖๑๙ยุทธการภูผาที(๒๐)

บทที่ ๒๐ ภูผาทีถูกโอบล้อม

การสร้างถนนสายนี้ได้เริ่มต้นขึ้นในวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๑๑ ซึ่งเป็นช่วงเวลาอันเหมาะเจาพอดีสำหรับฮานอย แต่เป็นช่วงจังหวะที่เลวร้ายยิ่งสำหรับกองบินที่ ๗ ในเวียดนามใต้ เนื่องจากขณะนั้นเป็นช่วงเวลาที่กองทหารราบเวียดนามเหนือและพันธมิตรเวียดกงได้ประสานกำลังเข้าโจมตีหลายเมืองที่อยู่ในเขตครอบครองของกองกำลังฝ่ายรัฐบาล เหตุการณ์นี้ต่อมาถูกเรียกว่าเหตุการณ์ เท็ท ออฟเฟนซ์ซีฟ หรือการโจมตีอย่างไม่ให้ตั้งตัวในช่วงเทศกาลวันตรุษเวียดนาม

ในเหตุการณ์นี้หน่วยกล้าตายของข้าศึกได้บุกฝ่าเข้าไปบริเวณสถานทูตอเมริกันในไซ่ง่อนและพวกเวียด กงก็สามารถเจ้าควบคุมเมืองเว้ไว้ได้ ทหารคอมมิวนิสต์ผุดขึ้นทุกหนทุกแห่ง กองทัพอากาศที่มีงานล้นมือจึงไม่สนใจสถานีเรดาห์บนยอดเขาหินปูนที่อยู่ไกลออกไปทางตะวันออกเฉียงเหนือของลาวเท่านั้น

ระหว่างวันที่ ๒-๑๔ กุมภาพันธ์ ไม่มีเครื่องบินกองทัพอากาศทำการโจมตีเส้นทางหมายเลข ๖๐๒ แม้แต่เที่ยวบินเดียวและตั้งแต่วันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์เป็นต้นมาปรากฏมีขบวนรถบรรทุกเริ่มวิ่งลงมาตามเส้นทางดังกล่าว แม้ว่าถนนจะยังตัดไปไม่ถึงบริเวณเชิงเขาก็ตาม

ถึงขณะนั้น สายลับของวังเปาได้รายงานว่าทหารปเทดลาวและเวียดนามเหนือทำการโฆษณาชวนเชื่อในหมู่บ้านบางแห่งใกล้ๆกับภูผาที พวกเขาเปิดเผยเกี่ยวกับการโจมตีที่กำลังจะเกิดขึ้น และเตือนไม่ให้พวกชาวบ้านออกไปป้วนเปี้ยนบริเวณนั้น ทหารเวียดนามเหนือได้ขอแรงงานผู้ชายจากหมู่บ้านช่วยแบกหามสัมภาระ ทหารจำนวน ๒ กองพลได้เข้ามาเสริมในพื้นที่ ซึ่งกองพลหนึ่งเป็นกองพลปืนใหญ่ ที่ไม่เคยถูกนำมาใช้ในลาวมาก่อน ฝ่ายปเทดลาวได้เข้ายึดครองพื้นที่เป็นรูปแนวโค้งจากเหนือผ่านมาทางตะวันออก เข้าโอบล้อมทางทิศใต้ของภูเขา จากนั้นจึงเริ่มเคลื่อนกำลังไปทางตะวันตกเพื่อเตรียมพร้อมเข้าโจมตี

กองพลทหารที่ถูกส่งเข้ามาใหม่ เป็นกองกำลังที่ดีที่สุด หน่วยตรวจการณ์หน้าของกองพลทหารปืนใหญ่ที่เดินทางล่วงหน้ามาก่อน ถูกกองลาดตระเวนของวังเปาซุ่มโจมตีและค้นได้กระเป๋าบรรจุแผนที่จากตัวศพ แผนที่ถูกส่งไปยังอุดรฯโดยทางเครื่องบิน มันเป็นแผนที่แสดงเส้นทางที่ถูกเขียนขึ้นอย่างละเอียดปราณีต มีสัญลักษณ์ระบุชนิดของอาวุธที่จะถูกนำมาใช้ แผนที่หนึ่งมีรอยกระสุนเจาะทะลุ ในสมุดบันทึกเล่มหนึ่งที่ยึดมาได้มีภาษาอังกฤษคำว่า “TACON” ซึ่งแสดงให้เห็นว่าฝ่ายตรงข้ามทราบตำแหน่งพิกัดของอุปกรณ์ส่งสัญญาณนำร่องของพวกอเมริกัน

Wednesday, April 29, 2009

ลำดับ๖๑๘ยุทธการภูผาที(๑๙)

บทที่๑๙ ติดอาวุธรอบศูนย์

การจัดวางแนวป้องกันได้ถูกจัดการอย่างรีบเร่ง ซีไอเอ ได้ส่งทหารหน่วยรบพิเศษของไทยจำนวน ๘๐ คน ไปช่วยเสริมแนวรับของทหารม้งบนภูผาที มีเจ้าหน้าที่ภาคพื้นดินของแอร์ คอมมานโด ไปสมทบเพื่อทำหน้าที่ประสานการโจมตีทางอากาศ สนามเพลาะ และบังค์เกอร์ถูกขุดขึ้นทุกหนแห่ง กับระเบิดถูกวางตามแนวป้องกันรอบฐานที่มั่น ไม่เว้นกระทั่งด้านหลังของฐานเผื่อไว้ในกรณีข้าศึกอาจพยายามปีหน้าผาสูงชันเกือบ ๙๐ องศาขึ้นมา

อาวุธอานุภาพร้ายแรงที่สุดที่ชอปเปอร์สามารถลำเลียงขึ้นมาได้ คือ ปืนโฮวิทเชอร์ ขนาด ๑๐๕ มม.และปืนครกขนาด ๔.๒นิ้ว ได้ถูกนำไปติดตั้งตรงจุดสูงสุดบนยอดเขา แต่ถึงแม้ว่าจะมีความพยายามวางแนวป้องกันฐานที่มั่นอย่างดีที่สุดเท่าที่เวลาจะอำนวยแล้วก็ตาม ก็ยังคงมีช่องโหว่อันเป็นจุดอ่อนของการตั้งรับบนภูผาที จุดอ่อนที่ว่าคือในฐานแห่งนี้ไม่มีทหารราบที่มีประสบการณ์เลยสักคนเดียว และก็ไม่มีใครมีคุณสมบัติเพียงพอจะทำหน้าที่ผู้บัญชาการการรบในฐานแห่งนี้ด้วย

จริงๆ แล้วสถานีเรดาห์แห่งนี้เป็นของกองทัพอากาศ ทว่าซีไอเอมีหน้าที่ป้องกันมันจากข้าศึกแต่ซีไอเอ ไม่สามารถเลือกวิธีการป้องกันเพราะเอกอัครราชทูตไม่ต้องการให้กองทัพยุ่งเกี่ยวในเรื่องนี้มากนัก เมื่อไม่ได้รับผิดชอบโดยตรง กองทัพอากาศจึงไม่ให้ความสนใจต่อสถานีเรดาห์ และเจ้าหน้าที่ของตนที่ถูกส่งขึ้นไปประจำข้างบน แม้ว่ามันจะเป็นโครงการที่พวกเขาริเริ่มขึ้นก็ตาม

เมื่อไม่มีใครให้ความสนใจจริงจังกับความอยู่รอดของสถานีเรดาห์และเจ้าหน้าที่บนนั้น จึงมีคนไม่กี่คนที่เป็นกังวลเมื่อเจ้าหน้าที่แปลภาพถ่ายทางอากาศตรวจพบเส้นตรงสีอ่อนบางๆที่เพิ่งเกิดขึ้นใหม่ ตัดกับสีเขียวของป่าทึบ โดยเส้นดังกล่าวขีดตรงไปยังภูผาที เจ้าหน้าที่ในศูนย์ฯ๔๘๐๒ ตั้งชื่อถนนสายใหม่นี้ว่าถนนหมายเลข ๖๐๒

“ผมสั่งให้เจ้าหน้าที่แปลภาพถ่ายเฝ้าดูมันอยู่อย่างใกล้ชิด” เช็กคอร์ดกล่าว “ผมพยายามหยุดยั้งการเติบโตของเส้นทางสายนั้น แต่ก็ไม่รับความร่วมมือจากกองทัพอากาศอย่างเพียงพอ หากคุณต้องการหยุดยั้งข้าศึกไม่ให้สร้างถนนคุณจะต้องเล่นงานมันอย่างต่อเนื่องและกองบินที่ ๗ ก็ไม่สามารถจัดสรรกำลังทางอากาศที่จำเป็นพอเพียงในการทำงานนั้น มันน่าหงุดหงิดและผิดหวังอย่างมากที่ได้เห็นถนนสายนี้เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว”

ลำดับ๖๑๗ยุทธการภูผาที(๑๘)

บทที่๑๘ ติดอาวุธให้เจ้าหน้าที่

เซ็กคอร์ดคิดว่าสิ่งนี้ไม่เป็นการร้องขอที่มากเกินไป แต่ซุลลิแวนไม่เห็นด้วยที่จะให้ทหารราบอเมริกันเข้ามาตั้งฐานบนยอดภูผาที เซ็กคอร์ดไม่ยอมจำนนง่ายๆจึงนำแฟ้มประวัติข้อมูลของเจ้าหน้าที่อเมริกันบนฐานที่มั่นมาศึกษา เขาพบว่ามีเจ้าหน้าที่ซีไอเอ ๔ คนในฐานที่มั่นที่นัคฮัง บางวันพวกเขาจึงจะขึ้นไปพักบนภูผาที สองคนในนั้นเป็นนักกระโดดร่มผจญเพลิงของหน่วยดับไฟป่าและซีไอเอรับมาปฏิบัติงานในลาว ทั้งสองคนยังหนุ่มแน่นมีกำลังดี แต่ไม่เคยผ่านการฝึกหลักสูตรทางทหารใดๆมาก่อน

แช็คลี่ศึกษาประวัติเจ้าหน้าที่บนภูผาทีที่ดูแลคอมมานโดคลับ ซึ่งมีทั้งนักบินที่ประสบการโชกโชนไปจนถึงช่างเทคนิค แต่ไม่มีใครเลยที่มีประสบการณ์การรบอย่างทหารราบ เซ็กคอร์ดตัดสินใจจะติดอาวุธให้พนักงานเหล่านี้ เขาได้ส่งโครงการผ่านทางซีไอเอไปยังท่านทูตซุลลิแวน แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบที่น่าพอใจ เขาจึงเดินทางไปเวียงจันทน์เพื่อผลักดันเรื่องนี้ด้วยตนเองให้ถึงที่สุด

แต่ท่านทูตซุลลิแวนที่ไม่ชอบพวกซีไอเอโดยเฉพาะแซ็คลี่ จึงปฏิเสธเซ็กคอร์ดไปเป็นหนที่สอง

เซ็กคอร์ดไม่คิดว่าการปฏิเสธนั้นจะมาจากเรื่องส่วนตัว แต่เขาก็รำคาญใจที่พบว่ารัฐบาลของเขาได้นำอุปกรณ์ไปติดตั้งไว้บนภูเขาลูกนั้นโดยไม่พยายามปกป้องเจ้าหน้าที่ที่นั่น มันเหมือนกับกล่องเล็กๆหลายกล่องที่วางแยกกันอยู่ และผู้บังคับบัญชาของแต่ละกล่องก็มัวแต่วุ่นวายกีดกันคนนอกไม่ให้เข้ามายุ่งในเขตอำนาจเล็กๆของตน

เซ็กคอร์ดเล่าว่า “ผมตัดสินใจเดินทางไปพบผู้บัญชาการฝูงบินที่ ๑๓ กองบินที่ ๗ ในอุดรฯ ผมบอกเขาว่าผมได้ตัดสินใจกลับคืนสู่สภาพทหารอีกครั้ง ซึ่งตอนนั้นผมอยู่ในสถานะพิเศษคือได้รับมอบหมายจากซีไอเอให้รับผิดชอบการป้องกันและอพยพฉุกเฉินของพิกัดลิม่า-๘๕(ภูผาที)โดยที่เป็นทหารประจำการของกองทัพอากาศและเป็นเจ้าหน้าที่ซีไอเอด้วยในเวลาเดียวกัน กฏสำคัญที่สุดของการเป็นนายทหารคือการรับผิดชอบต่อความปลอดภัยของลูกน้อง ผมจึงได้ข้อสรุปว่า สิ่งที่พอทำได้ตอนนี้ คือรีบติดอาวุธคนเหล่านั้น แม้จะเป็นการละเมิดคำสั่งของซุลลิแวนก็ตาม สิ่งที่ผมต้องการคือปืนเอ็ม-๑๖ จำนวนหนึ่ง”

เซ็กคอร์ดเซ็นใบรับปืนเอ็ม-๑๖ ด้วยตนเอง ในตอนนั้นปืนแบบเอ็ม-๑๖เป็นอาวุธประจำกายแบบค่อนข้างใหม่ของกองทัพ มันเป็นอุปกรณ์ที่ซีไอเอไม่ได้นำไปใช้ในเขตภูเขาของลาว แช็คลี่เตรียมการฝึกซ้อมพื้นฐานการใช้อาวุธประจำกายแบบนี้ให้กับเจ้าหน้าที่บนภูผาที และยังได้จัดหากระสุนและลูกระเบิดสำรองไว้เป็นจำนวนมาก

ลำดับ๖๑๖ยุทธการภูผาที(๑๗)

บทที่๑๗ แผนการตั้งรับการโจมตี

รายงานการศึกษาลับของกองทัพอากาศกล่าวว่า “ในแผนการตั้งรับบทบาทสำคัญจะตกอยู่กับผู้บัญชาการกองกำลังป้องกันในพื้นที่ ซึ่งเป็นชาวม้ง” ถ้อยแถลงของกองทัพอากาศถือเป็นเรื่องแปลกประหลาดมากเพราะปรกติแล้วพวกเขาจะไม่ไว้ใจให้ชาวต่างชาติมาควบคุมระบบนำร่องการโจมตีทิ้งระเบิดแบบใหม่ล่าสุดของเขา

แต่ในความจริงแล้ว “กองบัญชาการกองกำลังป้องกันในพื้นที่” นั้นก็คือคำที่กองทัพอากาศตั้งขึ้นมาเพื่อเรียก ซีไอเอที่ปฏิบัติงานอยู่ภายในอาคารหลังคาสังกะสีใกล้กับลานจอดเฮลิคอปเตอร์บนภูผาทีนั่นเอง เอกสารรายงานกองทัพอากาศสหรัฐฯมีต่อไปอีกว่า

“แนวคิดมีว่า หากข้าศึกเข้าโจมตีภูผาที กองกำลังป้องกันในพื้นที่จะประสานกับสถานทูตอเมริกันในเวียงจันทน์ ขอสิทธิ์ในการขอการสนับสนุนทางอากาศ ทางสถานทูตจะแจ้งทางกองบินที่ ๗ ว่าได้มอบอำนาจการขอกำลังสนับสนุนทางอากาศให้กับกำลังป้องกันในพื้นที่เป็นกรณีพิเศษ และเมื่อข้าศึกมีทีท่าว่าจะเข้าโจมตี กองกำลังป้องกันพื้นที่จะติดต่อสถานทูตเพื่อขออนุมัติการใช้กำลังทางอากาศอีกครั้งหนึ่ง เมื่อนั้นกองกำลังป้องก้นในพื้นที่สามารถแจ้งผู้บัญชาการของทีเอสคิว-81 ให้ช่วยสนับสนุนชี้พิกัดเป้าหมายแก่เครื่องบินรบเข้าโจมตี (โดยหวังว่าจะมีการป้อนข้อมูลลงในคอมพิวเตอร์ไว้ล่วงหน้าแล้ว ไม่เช่นนั้นจะต้องเสียเวลาอย่างน้อย ๑๐ นาทีในการป้อนข้อมูลเป้าหมายลงไป)

เมื่อเวลานั้นมาถึงผู้บัญชาการของทีเอสคิวจะต้องติดต่อไปยังกองบินที่ ๗ เพื่อร้องขอการโจมตีทางอากาศ และเมื่อได้รับการร้องขอ กองบินที่๗ จะให้การสนับสนุนทางอากาศ ตามที่เวลาและสถานการณ์จะอำนวย”

แผนการตั้งรับของกองอากาศดังที่รายงานมานั้น กล่าวโดยสรุปก็คือ หากภูผาทีตกอยู่ภายใต้การโจมตีจะต้องมีการติดต่อผ่านทางวิทยุอย่างน้อยๆ ๕-๖ ครั้งเพื่อรับการอนุมัติขอเครื่องบินสนับสนุนจากกองบินที่ ๗ ในไซ่ง่อน ซึ่งอาจจะส่งเครื่องบินมา ”ตามแต่เวลาและสถานการณ์จะอำนวย”

ในศูนย์บัญชาการ ๔๘๐๒ อุดรฯ ไม่มีใครจะยอมงอมือเท้าฝากความหวังไว้กับแผนตั้งรับที่แสนจะซับซ้อนเช่นนั้น พวกเขาไม่สามารถหวังพึ่งกองกำลังชาวเขาหรือกองทัพอากาศในการป้องกันที่มั่นจากข้าศึกได้เช่นเดียวกัน เซ็กคอร์ดและคนอื่นๆต่างคิดว่าหากจะป้องกันที่มั่นบนภูผาทีอย่างได้ผลแล้วล่ะก็จะต้องส่งกองทหารราบอเมริกันเข้าไปในพื้นที่ อาจจะเป็นกองกำลังจากหน่วยรบพิเศษของกองทัพบกซึ่งไม่จำเป็นต้องมีจำนวนมากนักแต่ต้องมีประสบการณ์สูงเคยผ่านการรบในเวียดนามมา โดยมีจ่าหรือนายทหารสักสองสามคนคอยบัญชาการ

ลำดับ๖๑๕ยุทธการภูผาที(๑๖)

บทที่๑๖ ขวัญเสียหลังการพ่ายแพ้ที่น้ำแบ่ง

การเข้ายึดน้ำแบ่งเป็นเพียงฉากหนึ่งของการโจมตีช่วงหน้าแล้งของทหารเวียดนามเหนือ ข้าศึกทำการรุกคืบมาจากบริเวณทุ่งไหหิน เสียงระเบิดจากลูกปืน ค.ฝ่ายข้าศึกสามารถได้ยินชัดเจนถึงกองบัญชาการในซำทอง สถานการณ์โดยรวมของซำทองอยู่ในขั้นวิกฤต ชาวบ้านและทหารต่างหวาดกลัว ขวัญกำลังใจของพวกเขาต่ำลงถึงขีดสุด อย่างที่ไม่เห็นมาก่อนในช่วง ๕ ปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามหากอเมริกันที่นี่ยังคงอยู่ร่วมงานกับพวกเขาต่อไปคอยให้กำลังใจและประกันว่าพวกอเมริกันจะไม่ทิ้งหนีหายไปไหนและจะยังให้ความช่วยเหลือตามปรกติเหมือนที่ผ่านมา พวกเขาก็จะสามารถรวบรวมกำลังใจพร้อมเผชิญหน้าสถานการณ์อันเลวร้ายได้ต่อไป แต่ถ้าอเมริกันมีแผนจะถอนตัวออกไปล่ะก็ เวลานี้ก็เหมาะที่สุดแล้ว แต่แน่นอนล่ะถ้าทำเช่นนั้นทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกอเมริกันสร้างขึ้นมาก็จะพังทลายลงอย่างแน่นอน

วังเปาเองก็วิตกกังวลอย่างยิ่ง วังเปาระบายความรู้สึกกับพวกที่ปรึกษาอเมริกันในซำทอง เขาตั้งคำถามว่าหากมันถึงเวลาคุณจะเดินทางไปยังภาคเหนือของไทยกับผมหรือไม่, คุณคิดว่าเราจะต้านทานข้าศึกไปได้อีกนานแค่ไหน และคนของผมจะยังเชื่อมั่นในตัวผมอยู่หรือไม่

พวกผู้นำชาวเขากล่าวว่ามีการแปรพักตร์ไปเข้ากับฝ่ายศัตรูเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาถามว่าเมื่อไรจะมีกองหนุนมาช่วยและว่ารัฐบาลอเมริกาจะส่งกำลังทหารเข้ามาในลาวหรือไม่ พวกเขายังถามอีกด้วยว่าในที่สุดพวกอเมริกันจะถอนตัวออกไปจากภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้หรือเปล่า

ไม่มีคำตอบให้กับคำถามเหล่านี้ มีแต่การเตรียมการอพยพทางอากาศและจัดเตรียมเสบียงอาหารไว้หากถึงเวลาจำเป็น สองอาทิตย์ต่อมา เมื่อทหารของวังเปาเริ่มคลี่คลายลง อย่างไรก็ตามหากดูกันตามความเป็นจริงแล้ว ในเรื่องพื้นที่ยึดครองตอนนี้ฝ่ายม้งก็อยู่ในสภาพเหมือนเมื่อ ๔ ปีก่อน ทว่าข้อแตกต่างตอนนี้กับตอนนั้นก็คือ ฝ่ายม้งได้สูญเสียทหารไปมากกว่า ๒๕ เปอร์เซ็นต์ และยังมีอีกมากที่ถูกจับไปเป็นเชลยนอกจากนี้ ทหารฝ่ายม้งยังอ่อนล้าและเหนื่อยหน่ายกับการสู้รบ ตอนนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าข้าศึกมีความกระหายชัยชนะเพียงใด และมีทหารวังเปาเหลืออยู่ทำการต่อต้านจำนวนมากน้อยแค่ไหน

รัฐบาลอเมริกันมีแผนตั้งรับข้าศึกที่ภูผาที แต่แผนดังกล่าวอาจทำให้ผู้ที่ยังมีสติดีอยู่ถึงกับต้องตีอกชกหัวหรือเอาหัวโขกกำแพงเสียให้รู้แล้วรู้รอด แผนดังกล่าวเป็นความพยายามประนีประนอมทางการเมืองระหว่างสถานทูตอเมริกากับกองทัพอากาศที่ยังดูท่าทีจนนาทีสุดท้ายโดยพยายามสูญเสียผลประโยชน์ของหน่วยงานตนให้น้อยที่สุด เพื่อที่จะได้ไม่ให้อีกฝ่ายได้ใจต่อไปในภายหน้า!

ลำดับ๖๑๔ยุทธการผูภาที(๑๕)

บทที่๑๕ ความพ่ายแพ้ย่อยยับที่น้ำแบ่ง

ทหารเวียดนามเหนือได้เข้าล้อมและตรึงกองทัพฝ่ายนิยมกษัตริย์ไว้ภายในหุบเขา ข้าศึกเข้ายึดพื้นที่สูงบนเนินเขาที่อยู่รายรอบหุบเขา จากนั้นขุดอุโมงค์ลอดใต้แนวตั้งรับของฝ่ายนิยมกษัตริย์เข้ามา และก็เป็นอย่างที่แลร์ได้คาดการณ์ไว้ แนวตั้งรับของทหารฝ่ายนิยมกษัตริย์ใช้กระสุนไปจนหมดเกลี้ยงแม้ว่าเครื่องบินแอร์อเมริกาจะทิ้งร่มส่งกระสุนลงมาเพิ่มเติมเป็นระยะๆก็ตาม

สถานการณ์กลับยิ่งเลวร้ายลงอีก เมื่อนายทหารลาวบนพื้นดินเกิดสับสนในพิกัดที่ตั้งของตน และวิทยุบอกพิกัดผิดพลาด นำนักบินเข้าทิ้งระเบิดลงบนบริเวณที่ทั่นพวกตนพอดี!

ภายใต้แรงกดดันอย่างหนักจากแช็คลี่ วังเปาได้ส่งทหารชาวเขาจำนวนหนึ่งไปทางทิศตะวันออกของน้ำแบ่งโดยหวังโจมตีรบกวนกองทหารเวียดนามเหนือที่อยู่บริเวณนั้น แต่ก็ไม่ได้ผลอะไรนัก วันที่ ๑๔ มกราคม ๒๕๑๑ ที่มั่นในน้ำแบ่งก็แตกลง เครื่องชอปเปอร์ของแอร์อเมริกาเข้าช่วยเหลือทหารฝ่ายนิยมกษัตริย์ที่หนีตายกระจัดกระจายไปทั่วบริเวณ มีทหารลาวลุ่มจำนวน ๒,๐๐๐ คนสูญหายและต่อมาภายหลังปรากฏว่าทหารเหล่านี้บางคนปรากฏตัวอีกครั้งในเครื่องแบบกองทัพฝ่ายปเทดลาว

เหตุการณ์พลิกผันที่น้ำแบ่งครั้งนี้ได้สั่นสะเทือนขวัญกำลังใจทหารในกองทัพลาวลุ่มอย่างหนัก ในเวียงจันทน์สถานทูตอเมริกาพยายามปัดสวะให้พ้นตัว โดยซุลลิแวนออกแถลงการณ์ว่าการไปตั้งมั่นที่น้ำแบ่งเป็นความคิดของกองทัพลาวแต่เริ่มต้น ไม่ใช่ความคิดของซีไอเอในพื้นที่

ต่อมาซุลลิแวนเล่าว่า “ปฏิบัติการน้ำที่แบ่งดำเนินไป โดยที่ต่างก็รู้ว่ามันจะกลายเป็นความย่อยยับในภายหลัง แล้วมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ” เรื่องนี้ทำให้เกิดคำถามที่ว่า หากซุลลิแวนรู้ล่วงหน้าว่าจะเกิดความหายนะขึ้นแล้ว เหตุใดเขาจึงไม่พยายามหยุดยั้งมันเล่า รัฐบาลลาวไม่สามารถดำเนินปฏิบัติการใหญ่ขนาดนี้ได้ หากซุลลิแวนไม่ได้อนุมัติให้พวกอเมริกันเข้าสนับสนุนด้านการลำเลียงกองทหารและส่งกำลังบำรุง

ขณะที่การชี้นิ้วโทษกันเองยังคงดำเนินต่อไป เท็ด แช็คลี่ ผู้อำนวยการซีไอเอในลาวก็ได้เข้าร่วมวงด้วยโดยชี้ว่าผู้ประสานงานของกองทัพในสถานทูตนั้นแหละที่ควรถูกตำหนิในสิ่งที่เกิดขึ้น แม้คำกล่าวหาของแช็คลี่จะมีความจริงอยู่บ้าง แต่ที่ศูนย์บัญชาการ ๔๘๐๒ในอุดรฯนั้น เจ้าหน้าที่ระดับสูงที่นั่นต่างเชื่อว่าผู้ที่รับผิดชอบในความหายนะครั้งนี้มากกว่าใครก็คือแช็คลี่เอง บิล แลร์กับแลนดรี้ก็คิดเช่นนั้น แต่ผู้ที่คิดเสียงดังกว่าก็คือเซ็กคอร์ด

เซ็กคอร์ดให้ความเห็นเรื่องน้ำแบ่งว่า “มันเป็นความสูญเสียที่ไม่จำเป็นเลยจริงๆเพราะทุกคนต่างรู้ล่วงหน้าอยู่แล้ว ว่าเหตุการณ์เช่นนี้จะต้องเกิดขึ้น” เซ็กคอร์ดกล่าวตรงไปตรงมาอีกว่า “เท็ด แช็คลี่นั้นไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับยุทธวิธีการทำสงคราม”

ลำดับ๖๑๓ยุทธการภูผาที(๑๔)

บทที่๑๔ โจมตีทางอากาศ

สิ่งหนึ่งที่เซ็กคอร์ดหรือใครคนอื่นๆไม่คาดคิด คือโอกาสที่เวียดนามเหนือจะหาญกล้านำกำลังทางอากาศของพวกเขามาใช้ในการโจมตีภูผาที ช่วงบ่ายอ่อนๆของวันที่ ๑๒ มกราคม ๒๕๑๑ เครื่องบินรบลำตัวสีเขียวเข้ม ๔ ลำถูกตรวจพบขณะกำลังบินเกาะกลุ่มมาทางตะวันออกเฉียงใต้ของซำทอง เครื่องบินสองลำแยกกลุ่มมาบินวนอยู่เหนือซำทอง ส่วนอีกสองเครื่องที่เหลือบินมุ่งหน้าต่อไปภูผาที ทั้งสี่เป็นเครื่องบินรุ่นโบราณ มีปีกสองชั้นซ้อนกัน แบบที่ใช้ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ ๑

นักบินพาเครื่องบินวนผ่านภูเขา ๓ เที่ยวเครื่องหนึ่งปล่อยลูกระเบิดลงมา ส่วนเครื่องที่เหลือยิงจรวดและปืนกลอากาศเข้าใส่ฐานที่มั่นหลังคาสังกะสีใหม่เอี่ยมวาววับของอาคารทำการซีไอเอที่อยู่ใกล้กับลานจอดเฮลิคอปเตอร์ มีเพียงจรวจด ๑ ลูกที่ยิงเข้าใส่อาคารสถานีเรดาห์ แต่ก็พลาดเป้าเลยข้ามหลังคาไปตกยังหุบเขาเบื้องล่าง นักบินได้ระดมยิงเข้าใส่หมู่บ้านม้งบนภูเขา สังหารหญิงชาวบ้านไป ๒ คนและมีชายมังอีกสองคนได้รับบาดเจ็บ

บนพื้นดินเบื้องล่าง เจอร์รี แดเนียล เจ้าหน้าที่ภาคสนามคนหนึ่งของซีไอเอ เปิดฉากยิงใส่เครื่องบินด้วยปืนเอ็ม ๑๖ ประจำกายของเขา เครื่องบินลำหนึ่งตกลงสู่พื้นดินตรงเชิงเขาด้านหลังจนไฟลุกท่วม นักบินชอปเปอร์เครื่องหนึ่งของแอร์อเมริกาที่จอดอยู่ที่ลานจอด รีบนำเครื่องขึ้น แล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อพบว่าชอปเปอร์ของเขาสามารถบินได้เร็วกว่าเครื่องบินข้าศึกเสียอีก นักบินนำเครื่องไล่กวดเครื่องบินลำที่เหลือ ที่กำลังพยายามบินหนีเข้าเขตเวียดนามเหนือ ภายในห้องโดยสารพลปืนประจำ ชอปเปอร์ปลดเซฟปืนกล เมื่อนำชอปเปอร์เข้าประกบจนชิดเครื่องบินข้าศึก พลปืนก็เปิดฉากยิงจากประตูด้านข้าง เครื่องบินปีกสองชั้นสูญเสียระดับ จากนั้นตกลงกระแทกพื้นดินเบื้องล่าง เศษซากของเครื่องกระจายไปทั่วบริเวณ ส่วนเครื่องบินสองลำที่เหลือสามารถเล็ดรอดหนีกลับไปได้

เครื่องบินปีกสองชั้นคือเครื่องแบบเอเอ็ม-2 โคล์ท จากโรงงานเครื่องบินแอนโทนอฟของโซเวียต ปีกของเครื่องบินรุ่นนี้ทำจากการนำผ้าใบมาคลุมเข้ากับโครงไม้ เป็นของโบราณสำหรับสะสมมากกว่าจะนำมาใช้สู้รบ นักล่าของสะสมรีบเดินทางไปยังจุดที่เครื่องตก และเก็บชิ้นส่วนหางเครื่องบินที่มีหมายเลขเครื่องติดอยู่ ส่วนหางเครื่องบินถูกนำมาแขวนไว้ในบาร์ของแอร์อเมริกาที่ล่องแจ้ง ส่วนลูกระเบิดที่ถูกทิ้งลงจากเครื่องบินปรากฏว่าเป็นลูกปืนครกที่ถูกนำมาดัดแปลง แบบที่โทนี่ โพเคยทำในตอนถูกข้าศึกซุ่มยิงเมื่อ ๓ ปีก่อน

พวกเวียดนามเหนือไม่เคยนำกำลังทางอากาศมาใช้ในสมรภูมิแห่งนี้มาก่อน และตอนนี้ก็คงล้มเลิกความคิดที่จะนำเครื่องบินปีกสองชั้นของพวกเขาออกมาใช้งานอีกเป็นแน่

การนำเครื่องบินปีกสองชั้นเข้าโจมตีภูผาทีในครั้งนี้ ก็ยังเป็นปริศนาให้ขบคิดกันต่อไป แต่ทว่าในตอนนั้นพวกอเมริกันได้หันไปให้ความสนใจการเข้าโจมตีน้ำแบ่งโดยกองทหารเวียดนามเหนือ ซึ่งขณะนั้นเป็นวันสุดท้ายของการสู้รบพอดี อย่างไรก็ตามชัยชนะของฝ่ายนิยมกษัตริย์ที่น้ำแบ่งในครั้งนี้ได้นำมาซึ่งหายนะต่อมาในภายหลัง.

ลำดับ๖๑๒ยุทธการภูผาที(๑๓)

บทที่๑๓ บททดสอบแนวต้านรับ

กลุ่มคนที่ไม่เห็นดีกับคอมมานโคคลับยิ่งกว่านักบินอเมริกัน คือ ผู้บังคับบัญชาในกองทัพเวียดนามเหนือ ผู้เชี่ยวชาญของโซเวียตที่เข้ามาติดตั้งระปบป้องกันภัยทางอากาศในฮานอยเป็นคนกลุ่มแรกที่เตือนพวกเวียดนามเหนือเกี่ยวกับอุปกรณ์อันเป็นภัยคุกคามใหม่นี้ และอาจเป็นไปได้ว่าพวกเวียดนามเหนือจะมองดูสถานีเรดาห์นี้ว่าเป็นขั้นแรกของการเสริมสร้างกำลังตามแนวชายแดน การเสริมสร้างกำลังนี้อาจตามมาด้วยการใช้ทหารราบอเมริกันบุกโจมตีโดยหวังยึดครองเวียดนามเหนือ โดยผ่านมาทางลาวซึ่งเป็นประตูหลังบ้านของพวกเขา

ช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน กองทหารเวียดนามเหนือจำนวน ๓ กองพันได้เคลื่อนเข้าสู่เขตแดนลาว และเริ่มทำการกวาดล้างที่มั่นทหารม้งที่อยู่ห่างไกลตามแนวตะเข็บชายแดนใกล้กับเส้นทางถนน จนล่วงเข้าสู่เดือนธันวาคม ๒๕๑๐ เวียดนามเหนือก็ส่งกำลังเข้าทดสอบแนวต้านรับรอบนอกสุดของภูผาทีเป็นครั้งแรก กองกำลังขนาดเล็กจำนวนหนึ่งของข้าศึก เข้าจู่โจมที่มั่นแห่งหนึ่งของพวกม้งห่างไปไม่กี่ไมล์ทางตะวันตกของภูผาที ที่มั่นแห่งนั้นถูกตีแตก แต่พวกม้งสามารถรวมพลตีโต้กลับและสามารถเข้ายึดที่มั่นคืนมาได้ จากนั้นพวกข้าศึกก็เข้าโจมตีหวังเข้ายึดที่มั่นแห่งนั้นอีกครั้ง แต่ก็ต้องสลายตัวไปเมื่อเครื่องบินรบอเมริกันปรากฏตัวขึ้น

ลงมาทางใต้ที่อุดรฯ ริชาร์ด เซ็กคอร์ดจับตาดูการโจมตีโดยกองทหารเวียดนามเหนืออย่างใกล้ชิดเพราะเขามีหน้าที่เป็นผู้ประสานงาน การตั้งแนวป้องกันที่บริเวณภูผาที เซ็กคอร์ดคอยรายงานความเคลื่อนไหวไปยังแลร์และแช็คลี่ สำหรับเขาแล้วเจตนาของข้าศึกในการโจมตีครั้งนี้สามารถมองออกได้ไม่ยากนัก เพียงเขียนเครื่องหมายกากบาทลงบนแผนที่ตรงจุดที่เกิดการปะทะแต่ละครั้ง เครื่องหมายกากบาทกระจุกตัวเป็นกลุ่มอยู่ทางทิศตะวันออกของภูผาที ด้านที่ตรงเชิงเขาไม่สูงชันเกินกว่าจะนำกำลังทหารเคลื่อนขึ้นไปได้ ทั้งเซ็กคอร์ดและคนอื่นๆ ในอุดรฯ ต่างคาดการณ์ว่าข้าศึกจะเข้าโจมตีจากทางทิศนั้น

เจ้าหน้าที่ตีความภาพถ่ายทางอากาศจ้องมองภาพถ่ายภูมิประเทศบริเวณนั้นลอดผ่านแว่นขยาย พยายามมองหาเส้นทางถนนที่ฝ่ายตรงข้ามอาจสร้างขึ้นใหม่ และหาวิธีชลอการปรับปรุงเส้นทางดังกล่าวนั้น โดยขอการสนับสนุนทางอากาศจากเครื่องบินไอพ่น บางครั้งเซ็กคอร์ดพยายามวางแผนการโจมตีทางอากาศบริเวณภูผาทีไว้ล่วงหน้าแต่ทางกองทัพอากาศซึ่งเป็นหน่วยงานที่ผลักดันให้มีการติดตั้งเรดาห์ตั้งแต่ต้น จะไม่สนใจในการพยายามปกป้องมันจากข้าศึกเท่าใดนัก

ลำดับ๖๑๑.ยุทธการภูผาที(๑๒)

บทที่๑๒ อุปกรณ์เริ่มทำงาน

ถึงตอนนี้คอมมานโดคลับได้เริ่มปฏิบัติการแล้ว จากยอดภูผาทีที่ต้นฝิ่นแข่งกันออกดอกเบ่งบานไหวอยู่ในสายลมโชย คลื่นสัญญาณอิเล็คทรอนิกส์จากคอมมานโดคลับถูกส่งออกไปยังเวิ้งอากาศภายนอก

เหนือขึ้นไปบนท้องฟ้าสูงลิบจนไม่มีใครมองเห็น นักบินเครื่องบินไอพ่นความเร็วเหนือเสียงของกองทัพอากาศ และกองทัพเรืออเมริกันนำเครื่องล่องตามคลื่นสัญญาณอิเล็คทรอนิกส์มุ่งหน้าสู่เป้าหมายบริเวณหุบเขาของนครฮานอยที่มีกลุ่มเมฆปกคลุมอยู่หนาทึบ เมื่ออยู่เหนือเป้าหมายลูกระเบิดถูกทิ้งลงมาจากความสูง ๒๐,๐๐๐ ฟิต ผ่านกลุ่มเมฆหนาของฤดูหนาวลงสู่เป้าหมายขนาดเท่าสนามฟุตบอลอย่างแม่นยำ ซึ่งเป็นผลจากสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์ชี้เป้าควบคุมจังหวะปล่อยลูกระเบิด ไม่มีประเทศใดสามารถพัฒนาศักยภาพการทิ้งระเบิดระดับสูงทุกกาลอากาศแบบนี้ได้มาก่อน

นอกจากคอมมานโดคลับแล้ว มีอุปกรณ์ลักษณะเดียวกันนี้ถูกติดตั้งอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย สำหรับนำร่องเครื่องบินเข้าโจมตีเป้าหมายบริเวณโฮจิมินห์ เทรล และยังมีอยู่ในบริเวณเวียดนามใต้สำหรับฝูงบินทิ้งระเบิดที่ปฏิบัติการอยู่ทางตอนล่างของเวียดนามเหนือ วิถีการปฏิบัติการของอุปกรณ์ดังกล่าวมีระยะทางประมาณ ๒๐๐ ไมล์ ทำให้ไม่สามารถใช้นำร่องเครื่องบินไปโจมตีทิ้งระเบิดในพื้นที่เลยไปจากทางเหนือของฮานอยได้ มีเพียงคอมมานโดคลับเพียงที่เดียวที่สามารถทำได้ เนื่องจากมันตั้งอยู่บนยอดดอยสูง ห่างจากชายแดนเวียดนามเหนือเพียงไม่เท่าไร

แม้ว่าเทคโนโลยีของอุปกรณ์ด้งกล่าวนี้จะทำงานได้อย่างสมบูรณ์แบบแต่ในช่วงสองเดือนแรกที่เริ่มนำมาใช้งานคือระหว่างเดือนพฤศจิกายนและธันวาคม ๒๕๑๐ เครื่องบินอเมริกันได้ใช้การนำร่องจากคอมมานโดคลับไม่มากนัก

ปัญหาใหญ่ก็คือเรื่องของบุคลากร นักบินส่วนใหญ่ไม่ชอบปล่อยการควบคุมเครื่องบินให้ตกเป็นหน้าที่ของระบบคอมพิเวตอร์ที่พวกเขาไม่รู้จักดีนัก พวกนักบินมักบ่นให้ได้ยินว่า ช่วงนาทีสุดท้ายก่อนปล่อยลูกระเบิดลงสู่เป้าหมาย เมื่อพวกเข้าต้องการรักษาระดับและทิศทางของเครื่อง ขณะที่คอมพิวเตอร์ทำการคำนวณพิกัด ความเร็ว และระยะทางสู้เป้าหมายเป็นครั้งสุดท้าย นั้นเป็นช่วงเวลาที่น่าอึดอัดที่สุด ช่วงนาทีนั้นสำหรับพวกเขาแล้วมันยาวนานเหมือนเป็นชั่วโมงและตลอดเวลาดังกล่าวพวกเขาก็ต้องหวาดเสียวระทึกขวัญ ว่าเมื่อไหร่จรวดแซมของข้าศึกจะทะลวงหมู่เมฆพุ่งตรงมาไล่ล่าพวกเขา

พวกเขายังไม่สบายใจนักที่ไม่สามารถมองเห็นเป้าหมายใต้หมู่เมฆเบื้องล่าง และมองไม่เห็นกับตาว่าเป้าหมายถูกทำลายไปแล้วหรือไม่ เจ้าหน้าที่ระดับนโยบายไม่ได้ติดตามประเมินผลลัพธ์ของโครงการนี้และรายงานของการโจมตีโดยอุปกรณ์ชิ้นใหม่จากเจ้าหน้าที่ภาคสนามก็ไม่น่าเชื่อถือนัก

Tuesday, April 28, 2009

ลำดับ๖๑๐.ยุทธการภูผาที(๑๑)

บทที่๑๑ น้ำแบ่ง

ไม่นานเกินรอ สัญญาณการตอบโต้ของฝ่ายเวียดนามเหนือก็ปรากฏขึ้น ขบวนรถบรรทุกลำเลียงทหารเวียดนามเหนือ ไปจนสุดเส้นทางถนนในทิศทางที่มุ่งสู่น้ำแบ่ง จากนั้นทหารข้าศึกลงเดินเท้า กระทั่งมาถึงบริเวณเนินเขาที่โอบล้อมหุบเขา อันเป็นที่ตั้งของเมืองน้ำแบ่ง ทหารเวียดนามเหนือที่ทรหดอดทนและมีวินัยดีเยี่ยมเริ่มลงมือขุดเครือข่ายอุโมงค์และบังค์เกอร์ใต้ดิน ที่ได้เคยถูกพิสูจน์ในหลายสมรภูมิแล้วว่าสามารถทนทานต่อการโจมตีทางอากาศได้อย่างดี

เมื่อเป็นที่แน่ชัดว่าข้าศึกกำลังวางแผนเข้าโจมตีน้ำแบ่ง แช็คลี่จำต้องหันไปพึ่งแลร์ขอให้เขาช่วยขอร้องวังเปาให้ช่วยเข้ากอบกู้สถานการณ์ที่ต้องตั้งรับข้าศึกในที่มั่นมาก่อน เริ่มที่ปาดองเมื่อปี ๒๕๐๔ และประวัติศาสตร์ก็ซ้ำรอยอีกถึงสองครั้ง ที่นัคฮังในช่วงปี ๒๕๐๙ และอีกครั้งในช่วงต้นปี ๒๕๑๐ การตั้งรับในที่มั่นเป็นจุดอ่อนของทหารฝ่ายวังเปาเสมอมา แต่เหมือนกับมนุษย์ปุถุชนทั่วไป วังเปาสามารถมองเห็นความผิดพลาดของผู้อื่น ได้ชัดเจนกว่าของตนเอง เขาบอกกับแลร์ว่า พวกนายพลลาวลุ่มไม่น่าพาตัวเองเข้าไปติดกับในสถานที่แบบน้ำแบ่งนี้เลย

แลร์เห็นด้วยกับสิ่งที่วังเปากล่าว และบอกว่าพวกเขาอาจช่วยเข้าคลี่คลายสถานการณ์ได้บ้าง หากวังเปานำกำลังเข้าโจมตี เพื่อหันเหความสนใจข้าศึกให้ต้องคอยพะวงหน้าพะวงหลัง

วังเปากล่าวว่าเขาเสียใจ คนของเขาเองก็ตกอยู่ภายใต้ความกดดันอย่างหนักจากข้าศึกอยู่แล้ว เขาไม่สามารถแบ่งทหารเอสจียูของเขาไปช่วยที่น้ำแบ่งได้จริงๆ

แน่นอนว่าแลร์นั้นรู้คำตอบก่อนที่เขาจะเอ่ยขอความช่วยเหลือจากวังเปาเสียอีก ระหว่างชาวเขาและลาวลุ่มนั้นมันไม่มีความผูกพันห่วงใยกันอย่างจริงใจไม่ว่าจะเป็นไปเพื่อการสร้างชาติหรือไม่ก็ตาม เมื่อสถานการณ์ทวีความรุนแรงขึ้น

เมื่อแลร์กลับไปอุดรฯ เขาครุ่นคิดถึงเรื่องนี้ และสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้น ในอดีตนั้นเขาไม่เคยหมดหนทาง จนได้แต่นั่งมองความหายนะที่กำลังเกิดขึ้น เขาไม่เคยต้องทำสิ่งไร้สาระเหมือนอย่างการไปร้องขอความช่วยเหลือจากวังเปาทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าวังเปาจะไม่ยอมเข้าช่วยเหลือ มันเป็นการเสียเวลาทั้งของเขาและของวังเปาจริงๆ

แลร์นั่งลงบนโต๊ะทำงานใช้สมองครุ่นคิดอย่างหนัก จากนั้นจึงนำเครื่องพิมพ์ดีดออกมาลงมือพิม์ข้อความ เขาปะติดปะต่อเรื่องราวทุกอย่างที่เขารู้เกี่ยวกับน้ำแบ่ง นับตั้งแต่การเริ่มวางแผน ลักษณะของกองกำลังที่นั่น ภูมิประเทศ การส่งกำลังบำรุง การเข้าโจมตีของฝ่ายข้าศึก และความคิดเห็นของเจ้าหน้าที่ในกองบัญชาการที่เวียงจันทน์และในสถานทูต เมื่อเขียนเสร็จ เขาลงวันที่และเซ็นต์ชื่อกำกับในบันทึกช่วยจำแล้วนำมันไปเก็บไว้อย่างมิดชิด

เขาคิดไม่ออกว่าจะทำอะไรอื่นได้อีก และก็ดูเหมือนว่า ตอนนี้ไม่มีใครสนใจว่าเขาจะคิดอย่างไรอีกต่อไปแล้ว

ลำดับ๖๐๙.ยุทธการภูผาที(๑๐)

บทที่ ๑๐ น้ำแบ่ง

แลร์ได้พูดขึ้นเรียบๆแบบของเขาว่า เขาไม่เห็นด้วยกับแผนกการเข้ายึดน้ำแบ่ง แช็คลี่เอ่ยถามขึ้นว่าเหตุใดแลร์จึงคิดเช่นนั้น เพราะเขาเองคิดว่าพื้นที่แถบนั้นก็ไม่มีเส้นทางถนนสำหรับให้ข้าศึกใช้ลำเลียงทหารเข้ามาโจมตีได้โดยสะดวก

แลร์อธิบายว่าระยะทางบิน ๔๐-๕๐ ไมล์ จากน้ำแบ่งถึงเขตแดนเวียดนามเหนือนั้นถือว่าเป็นระยะทางที่ใกล้และกองกำลังขนาดใหญ่ของฝ่ายลาวที่ตั้งมั่นอยู่ที่นั้นจะกลายเป็นเป้านิ่งรอการโจมตีของทหารเวียดนามเหนือที่กำลังเหนือกว่า

แช็คลี่ยังคงนิ่งฟังไม่โต้ตอบ

แลร์กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้แล้ว ก็ยังมีปัญหาเรื่องภูมิประเทศซึ่งน้ำแบ่งตั้งอยู่ในหุบเขา การจะเข้ายึดครองสนามบิน จำเป็นจะต้องเข้ายึดเนินเขารอบๆ ไว้ด้วย ซึ่งหมายความว่าต้องการกำลังทหารจำนวนมาก อันจะทำให้เกิดปัญหาในเรื่องการส่งกำลังบำรุง ไม่มีนายทหารในกองทัพบกลาวที่มีความสามารถ พอจะดูแลกำลังบำรุงให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพได้ การทำสงครามที่ประกอบด้วยกองกำลังขนาดหลายกองพันนี้ หากขาดการสนับสนุนที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันแล้ว ย่อมจะก่อให้เกิดปัญหาขึ้นอย่างแน่นอน

ส่วนหนึ่งของปัญหาเกิดจากการลักเล็กขโมยน้อย ทีเกิดขึ้นจนเป็นเรื่องปรกติในกองทัพลาว แม้ว่าเสบียงสนับสนุนจะถูกลำเลียงทางอากาศไปยังสนามบินในพื้นที่ แต่จำนวนเครื่องกระสุน ลูกปืนใหญ่และอาหารก็จะไม่ไปถึงมือของพวกที่อยู่แนวหน้าอย่างครบถ้วน และหากลูกกระสุนเกิดหมดกลางคัน ที่มั่นก็จะถูกข้าศึกเข้าถล่มจนยับเยิน

แช็คลี่ตั้งใจฟังสิ่งที่แลร์พูด ทว่าก็มิได้แสดงความรู้สึกใดๆ ออกมาให้เห็น เขากล่าวขอบใจที่แลร์สละเวลาบินมาร่วมประชุม

ไม่กี่อาทิตย์ต่อมา กองทหารของฝ่ายนิยมกษัตริย์ก็เข้ายึดน้ำแบ่ง โดยแทบจะปราศจากการขัดขวางตอบโต้จากฝ่ายข้าศึก แม้จะได้รับการเห็นชอบจากสถานทูตอเมริกัน ซึ่งเป็นผู้ดูแลเรื่องการจัดส่งกำลังบำรุง แต่ก็ต้องถือว่าชัยชนะหนนี้เป็นของกองทัพบกลาว และมันเป็นชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในสงครามที่ผ่านมาของพวกลาวลุ่ม

อย่างไรก็ตามที่ศูนย์ปฏิบัติการ ๔๘๐๒ ในอุดรฯ พวกซีไอเอยังคงไม่ไว้วางใจ และจับตามองสถานการณ์ที่น้ำแบ่งอยู่อย่างใกล้ชิด.

ลำดับ๖๐๘.ยุทธการภูผาที(๙)

บทที่๙ น้ำแบ่ง

๒๐ ตุลาคม ๒๕๑๐ ไม่ถึงสองอาทิตย์ก่อนกำหนดการเปิดทำการของคอมมานโดคลับ มีผู้สังเกตเห็นพระสงฆ์ลาว ๒ รูป ใกล้กับบริเวณยอดภูผาที พระนั้นมีกล้องติดตัวมาด้วย และยังได้วาดแผนที่บริเวณภูผาทีอีกด้วย พระทั้ง๒รูป ถูกนำขึ้นชอปเปอร์บินออกไปสอบปากคำ เซ็กคอร์ดเล่าว่า “พวกเขาถูกนำตัวไปให้วังเปาสอบปากคำ และเราก็ไม่ได้เห็นพวกเขาอีกเลย”

ขณะที่กองทัพอากาศกำลังติดตั้งอุปกรณ์บนภูผาทีนั้น บิล แลร์และแซ็คลี่ก็มีความขัดแย้งกันอย่างมากแต่ต่างซ่อนไว้ในใต้หน้ากากของสีหน้าที่เรียบเฉย แช็คลี่ถูกส่งมาเป็นผู้อำนวยการซีไอเอในลาวโดยมีความคิดที่จะทำให้การต่อสู้ในลาวขยายตัวให้ใหญ่ขึ้นจากร้านของชำเล็กๆให้เป็นซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่ให้ได้ แต่แลร์กลับเห็นตรงข้าม เขาเห็นว่าสงครามที่ขยายขนาดจนกลายเป็นเหมือนซูเปอร์มาร็เก็ตนี้จะส่งผลให้ประเทศลาวแตกเป็นเสี่ยงๆ

วันหนึ่งแช็คลี่แจ้งให้แลร์เดินทางมาพบที่กองบัญชาการในเวียงจันทน์ แลร์จำใจบินจากศูนย์บัญชาการ ๔๘๐๒ ที่อุดรธานีเพื่อไปพบแช็คลี่ที่ต้องการจะหารือกับเขาเกี่ยวกับเรื่องที่มั่นแห่งหนึ่งที่อยู่ห่างจากภูผาทีไปทางทิศตะวันตกราว ๘๐ ไมล์มีชื่อว่า น้ำแบ่ง บริเวณภาคเหนือตอนกลางของลาว

น้ำแบ่งอยู่นอกเขตทหารของวังเปา ตั้งอยู่ทางเหนือของเมืองหลวงพระบางในบริเวณหุบเขาที่ไม่มีความสำคัญในทางยุทธศาสตร์เท่าใดนัก ทั้งสองฝ่ายพลัดกันเข้ายึดครองน้ำแบ่งครั้งหรือสองครั้งระหว่างช่วงสงคราม ครั้งหลังสุดน้ำแบ่งตกอยู่ภายใต้การควบคุมของกองทหารฝ่ายปเทดลาวจำนวน ๒ กองร้อย ที่ตั้งมั่นอยู่บริเวณรอบๆสนามบินที่นั่น ทางอุดรฯ ได้รับรายงานจากบริเวณน้ำแบ่ง และได้ส่งเรื่องต่อให้กับทีมของซีไอเอ ที่ปฏิบัติการอยู่ในพื้นที่ใกล้ๆ

แช็คลี่ต้องการรู้ว่าแลร์คิดอย่างไรเกี่ยวกับแผนการของทีมในพื้นที่โดยเฉพาะทางเจ้าหน้าที่ประสานงานของกองทัพอากาศเกี่ยวกับน้ำแบ่ง แช็คลี่ต้องการรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากเขาตัดสินใจส่งหน่วยเอฟเออาร์เข้าไปที่นั่น

แลร์นิ่งคิดใคร่ครวญอยู่เป็นนานเขาสามารถจินตนาการภาพพวกซีไอเอในพื้นที่ กำลังกระตือรือร้นคิดแผนการในห้องเก็บเสียงที่สร้างขึ้นใหม่ในสถานทูตได้อย่างชัดเจน ซุลลิแวน แช็คลี่และเจ้าหน้าที่ที่นั่น กำลังสมมติให้ตนเองเป็นนายทัพที่กำลังวางแผนการศึกที่ว่า น่าจะเคลื่อนกำลังส่วนนี้ไปที่จุดนี้ จุดนั้นบนแผนที่ จะใช้เครื่อง ที-28 เข้าโจมตีกี่ระลอกจึงจะเพียงพอ ตอนนี้กองพันที่ ๓๑๖ ของพวกเวียดนามเหนือไปรวมตัวอยู่ที่ไหน

นายพลชาวลาวลุ่มบางคนแนะว่าทำไมไม่ส่งทหารเข้ายึดน้ำแบ่งเสียเลย ซึ่งพวกซีไอเอในพื้นที่ก็เห็นด้วยในการขยายภารกิจออกไปที่นั่น เนื่องจากพวกเขาคิดว่ามันคงจะดูดีในสายตาในวอชิงตันหากฝ่ายนิยมกษัตริย์สามารถเข้ายึดครองน้ำแบ่งได้สำเร็จ

ลำดับ๖๐๗.ยุทธการภูผาที(๘)

บทที่ ๘ ติดตั้งคอมมานโดคลับ

ต่อมาซุลลิแวนได้รับโทรเลข ส่งตรงถึงเขาจากประธานาธิบดีลินดอน จอห์นสัน สั่งการให้ทำการติดตั้งคอมมานโดคลับโดยด่วน เป็นครั้งแรกในไม่กี่ครั้งในชีวิตราชการที่เขาได้รับคำสั่งโดยตรงจากประธานาธิบดี ดังนั้นระดับสูงได้ตัดสินใจในเรื่องนี้ไว้เป็นการเรียบร้อยแล้ว

ไม่กี่อาทิตย์ต่อมา บุรุษนายหนึ่งในชุดพลเรือนตัดผมเกรียนท่าทางผึ่งผายเดินเข้ามาในสำนักงานเพื่อขอพบกับผู้อำนวยการซีไอเอประจำลาว ธีโอดอร์ จอร์จ แช็คลี่ แต่ถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าพบ เขาจึงเดินข้ามถนนไปพบกับเจ้าหน้าที่ประสานงานกองทัพอากาศ ผู้ที่พาเขาขึ้นบันไดไปยังชั้น ๒ ของสถานทูต ยังห้องเก็บเสียงที่สร้างขึ้นใหม่ คนในสถานทูตเรียกห้องนี้ว่า “บับเบิลล์” หรือ “ฟองอากาศ” อันเป็นสถานที่ที่พวกเขาสามารถสนทนากันได้โดยไม่ต้องระแวงว่าคำสนทนาจะถูกดักฟัง ห้อง “ฟองอากาศ” เป็นห้องสี่เหลี่ยมซ้อนอยู่ในด้านในของอีกห้องหนึ่ง มีฝาผนังและพื้นห้องโปร่งใส สามารถมองทะลุเห็นภายนอกได้ ติดตั้งอุปกรณ์ส่งสัญญาณคลื่น “ขาว” ที่มีความถี่สลับสูงต่ำ เพื่อป้องกันการลอบดักฟัง

ในห้องนี้ แขกที่มีชื่อว่า เจอรัลด์ เคลย์ตัน อธิบายว่าเขาถูกส่งมาเพื่อควบคุมคอมมานโดคลับ เขาเคยเป็นร้อยโทสังกัดศูนย์ควบคุมยุทธวิธีทางอากาศ แต่ตอนนี้อยู่ในฐานะพลเรือน พลางยื่นบัตรประจำตัวพนักงานบริษัทอากาศยานล็อคฮีทเป็นเครื่องยืนยัน เคลย์ตันข้ามแม่น้ำโขงไปยังอุดรฯ อันเป็นที่พักชั่วคราวของเขาซึ่งที่นั่นเขาจะกลับมาสวมเครื่องแบบอีกครั้งในฐานะหัวหน้าหน่วยประเมินผลการทำงานของสถานีเรดาห์ของคอมมานโดคลับ

เจ้าหน้าที่ประสานงานของกองทัพอากาศที่คุ้ยเคยกับการปกปิดสถานะแท้จริงเป็นอย่างดี ตั้งใจฟังเขาพูดด้วยอาการสุภาพแล้วจึงพาร้อยโทลงบันไดไปพบกับซุลลิแวนในห้องทำงาน บุรุษทั้ง ๓ ต่างเห็นตรงกันว่า ภูผาทีนั้นเป็นพื้นที่อันตรายอย่างยิ่ง แต่เจ้าหน้าที่ของคอมมานโดคลับก็มีเวลาเหลือเฟือในการหลบหนีออกมา หากข้าศึกตัดสินใจเข้าโจมตี

เฮลิคอปเตอร์ลำเลียงยี่ห้อฮิวจ์ ของกองทัพอากาศหลายเครื่องบินลำเลียงส่วนประกอบที่มีรูปร่างคล้ายตู้รถพ่วงของคอมมานโดคลับไปยังบริเวณยอดภูผาที ถัดจากอาคารสถานีของ TACON ใกล้ๆกับบริเวณขอบหน้าผา จานเรดาห์ถูกติดตั้งบนหลังคาของอาคารหลักเพื่อเป็นหลักประกันจากการถูกโจมตี มีการนำดินระเบิดแบบ เอ-4 มาอัดเข้าไปภายในอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ในอาคาร โดยนำฉนวนเทอร์ไมท์มาหุ้มไว้บริเวณอุปกรณ์ถอดรหัสอีกทีหนึ่ง หากสถานการณ์คับขันขึ้นอาคารบางส่วนจะถูกระเบิดเป็นจุณ และอุปกรณ์บางส่วนก็จะถูกหลอมละลายไม่เหลือซาก บริเวณตัวอาคารหลักของสถานีเรดาห์ประกอบด้วยอาคารหลายหลังกระจุกตัวอยู่รวมกัน มีสนามจอดเฮลิคอปเปอร์ตั้งอยู่ห่างไปทางทิศเหนือของสนามบินเก่า ซีไอเอได้ขยายพื้นที่ใกล้กับลานจอดเฮลิคอปเตอร์และนำอุปกรณ์สื่อสารทันสมัยมาติดตั้งแทนของเดิม กองทหารคุ้มกันชาวม้งถูกลำเลียงมาทางเฮลิคอปเตอร์เข้าทำการขุดสนามเพลาะและวางกับระเบิดโดยรอบบริเวณที่มั่น

ลำดับ๖๐๖.ยุทธการภูผาที(๗)

บทที่ ๗ ล่อเป้า

การบรรยายสรุปยังคงดำเนินต่อไป มีคำถามมากมายเกิดขึ้น จึงมีผู้ถามถึงความคิดเห็นของบิล แลร์ในเรื่องนี้ แลร์เป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของซีไอเอที่ร่วมในการประชุม ตัวแทนจากกองทัพอากาศบางคนเคยรู้กิตติศัพท์ของเขามาก่อนว่าเขาเป็นมือเก่าที่รู้เรื่องต่างๆในลาวเป็นอย่างดี ดังนั้นพวกเขาจึงตั้งใจรอฟังความคิดเห็นของแลร์

แลร์กล่าวอย่างเนิบนาบตามแบบฉบับของเขา ใช่แล้ว,กองทัพอากาศอาจนำอุปกรณ์นี้ไปติดตั้งบนยอดเขาลูกนั้น และมันก็จะอยู่ไปได้สักระยะหนึ่ง ก่อนจะตกเป็นเป้าการโจมตีของฝ่ายข้าศึก พวกเขาต้องไม่ลืมว่า ภูผาทีตั้งอยู่ใกล้กับชายแดนเวียดนามเหนือ และการนำอุปกรณ์นี้ไปติดตั้งไว้ที่นั่น ก็เท่ากับเป็นการยั่วยุทางฮานอยให้คิดว่ามันเป็นภัยคุกคามของพวกเขา ไม่ต้องสงสัยเลยว่าไม่นานฮานอยจะสืบรู้เรื่องนี้ และจะวางแผนเข้าโจมตีในที่สุด

แลร์กล่าวต่อไปว่า สัญญาณเตือนภัยอย่างแรกจากฮานอย คือการสร้างถนนเข้าใกล้บริเวณภูเขา ซึ่งเป็นขั้นตอนปฏิบัติตามปรกติของพวกข้าศึก และเมื่อเข้ามาใกล้พอ พวกเขาก็จะพากันยกโขยงมาเป็นกองกำลังขนาดใหญ่ ผลสุดท้ายทางกองทัพอากาศก็จะต้องรีบอพยพเจ้าหน้าที่ของตนออกมาจากภูเขาอย่างแน่นอน

คนจากกองทัพอากาศถามขึ้นว่าเป็นไปได้หรือไม่ หากจะนำทหารชาวเขามาทำหน้าที่คุ้มกันที่มั่นบนภูผาที

ถึงตอนนี้ทุกคนรอคำตอบจากแลร์

ในที่สุดแลร์กล่าวขึ้นว่า พื้นที่ทุรกันดารของเขตภูเขาเป็นภูมิประเทศที่สร้างความได้เปรียบแกฝ่ายตั้งรับ แต่ปัญหาก็คือ การตั้งรับอยู่ในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งไม่ใช่วิธีที่พวกม้งถนัด ในลาวยังไม่มีกองทหารราบที่มีมาตรฐานเหมือนกับกองทัพแอร์บอร์นที่ ๘๒ ของอเมริกา เป็นเรื่องธรรมดาที่พวกม้งจะต้องเผ่นหนีทันทีหากถูกโจมตีโดยกองทหารเวียดนามเหนือ พวกเขาทำเช่นนั้นเพื่อความอยู่รอด และสาเหตุที่พวกเขาอยู่รอดในดินแดนแห่งนี้มาได้ ก็เพราะการหนีเอาตัวรอดเช่นนี้นั่นเอง

การประชุมยุติลง โดยทางกองทัพอากาศยังคงกระตือรือร้นเดินหน้าเรื่องอุปกรณ์คอมมานโดคลับต่อไป ส่วนแลร์และเซ็กคอร์ดไม่ค่อยแน่ใจว่ามันเป็นความคิดที่ดีนัก ทั้งสองไม่สบายใจกันนัก เนื่องจากขณะนั้นที่ซำเหนือเองก็เริ่มมีความระส่ำระสายเกิดขึ้นให้เห็น และพวกเขารู้ดีว่าอุปกรณ์ดังกล่าวจะเอื้อประโยชน์แก่กองทัพอากาศในการทิ้งระเบิดฮานอย โดยวังเปาจะเป็นฝ่ายผู้ได้รับผลกระทบไปเต็มๆ

เรื่องนี้ทำให้พวกเขาวุ่นวายใจอย่างหนัก แต่การตัดสินใจเรื่องนี้เป็นของแช็คลี่ผู้อำนวยการซีไอเอในลาวและซุลลิแวนเอกอัครราชทูตประจำลาว

ลำดับ๖๐๕.ยุทธการภูผาที(๖)

บทที่ ๖ อุปกรณ์คอมมานโดคลับ

ด้วยความพ่ายแพ้เมื่อ ๒ ปีก่อนตรงบริเวณภูผาทีนี่เอง พวกซีไอเอ ที่เข้าประชุมในห้องประชุมกองบัญชาการของฝูงบินที่ ๑๓ กองบิน ๗ ในจังหวัดอุดรธานี จึงพยักหน้าทันทีที่คณะของนายพลแฮริส กล่าวถึงภูแห่งนี้

คณะผู้จัดประชุมได้กล่าวต่อไปว่า นักบินได้นำชอปเปอร์มาแวะเวียนที่ภูผาทีเมื่อ ๑ ปีก่อน เพื่อมาติดตั้งเครื่องส่งสัญญาณการนำร่องการบินที่เรียกว่า TACON ซึ่งเป็นตัวย่อของ Tactical Air Control Navigation หรือหน่วยนำร่องและควบคุมยุทธวิธีทางอากาศ

ก่อนหน้านั้นกองทัพอากาศอเมริกันได้ส่งเจ้าหน้าที่มาที่อุดรฯ เพื่อขอคำแนะนำในเรื่องนี้ ซึ่งบิล แลร์เจ้าหน้าที่ซีไอเอซึ่งมีประสบการณ์มากที่สุดในลาวได้เป็นผู้แนะนำให้พวกเขานำอุปกรณ์ชิ้นนี้ไปติดตั้งที่ภูผาที แลร์คิดอยู่เสมอว่า หากไม่มีสงครามเกิดขึ้นที่นี่ ภูผาทีที่อยู่ห่างฮานอยไม่ถึง ๑๕๐ ไมล์ จะเป็นสถานที่ตากอากาศที่เหมาะสมอย่างยิ่ง ด้วยอากาศสดชื่นและทิวทัศน์ของขุนเขาอันตระการตา

อุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ชิ้นใหม่ที่จะถูกนำไปติดตั้งเพิ่มเติมเข้ากับระบบ TACON ที่มีอยู่เดิม โดยทางกองทัพอากาศเรียกอุปกรณ์ชิ้นใหม่นี้ว่า เครื่องชี้เป้าทิ้งระเบิดทางอากาศ หรือ บลายด์ บอมมิ่ง รุ่นทีเอสคิว-81 ซึ่งถูกเรียกในอีกชื่อหนึ่งว่า “คอมมานโดคลับ”

ศูนย์บัญชาการยุทธวิธีทางอากาศได้คิดค้นวิธีการเพิ่มประสิทธิภาพอุปกรณ์ค้นหาเป้าทางอากาศที่มีใช้อยู่เดิม โดยนำระบบป้อนข้อมูลสถิติโดยคอมพิวเตอร์มาเพิ่มเข้าไป ซึ่งได้ทำความมุ่งหมายดั้งเดิมของอุปกรณ์ชิ้นนี้เปลี่ยนไป เอสคิว-81 สามารถทำการนำร่องทั้งเครื่องบินขับไล่และเครื่องบินทิ้งระเบิดเข้ายังตำแหน่งเป้าหมาย รวมทั้งช่วยคำนวณจังหวะการปล่อยลูกระเบิดได้อย่างถูกต้องแม่นยำ แม้จะมีเมฆหนาทึบปกคลุมอยู่เหนือเป้าหมายก็ตาม

พวกกองทัพอากาศกล่าวว่า อุปกรณ์คอมมานโดคลับจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการโจมตีที่มั่นสำคัญของข้าศึก อุปกรณ์ชิ้นนี้ได้ถูกออกแบบมาอย่างพิเศษให้สามารถแยกชิ้นส่วน เพื่อบรรทุกขึ้นชอปเปอร์ลำเลียงไปประกอบเข้าใหม่ในพื้นที่ที่ต้องการ กองทัพอากาศจะจัดส่งเจ้าหน้าที่ของตนไปประจำการรบบนภูผาที โดยคนเหล่านี้ได้ยื่นใบลาออกจากราชการไว้ล่วงหน้า เพื่อปฏิบัติตามคำขอร้องของซุลลิแวนเอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำประเทศลาวที่ต้องการให้มีเฉพาะเจ้าหน้าที่พลเรือนปฏิบัติการอยู่ในลาว

Monday, April 27, 2009

ลำดับ๖๐๔.ยุทธการภูผาที(๕)

บทที่ ๕ ความพ่ายแพ้เมื่อ ๒ ปีก่อน

ในตอนนี้พวกเขาตกอยู่ภายใต้การระดมยิงอย่างหนัก โพสงสัยว่าเขาจะขอให้ชอปเปอร์มารับพวกเขาออกไปได้หรือไม่ หรือว่ามันจะคุ้มค่าหรือไม่หากขอไป หากไม่จำเป็นจริงๆแล้ว เขาไม่ต้องการให้นักบินต้องเสี่ยงตายบินเข้ามาขณะที่มีการโจมตีจากฝ่ายข้าศึก

โพวิทยุเรียกนักบิน บอกไปว่าเขาได้รับบาดเจ็บ แต่จะเดินออกไปจากจุดที่อยู่ขณะนั้น พร้อมทั้งนัดแนะพิกัดที่จะให้นักบินนำเครื่องลงมารับ

จุดนัดหมายที่ปลอดภัยสำหรับนักบินนำชอปเปอร์ลงจอด อยู่ห่างออกไป ๘ กิโลเมตร โดยจะต้องเดินเท้าลงเขา ข้ามลำห้วยสายหนึ่งจากนั้นเดินไต่เขามุ่งทิศตะวันตกไปทางภูผาที โพเดินโขยกเขยกใช้ปืนเอ็ม ๑ แทนไม้เท้าเลาะเลียบสันเขาที่ทางเดินตะปุ่มตะป่ำ เขาไม่สามารถพาตนเองไต่ขึ้นเนินสูงลูกสุดท้ายที่ขวางกั้นอยู่ได้ พวกม้งจึงต้องนำผ้ากันฝนปันโจ มาขึงแทนเปล เพื่อใช้หามโพขึ้นจากบริเวณก้นห้วยแห้งขอดนั้น พารูชาวไทย ๓ คนเดินขึ้นหน้าไปยังจุดหมายที่เห็นชอปเปอร์จอดรออยู่ โดยทิ้งเพื่อนอีกคนที่ยังอยู่ที่ฐาน ซึ่งกำลังทำการยิงปืน ค.ใส่ข้าศึกเพื่อถ่วงเวลาให้กลุ่มถอยหนีได้ทัน อย่างกล้าหาญ

คนไทยทั้งสามคนโต้ตอบ ขณะที่โพตะโกนด่า ออกคำสั่งให้พวกเขากลับไปสมทบกับทอง คนไทยอ้างว่าเข้าใจภาษาอังกฤษที่โพพูดและสาวเท้าออกเดินนำต่อไป

เมื่อโพถูกแบกขึ้นถึงยอดเนิน ชอปเปอร์ที่เพิ่งลงจอดได้สักครู่กำลังติดเครื่องรออยู่ ภายในเครื่องมีนักบิน ช่างเครื่องและหมอเวลดอนที่กำลังรอเขาอยู่

ขณะที่คนไทยทั้ง ๓ พยายามปืนขึ้นเครื่อง โพชักปืนสั้นขึ้นจากซองพกข้างเอว บอกแก่คนทั้ง ๓ ว่าพื้นที่ในชอปเปอร์มีไว้สำหรับคนบาดเจ็บเท่านั้น และว่าพวกเขาทั้งสามคนควรรีบไปสมทบกับพวกของทองได้แล้ว โพโบกปืนไปมาพลางกล่าวกับเวลดอนว่า ถ้าพวกคนไทยพยายามจะขึ้นบนเครื่อง ก็ให้ ชอปเปอร์รีบบินออกไปโดยเร็วเนื่องจากคนพวกนี้กำลังพยายามหนีทัพ และให้ชอปเปอร์บินกลับไปยังห้วยนองเพื่อไปรับผู้บาดเจ็บที่ยังรออยู่ที่นั่น และตอนนี้ก็ไม่มีที่ว่างภายในชอปเปอร์เหลือพอสำหรับใครอีก

บ็อบ บูเนสนักบินชอปเปอร์บอกกับพวกเขาว่า ภูเขาแถบนี้มีระดับความสูงมากและบรรยากาศเบาบางทำให้ไม่สามารถบรรทุกคนได้มากไปกว่านี้ โพตอบว่าเขาได้สัญญากับพวกม้งไว้แล้ว บูเนสเถียงว่าเครื่องยนต์อาจจะไหม้ได้แต่โพไม่สนใจ สั่งให้นักบินทำตามที่เขาบอกในทันที

ชอปเปอร์บินขึ้น โดยไม่มีคนไทยโดยสารไปด้วย โพนอนแผ่หมดแรงอยู่บนพื้นห้องโดยสาร ตัวขาดซีด ปากอ้าค้างเหมือนปลาขาดน้ำกำลังจะตาย ขณะที่เวลดอนกำลังเริ่มแต่งบาดแผลที่สะโพกของเขา โพยื่นแขนมาคว้าตัวเวลดอนไว้และพูดพล่ามฟังไม่ได้ศัพท์ ในที่สุดโพก็สามารถทำให้เวลดอนเข้าใจได้ว่า โพนั้นรู้ว่าพวกม้งอยู่ที่ไหน และนักบินกำลังพาพวกเขามุ่งไปผิดทาง

ประตูห้องโดยสารของชอปเปอร์เปิดอยู่ เวลดอนจึงลากโพไปที่ขอบประตูเพื่อที่เขาจะได้สามารถมองลงไปเห็นภูมิประเทศเบื้องล่างได้ โพเริ่มชี้บอกทิศแก่เวลดอน ว่านักบินควรบินไปทางไหน โดยใช้เส้นทางที่หลีกเลี่ยง ป.ต.อ.ข้าศึก เมื่อพวกเขากลับไปที่ห้วยนอง นักบินบังคับเครื่องลงจอดใกล้กับกองบัญชาการ มีทหารม้งได้รับบาดเจ็บ ๑๓ คนเกือบทุกคนอยู่ในสภาพร่อแร่เต็มที บางคนยังมีกำลังใจดีอยู่ร้องขอบุหรี่สูบกันขรม

ชอปเปอร์บินลำเลียงผู้บาดเจ็บมุ่งทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ไปยังเมืองหัวอันเป็นที่ตั้งของกองบัญชาการใหญ่ทางทหารของแขวง ที่นั่นคนเจ็บจะถูกลำเลียงต่อโดยทางเครื่องบินไปยังที่อื่นๆ เวลดอนติดตามไปกับคนเจ็บเพื่อคอยอำนวยการ เขานำโพเข้ารักษาในโรงพยาบาลแห่งใหม่ ที่อเมริกาสร้างไว้ในฐานบินโคราช เวลดอนอยู่ดูแลจนกระทั่งโพเข้าห้องผ่าตัดเพื่อเอาเศษกระดูกที่แตกออกและเย็บส่วนของลำไส้ที่ฉีกขาดเข้าด้วยกัน.

ลำดับ๖๐๓.ยุทธการภูผาที(๔)

บทที่ ๔ ความพ่ายแพ้เมื่อ ๒ ปีก่อน

กระสุนนัดแรกเจาะเข้าที่สะโพกของโพ เขาสะดุ้งเฮือกตัวหมุนคว้างล้มคว่ำหน้าลงกับพื้นฝุ่น ขาสองข้างปราศจากความรู้สึกใดๆ ขณะนอนพังพาบพยายามใช้มือเขย่าขาสองข้าง เขาได้ยินเสียงหัวหน้าพารูชาวไทยร้องเรียกเขาอยู่ด้านหลังว่า “โทนี ช่วยผมด้วย”

โพไม่สนใจต่อเสียงร้องขอความช่วยเหลือของพารู เขาหยิบระเบิดมือที่ติดตัวมาด้วยนำมาวางเรียงบนพื้นข้างตัว ขณะนั้นเขาสังเกตเห็นข้าศึกโผล่หัวพ้นแนวคันดิน ต่ำลงไปอีกข้างของรันเวย์ มีด้วยกัน ๓ คน ในมือมีปืนกลรูปร่างคล้ายปืนกลรุ่นทอมสัน ที่มีรูอยู่รอบบริเวณกล่องกระสุนและลำกล้องเพื่อระบายความร้อน ทั้งสามสวมชุดพรางลายเสือ เขาไม่เคยได้ยินว่าทหารเวียดนามเหนือสวมชุดพรางลายเสือมาก่อน เขาจดจ่ออยู่กับระเบิดมือและตรวจดูปืนไรเฟิลประจำกาย เมื่อทหารเวียดนามเคลื่อนเข้ามาใกล้ได้ระยะ โพดึงสลักระเบิดออกนับถึงสามแล้วจึงขว้างระเบิดมือออกไปเป็นแนวเส้นโค้ง จากนั้นดึงสลักมือลูกต่อไปออก โยนไปได้ ๓-๔ ลูกก็ไม่ปรากฏการเคลื่อนไหวจากรันเวย์ด้านนั้นอีก โพคิดว่าเขาคงจัดการข้าศึกได้หมดแล้ว

โพมองสำรวจรอบตัว เขาเห็นหัวหน้าพารูชาวไทยนอนตายอยู่ บริเวณลำตัวพาดทับอยู่บนพุ่มไม้ ใกล้ๆกันนั้นคืนอื่นๆล้วนถูกสังหารจนหมดมีเขารอดอยู่เพียงคนเดียว โพสำรวจร่างกายตนเองเห็นรูขนาดใหญ่ที่สะโพก มองเห็นกระดูกสีขาวและเลือดไหลทะลักออกมาเต็มไปหมด

โพใช้ปืนเอ็ม ๑ แทนไม้เท้ายันกายเดินกลับมาบริเวนฐาน เมื่อมาถึงเขาบอกพวกม้งและพวกพารูที่เหลือให้ออกไปนำศพเพื่อนๆกลับเข้ามา พวกนั้นจึงเริ่มออกเดินไปยังรันเวย์สนามบิน

แม้ขณะที่กำลังจะทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้น โพยังต้องสั่งการทหารที่เหลือในฐาน เพราะดับหัวหน้าพวกเขาล้วนถูกสังหารในเหตุการณ์จนหมด โพสั่งให้ทหารคอยวิทยุติดต่อกับพวกของทอง และทำตามที่ทองสั่ง เพราะทองเป็นผู้มีประสบการณ์ โพมีปัญหาเรื่องการสื่อสารกับพวกทหาร เพราะหัวหน้าพารูชาวไทยที่เคยทำหน้าที่ล่ามได้ตามแล้ว และทหารม้งอีกคนหนึ่งที่พอฟังภาษาอังกฤษได้ก็เสียสติขวัญผวาเกินกว่าจะฟังที่โพพูด

โพติดต่อวิทยุกับทองอีกครั้ง ขณะนั้นทองกำลังนำกำลังถอยร่นไปทางภูผาที เขาบอกกับทองให้คอยรักษากระบวนทัพขณะถอยร่น ทองตอบกลับมาด้วยภาษาลาวที่โพไม่เข้าใจ โพพยายามบอกว่าสิ่งที่ดีที่สุดในตอนนี้ คือการส่งพวกชาวบ้านไปสมบทพวกของทองแต่หากพวกนั้นต้องการอยู่ในที่มั่นก็ต้องแน่ใจว่าเมื่อจำเป็นต้องถอยผู้ที่อยู่ใกล้แนวข้าศึกที่สุดจะเป็นผู้ที่ถอนตัวออกมาก่อน และการถอยจะต้องทำอย่างมีวินัย และมีกระบวนห้ามมั่วเด็ดขาด

ลูกปืนยังคงหวีดหวิวแหวกอากาศมาจากระยะห่างออกไป ทางทิศตะวันออกมีเสียงดังคลิกเบาๆ เมื่อหัวกระสุนตัดทะลุผ่านตับหญ้าแฝกที่ใช้มุงหลังคากระท่อมแทบไม่มีใครได้รับบาดเจ็บจากแผลกระสุน แต่หลายคนถูกสะเก็ดกระสุนปืน ค. เข้าที่บริเวณใบหน้าและหัวไหล่ ซึ่งล้วนเป็นบาดแผลฉกรรจ์ทั้งสิ้น ใบหน้าบางคนถูกฉีกหายไปครึ่งหน้า เหมือนโดนขวานจาม โดยที่ยังมีฟันห้อยติดอยู่

ลำดับ๖๐๒.ยุทธการภูผาที(๓)

บทที่ ๓ ความพ่ายแพ้เมื่อ ๒ ปีก่อน

มีการติดต่อทางวิทยุจากแนวปะทะหลายจุด ผ่านทางล่ามมายังโพ แจ้งว่าพวกเขาตกอยู่ภายใต้การโจมตี โพบอกให้พวกเขาผู้หญิงและเด็กออกจากพื้นที่โดยให้ถอยหนีอย่างช้าๆ ไปตามแนวสันเขามายังจุดที่เขาอยู่ ผู้หญิงและเด็กจะถูกส่งไปยังที่ปลอดภัยบริเวณภูผาที อันเป็นที่มั่นและรังหลบภัยของพวกม้ง

ขณะนั้นมีการยิงเข้ามาเป็นช่วงๆ ในคืนนั้น และราวเที่ยงของวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๐๘ วันเดียวกับที่ ลินดอน จอห์นสัน เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐอเมริกาอย่างเป็นทางการต่อจากเคนเนดี้ผู้ถูกลอบสังหาร ทหารเวียดนามเหนือคนแรกก็ปรากฏตัวให้เห็น ข้าศึกระดมยิงและเคลื่อนตัวเข้ามาเป็นกลุ่มๆละ ๒-๓ คน เป็นการเคลื่อนเข้าจู่โจมตามตำรา คือ คนหนึ่งวิ่งขึ้นหน้าขณะที่อีกสองคนคอยยิงคุ้มกันและผลัดกันทำเช่นนี้ไปเรื่อยๆ

โพให้ทหารม้งคนหนึ่ง เข้าประจำตำแหน่งและปรับระยะยิงที่ ๓๐๐ เมตร ขณะนั้นลมกำลังสงบจึงไม่จำเป็นต้องปรับศูนย์ปืนเผื่อด้านข้าง ขณะที่ทหารม้งคนนั้นเริ่มยิง โพก็นำทหารม้งคนที่ ๒ และ ๓ และคนต่อๆมา นอนราบตามแนวป้องกัน แต่จนแล้วจนเล่าทหารม้งก็ยิงไม่ถูกข้าศึก พวกเขาลืมสิ่งที่เรียนมาเรื่องการปรับระยะยิงเสียสิ้น โพนั่งลงประกบทหารเป็นรายตัว พยายามแสดงวิธีการยิงเป้าหมายในระยะไกล โดยใช้ภาษามือประกอบ

ทหารเวียดนามคนที่เคลื่อนเข้าใกล้ที่สุดอยู่ห่างออกไป ๒๐๐ เมตร โพเล็งแล้วยิงด้วยปืนคาร์ไบน์เอ็ม ๑ รุ่นสงครามโลก เขารอให้ข้าศึกลุกขึ้นวิ่ง วาดปืนดักหน้าแล้วลั่นกระสุน โดยเล็งไปที่บริเวณศรีษะ ทำเช่นนี้จนไม่เห็นทหารเวียดนามเหนือลุกขึ้นวิ่งอีก เขาคิดว่าข้าศึกกลุ่มนั้นคงถูกสังหารจนหมดสิ้นแล้ว

พารูชาวไทยใช้กล้องส่องทางไกลตรวจนับจำนวนข้าศึกที่นอนแน่นิ่งอยู่ได้ ๑๗ ศพ เสียงปืนบริเวณรอบๆเบาบางลงจนหยุดไปแล้ว แม้ว่าเสียงปืนจากตำแหน่งของทองจะยังหนาแน่นอยู่ก็ตามโพตัดสินใจออกไปค้นหาศพเวียดนามเหนือ เพื่อหาเอกสารจำพวกแผนที่หรือแผนการรบ โพพร้อมด้วยหัวหน้าทีมพารูและทหารคุ้มกันจำนวนหนึ่งเดินเรียงหนึ่งทิ้งระยะห่างระหว่างกันพอประมาณ ลงตามทางลาดของรันเวย์สนามบิน พยายามหลีกเลี่ยงไม่เดินบริเวณกึ่งกลางรันเวย์แต่พยายามเบียดเลาะมาตามขอบสนามบิน เพื่อหลีกเลี่ยงการตกเป็นเป้ากระสุน

เมื่อศพของทหารเวียดนามเหนืออยู่เยื้องไปทางซ้ายด้านหน้าราว ๑๐๐ เมตร พวกเขาจึงเดินตัดข้ามไปอีกด้านหนึ่งของรันเวย์ ในจังหวะนั้นเอง ข้าศึก ๓-๔ คนที่ซุ่มอยู่ในพุ่มไม้ได้เปิดฉากยิงใส่พวกเขา

ลำดับ๖๐๑.ยุทธการภูผาที(๒)

บทที่ ๒ ความพ่ายแพ้เมื่อ ๒ ปีก่อน

พวก ซีไอเอ พยักหน้าแสดงถึงว่าพวกตนรู้จักภูผาทีเป็นอย่างดี เพราะบริเวณนั้นได้เคยเกิดการปะทะสู้รบกับฝ่ายปเทดลาวซึ่งนำมาซึ่งความพ่ายแพ้แก่กองทหารชาวเขาที่ได้รับการฝึกจากพวก ซีไอเอ และนั่นเป็นการพ่ายแพ้อย่างย่อยยับที่สุดครั้งหนึ่งของพวกเขา ไม่มีใครลืมความพ่ายแพ้ในครั้งนั้นได้ มันเกิดขึ้นเมื่อ ๒ ปีก่อนในวันที่สภาพอากาศปลอดโปร่งของต้นฤดูแล้งที่มาเยือนซำเหนือเมื่อปี ๒๕๐๘

ทหารกองโจรชาวเขาภายใต้การบังคับบัญชาของ “ทอง” โดยมีทหารหน่วยรบพิเศษอเมริกันคือ “โทนี โพ” เป็นผู้ฝึกการสู้รบให้ ได้ทำหน้าที่เฝ้าการสัญจรตามเส้นทางถนนและเครื่องบินลาดตระเวน ทีมเฝ้าการสัญจรฯได้รายงานการพบเห็นขบวนรถบรรทุกของเวียดนามเหนือจำนวนมากมุ่งมายังซำเหนือ หนนี้พวกเวียดนามเหนือได้เพิ่มกำลังทหารเป็นสองเท่าจากเดิมที่มี ๕-๖ พันคน มาเป็น ๙ พันถึง ๑ หมื่นคนในเดือนมกราคม ๒๕๐๘

กองกำลังเวียดนามเหนือ ๗ กองพันจำนวน ๓,๕๐๐-๔,๐๐๐ คนเคลื่อนออกจากซำเหนือเพื่อค้นหาเพื่อบดขยี้กองทหารฝ่ายขวานิยมกษัตริย์และกองทหารม้ง ทหารเวียดนามเหนือได้เดินเท้าจากจุดที่ถนนสิ้นสุดแล้วตัดผ่านภูมิประเทศทุรกันดารเพื่อเข้าโจมตีผลักดันกองทหารของทอง ให้ต้องถอยร่นสูงขึ้นไปบนภูเขา เนื่องจากเสียเปรียบด้านกำลังคนทองจึงต้องถอนกำลังไปทางทิศใต้และตะวันตก เป็นการถอยแบบสู้พลางถอยพลาง ทองเลือกใช้เส้นทางลัดเลาะไปตามภูเขา เพื่อชิงความได้เปรียบทางสภาพภูมิประเทศ ทองวิทยุติดต่อโพที่กำลังควบคุมการยิงปืน ค.ขนาด ๔.๒ นิ้วข้ามหัวตำแหน่งกองทหารของทอง เข้าใส่ขบวนทหารเวียดนามเหนือที่กำลังรุกไล่เข้ามา

ในเวลานั้น โทนี่ โพอยู่ที่ไซท์ ๘๖ หรือบริเวณหมู่บ้านห้วยนอง หมู่บ้านดังกล่าววางตัวอยู่บนสันเขาของภูที่ตั้งอยู่ระหว่างภูผาทีทางทิศตะวันตกและเมืองซำเหนือทางทิศตะวันออก ในหมู่บ้านแห่งนั้นมีการวางแนวป้องกันข้าศึกอย่างดี มีป้อมปราการที่เชื่อต่อกันแนวคูและเครือข่ายสนามเพลาะ มองลงมาจากบริเวณที่ตั้งหมู่บ้าน เลยข้ามหุบเขาไป เป็นแนวเทือกเขาที่มีพื้นที่สีน้ำตาลอ่อนรูปลิ่มกระจายตรงโน้นตรงนี้แสดงตำแหน่งที่ชาวม้งเผาป่าเพื่อเตรียมถางเป็นพื้นที่เพาะปลูก โทนี่ โพมาถึงที่นี่พร้อมกับพวกพารูไทยจำนวน ๕ คน ที่หัวหน้ากลุ่มพูดภาษาอังกฤษได้อย่างกระท่อนกระแท่นและมีทหารม้งติดตามมาด้วย(อ่านเรื่องเกี่ยวกับหน่วยพารูได้ที่
http://socialitywisdom.blogspot.com/2009/04/blog-post_4697.html)

ทหารข้าศึกส่วนหนึ่งที่รุกไล่พวกของทองมา ได้แยกออกจากกลุ่มเพื่อออกค้นหาที่ตั้งปืน ค.ของโพ ปืน ค.ดังกล่าวมีครูฝึกชาวไทยเป็นพลยิง เมื่อทหารเวียดนามเหนือเคลื่อนใกล้เข้ามาตามแนวสันเขา โพสั่งให้นำปืน ค.ขนาด ๘๑ และ ๖๐ ม.ม.และปืนไร้แรงสะท้อนขนาด ๗๕ ม.ม.เข้าร่วมระดมยิงใส่ทหารข้าศึก

โพอยู่ภายใต้กฎห้ามอเมริกันเข้าร่วมสู้รบ แต่เท่าที่เห็นอยู่ หากทางศูนย์ปฏิบัติการ HQ-333 ที่อุดรฯต้องการให้โพช่วยหาข่าว เขาก็จำเป็นต้องเข้าใกล้จุดปะทะและเมื่อเข้าใกล้จุดปะทะ โทนี่ โพเป็นบุคคลที่หันหลังวิ่งหนีผู้ใด

ลำดับ๖๐๐.ยุทธการภูผาที(๑)

ยุทธการภูผาที

บทที่ ๑ จุดเริ่มต้น

กลางปี พ.ศ.๒๕๑๐ ณ ห้องประชุมกองบัญชาการของฝูงบินที่ ๑๓ กองบิน ๗ ในจังหวัดอุดรธานี ชาย ๓ คน คือ บิล แลร์, แพท แลนดรี้ และ ริชาร์ด เซ็กคอร์ด ๒ คนแรกเป็นเจ้าหน้าที่ซีไอเอ ที่บุกเบิกก่อตั้งปฏิบัติการโมเมนตัมมาแต่แรก ส่วนคนหลังเป็นคอมมาโดกองทัพอากาศที่ถูกส่งตัวมาช่วยในฐานะผู้ประสานงานระหว่างซีไอเอกับกองทัพอากาศ ถูกเรียกตัวเข้าประชุมในวันนั้น

ประธานในการประชุม คือนายพลฮันเทอร์ แฮริส ผู้บังคับการกองกำลังทางอากาศภาคพื้นแปซิฟิกของสหรัฐอเมริกา หรือ PACAF ที่มีฐานปฏิบัติการอยู่ในเกาะฮาวาย ไม่บ่อยครั้งนักที่ฐานปฏิบัติการในจังหวัดอุดรธานีจะมีนายพลระดับ ๔ ดาวมาเยือน การประชุมในวันนี้จึงไม่ใช่การประชุมธรรมดาๆอย่างแน่นอน

คณะของนายพลแฮริสกับลูกน้อง ซึ่งเป็นระดับนายพลและมีนายพันอีกคนหนึ่ง ได้เริ่มเปิดการประชุมอย่างเป็นทางการ และในวันนั้นไม่มีใครสักคนในที่ประชุมที่จะคาดการณ์ถึงผลลงเอยของเหตุการณ์ที่จะตามมาได้เลย

คณะนายพลได้กล่าวถึงแนวคิดของกองทัพอากาศที่จะนำอุปกรณ์อิเลคโทรนิกส์ที่ประดิษฐ์คิดค้นขึ้น ไปติดตั้งไว้บนยอดเขาสูงที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศลาวใกล้กับพรมแดนประเทศเวียดนามเหนือ ภูเขาลูกนั้นมีชื่อว่า “ภูผาที” หรือที่เรียกกันตามพิกัดบนแผนที่ว่า “ลิม่า ๘๕”

ด้วยความสูงประมาณ ๖,๐๐๐ ฟิตเหนือระดับน้ำทะเล ภูผาทีมิได้เป็นยอดเขาที่สูงสุดในประเทศ แต่มันเป็นภูที่โดดเด่นสะดุดตาที่สุด บริเวณเชิงเขากินอาณาเขตกว้างขวาง แนวสันเขาหินปูนค่อยๆ ทำมุมทอดตัวสูงขึ้นกระทั่งตั้งตรงขึ้นเกือบเป็นมุมฉาก บนยอดเขาภูผาทีเป็นที่ราบพื้นตะปุ่มตะป่ำและบริเวณใกล้ๆยอดเขามีแอ่งขนาดใหญ่เป็นสถานที่ผลิตฝิ่นคุณภาพดีที่สุดในลาว ส่วนทางด้านตะวันตกของสันเขาเป็นหน้าผาดิ่งชันเป็นมุมฉากชนิดที่นักกระโดดร่มดิ่งพสุธาสามารถกระโดดทิ้งตัวลงมาเบื้องล่างได้อย่างปลอดภัย ทางด้านสันเขาฝั่งตะวันออกปรกคลุมด้วยผืนป่าเขียวทำมุม ๔๕ องศาเทลาดลงสู่หุบเบื้องล่าง ไกลออกไปตามแนวสันเขา เป็นที่ตั้งของสนามบินขนาดเล็กแห่งหนึ่งที่ขึ้นชื่อในหมู่นักบินว่า โหดและอันตรายอย่างยิ่งหากจะนำเครื่องไปลงจอด ดังนั้นมันจึงกลายเป็นสนามบินร้างนับแต่มีการนำเฮลิคอปเตอร์เข้ามาใช้ในลาว

Sunday, April 26, 2009

ลำดับ๕๙๙.ความแก่งแย่งชิงดีขององค์กร

ความแก่งแย่งชิงดีขององค์กร

ในปี ๒๕๑๐ ความแก่งแย่งชิงดีของหน่วยงานต่างๆที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับสงครามในลาวและเวียดนามได้ปรากฏชัดขึ้น ดังที่เซ็กคอร์ดได้ประสบความขัดแย้งนี้มาด้วยตนเองจากความพยายามขอความช่วยเหลือจากกองบินที่ ๗ ให้มาสนับสนุนในปฏิบัติการต่างๆ

ในที่สุดเซ็กคอร์ดก็ตระหนักว่าปัญหาของเขาไม่ได้อยู่ที่ทั้งคนและหน่วยงาน ต้นเหตุของปัญหามันลึกซึ้งไปกว่านั้น หน่วยงานต่างๆไม่ว่ากระทรวงต่างประเทศ กองทัพอากาศ หรือซีไอเอ ต่างไม่อยากให้สงครามดำเนินไปในแบบที่อีกหน่วยงานหนึ่งต้องการ แต่ละหน่วยงานมีสายการบังคับบัญชาที่มีการแข่งขันชิงดีชิงเด่นในตัวของมันเอง

การขัดแย้งกันเรื่องผลประโยชน์ของแต่ละหน่วยงาน ทำให้เซ็กคอร์ดคิดไปถึงสิ่งที่เขาได้เรียนรู้ที่เวสต์พอท์น เกี่ยวกับแนวคิดเรื่องเอกภาพของการบังคับบัญชาที่ว่าประสิทธิภาพในการรบจะไม่เกิดขึ้น หากผู้บังคับบัญชาแต่ละคนไม่มีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน หรือไม่ได้รับคำสั่งลงมาจากที่เดียวกัน คุณไม่สามารถใช้เครื่องจักรสงคราม ที่แต่ละชิ้นส่วนคอยแต่จะคัดง้างกันเอง เปรียบได้กับพวกขุนนางที่ชอบตั้งตนเป็นใหญ่ และแย่งยิงอำนาจกันเองตามระบบศักดินาในสมัยกลาง

เมื่อเซ็กคอร์ดย้อนมองสภาพสงครามที่เกิดขึ้นในลาว มันเป็นเหมือนกับสิ่งที่เขาได้เรียนรู้มาทุกอย่าง

-เอกอัครราชทูตผู้ยืนกรานให้ทุกคนปฏิบัติตามกฎระเบียบที่ซับซ้อนด้วยเหตุผลต่างๆ นานา โดยสักแต่จะนำมากล่าวอ้าง บนพื้นฐานของข้อตกลงสันติภาพที่ล้าสมัย ที่ตัวเขาเองมีส่วนร่วมในการเจรจาด้วย

-กองทัพอากาศอเมริกัน ที่ไม่ได้เชื่อถือในตัวเอกอัครราชทูตเท่าใดนัก

-กองทัพบกอเมริกาที่ได้รับอนุมัติให้จัดส่งหน่วยรบพิเศษไปปฏิบัติการในพื้นที่ ที่ถูกเลือกขึ้นมาอย่างปราศจากหลักเกณฑ์ใดๆ บริเวณโฮจิมินห์ เทรล แต่กลับถูกห้ามไม่ให้เข้าปฏิบัติการในพื้นที่ส่วนอื่นๆ หากไม่ได้รับการอนุมัติจากเอกอัครราชทูตเสียก่อน โดยทั่วไปแล้ว คำร้องขอที่เสนอไปมักถูกปฏิเสธ

-พวกซีไอเอในพื้นที่ต่างไม่เชื่อน้ำยาทั้งกองทัพอากาศและกองทัพบก

-ลักษณะไม่ประสานลงรอยมีอยู่เช่นเดียวกัน ในหมู่ผู้นำลาวลุ่มทั้งรัฐบาลนิยมกษัตริย์ที่อ่อนแอภายใต้เจ้าสุวรรณภูมา และเหล่าแม่ทัพภาคที่ทรงอิทธิพลซึ่งต่างไม่ไว้ใจกัน ส่วนวังเปาก็ไม่ไว้ใจหรือยอมเชื่อฟังผู้บัญชาการกองทัพภาคอื่นๆ ซึ่งในทางกลับกัน คนพวกนี้ก็คิดเช่นเดียวกันนี้กับวังเปา

ไม่ว่าจะมองไปทางใด ก็มองเห็นแต่ปัญหาความไม่ลงรอยและชิงดีแช่งเด่นกัน มันไม่มีศูนย์กลางบังคับบัญชาของสงครามในอินโดจีน ไม่มีผู้นำที่เข้มแข็งเป็นที่นับถือของทุกฝ่าย ที่จะเข้ามาจัดการสะสางปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้น

สิ่งนี้เป็นปัญหาใหญ่ มันอาจจะไม่ส่งผลกระทบรุนแรงเท่าใดนักยากที่สงครามยังมีขนาดเล็ก แลร์และวังเปานั่งรอบกองไฟวางหมากสงครามกันสองคน แต่เมื่อมีการใช้กำลังทางอากาศและสงครามได้ขยายออกไปกว่าเดิมมาก หากอเมริกาต้องการได้ชัยชนะแล้วล่ะก็ สงครามในลาวต้องการระบบการบังคับบัญชาที่ต่างไปจากนี้ .

ลำดับ๕๙๘.โครงการที่ไร้ผล

กลางปี ๒๕๑๐ รัฐบาลอเมริกันพยายามทุ่มเททุกทางยกเว้นเพียงการใช้กำลังทหารราบเข้าหยุดยั้งการแทรกซึมผ่านโฮจิมินห์ เทรลเท่านั้น กำลังทหารราบขณะนั้น มีทั้งพวกชาวเขาในลาว ชาวไทย (ทั้งพวกพารู และหน่วยรบพิเศษของกองทัพบกไทย) พวกเวียดนามใต้ ทหารรับจ้างชาวเอเชียอื่นๆ และหน่วยกรีนแบเรต์ของอเมริกา ส่วนแสนยานุภาพด้านอาวุธนั้น มีทั้งการทิ้งระเบิดจากเครื่องบินรบกองทัพอากาศ กองทัพเรือ รวมทั้งอุปกรณ์ที่คิดค้นขึ้นมาใหม่สำหรับสงครามลาวโดยเฉพาะ

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอเมริกัน โรเบิร์ต แมคนามาร่า ได้มอบหมายให้กลุ่มนักวิทยาศาสตร์ในอเมริกาสำรวจความเป็นไปได้ในการสร้างสิ่งที่คล้ายรั้วไฟฟ้า ที่สามารถนำไปติดตั้ง เพื่อใช้ขวางเส้นทางสัญจรบริเวณโฮจิมินห์ เทรล ปรากฏว่าแนวคิดที่ถูกเรียกขานต่อมาว่า “รั้วของแมคนามาร่า” ไม่สามารถนำไปใช้ได้จริงในทางปฏิบัติ

อย่างไรก็ตาม มีการทุ่มเทเงินทุนในการวิจัยและพัฒนาจำนวนหลายพันล้านเหรียญ เพื่อค้นคิดสิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆหลายๆอย่างเพื่อนำมาใช้ในสงคราม สิ่งประดิษฐ์เหล่านั้นหลายอย่างถูกนำมาทดสอบที่อุดรฯ เช่น เครื่องตรวจวัดระยะไกล ที่อาศัยหลักทฤษฎีหลายอย่างประกอบกันทั้งจับความเคลื่อนไหว แรงสั่นสะเทือนจากเสียง กระทั่งตรวจหาคลื่นสนามแม่เหล็ก มีจุดประสงค์เพื่อหาที่ตั้งของขบวนรถบรรทุกข้าศึก

นอกจากนี้ยังมีการคิดค้นกล้องมองเวลากลางคืนจากเครื่องบินอีกหลายชนิด เช่น กล้องทีวีที่ต้องการแสงต่ำ รวมทั้งอุปกรณ์อัลฟาเรดรุ่นแรกๆ ที่ถูกคิดค้นขึ้นในช่วงนั้นเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีโครงการทำฝนเทียม โดยการนำเครื่องบินลำเลียงแบบซี-130 มาติดตั้งอุปกรณ์พิเศษ ที่สามารถโปรยผลึกเงินเฮไลด์ และสารเคมีตัวอื่นๆ ลงยังกลุ่มเมฆเพื่อให้เกิดเป็นฝนโปรยปรายทำความเฉอะแฉะแก่เส้นทางถนน

เซ็กคอร์ดและเพื่อนร่วมงานของเขาพบว่า นวัตกรรมที่ถูกนำมาใช้นี้แท้จริงแล้วไม่ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ ตัวอย่างเช่น โครงการฝนเทียมที่ถูกกล่าวขานว่าได้ทำให้เกิดฝนตกหนักลงบนที่ตั้งทหารพวกเดียวกันเอง จำนวนน้ำฝนที่ตกลงมาวัดได้ถึง ๖ ฟุตภายในเวลาเพียง ๑ ชั่วโมง ถล่มลงมาเหมือนฟ้ารั่ว ใส่หน่วยกรีนแบเรต์ทีมหนึ่งจนโงหัวไม่ขึ้น

โครงการพิเศษอีกโครงการหนึ่งคือการนำสารคัลกอน ดีเทอร์เจนท์น้ำหนักราว ๑๕๐,๐๐๐ ปอนด์มาโปรยลงยังบริเวณชุมทางใหญ่ๆของโฮจิมินห์ เทรล นักวิทยาศาสตร์ในอเมริกาอ้างว่าส่วนผสมของสารเคมีที่หาได้ตามซุปเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป เมื่อผสมกับน้ำฝนแล้ว จะทำให้พื้นผิวดินเกิดความลื่นเป็นอย่างมาก โปรเจคนี้มีชื่อว่า “โปรเจคโคลน”

ครั้งแรกมีการทิ้งสารนี้ลงบนโฮจิมินห์ เทรล ขณะฝนตก ข้าศึกนึกว่าพวกเขาถูกเล่นงานด้วยสงครามสารเคมีเข้าให้แล้ว แต่จากนั้นพวกข้าศึกก็พบความจริงว่าหาได้เป็นเช่นนั้นไม่ และพื้นดินของถนนบริเวณนั้นก็ไม่ได้ลื่นไปกว่าที่อื่นๆที่ไม่ได้โรยสาร มันจึงเป็นเรื่องเหลวไหลทั้งเพ.

Saturday, April 25, 2009

ลำดับ๕๙๗.ศูนย์บัญชาการ๔๘๐๒

ศูนย์บัญชาการ 4802

ที่จังหวัดอุดรธานี สำนักงาน HQ-333หลังที่ใช้งานอยู่เริ่มคับแคบ แลร์จึงตัดสินใจหาสำนักงานแห่งใหม่ที่กว้างขวางกว่าเดิม เขาลงมือทำเรื่องส่งไปที่แลงค์ลี่ โดยเขาได้ทำการประเมินราคาก่อสร้างสำนักงานแห่งใหม่ว่าน่าจะอยู่ที่ประมาณ ๑๓๕,๐๐๐ เหรียญ

กองบัญชาการใหญ่ได้ส่งวิศวกรคนหนึ่งมาทำการประเมินราคา วิศวกรคนดังกล่าวเดินสำรวจโดยรอบ และเข้ามาพบแลร์ให้ห้องทำงานเล็กๆ ของเขาที่ยังใช้ร่วมกับแลนดรี้อยู่ จากนั้นบอกกับแลร์ว่าแลร์นั้นไม่เข้าใจโครงสร้างสำนักงานใหม่นี้ดีพอ วิศวกรชี้ไปที่แบบร่างของแลร์ พร้อมกล่าวว่า “คุณร่างแบบอย่างนี้ไม่ได้ หากสร้างตามนี้ล่ะก็ มันจะออกมาเล็กเกินไป”

วิศวกรร่างแบบแปลนอาคารขึ้นใหม่ จัดแจงเรียกสถาปนิกทำการออกแบบให้สอดคล้องตามข้อกำหนดด้านความปลอดภัยตามมาตรฐานซีไอเอ และเมื่อแบบร่างสำเร็จเสร็จดี ราคาประเมินของสำนักงานแห่งใหม่นี้สูงถึง ๑ ล้านเหรียญ

แลร์คัดค้านเรื่องนี้ในที่ประชุมที่มีขึ้นต่อมาอย่างหัวฟัดหัวเหวี่ยง เขาไม่ต้องการมัน เขาไม่เคยเรียกร้องขอด้วย

วิศวกรยังคงยืนกรานกับเขา “เห็นได้ชัดว่าคุณไม่ใช่นักบริหารมืออาชีพ คุณต้องเผื่อที่เอาไว้สำหรับการขยายตัว เครื่องใช้ไม้สอยต่างๆ ที่อุดรฯ จะต้องมีเพิ่มเติมอีกมาก” เขาพูดด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม

วิศวกรเดินทางกลับอเมริกา และโครงการของเขาก็ได้รับการอนุมัติจากกองบัญชาการใหญ่ การก่อสร้างจึงเริ่มขึ้น มันเป็นอาคารสองชั้นสีขาว ปลูกขึ้นใกล้โรงซ่อมบำรุงของแอร์อเมริกา อาคารหลังใหม่นี้ไม่ค่อยจะมีช่องหน้าต่าง เพราะซีไอเอไม่ถูกกับหน้าต่าง และที่ประตูทางเข้าก็ยังได้ติดตั้งแผงกดรหัสผ่านเข้าออก อย่างไรก็ตาม มันเป็นอาคารที่ทันสมัย

อาคารแห่งนี้มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่าศูนย์บัญชาการประสานงานร่วมที่ ๔๘๐๒ ฐานทัพอากาศอุดรธานีแต่แลร์กับลูกน้องเรียกอาคารหลังนี้ว่า ทัชมาฮาล

ทันทีที่ย้ายเข้าไป จำนวนเจ้าหน้าที่ก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพื่อเติมพื้นที่ว่างภายในให้เต็ม เพียงข้ามคืนเท่านั้น สถานที่แห่งนี้ก็ได้กลายมาเป็นหน่วยราชการย่อยๆ ส่วนการรักษาความปลอดภัยที่ทำกันอย่างเข้มงวดในตอนแรกนั้นปรากฏว่า ไม่นานนักพนักงานทำความสะอาดหญิงชาวไทยและม้งก็ได้รับรหัสลับสามารถผ่านเข้าออกห้องต่างๆในอาคารโดยไม่ต้องมีเจ้าหน้าที่คอยตามดูแต่อย่างใด.

Friday, April 24, 2009

ลำดับ๕๙๖.สถานการณ์ปี๒๕๐๙-๑๐(๒)

บทที่๒

เซ็กคอร์ดได้ขอให้เอฟ-105 จำนวนหนึ่งหันจากเส้นทางโฮจิมินห์ เทรล นักบินจ่าฝูงนำลูกฝูงเสี่ยงอันตรายฝ่าหมู่เมฆหนาที่ปกคลุมเหนือพื้นที่เข้ามา แต่ด้วยความเร็วของเครื่องไอพ่นทำให้ไม่สามารถเห็นเป้าหมายเบื้องล่างได้เพราะเป็นข้อจำกัดของการบินด้วยความเร็วสูงจึงไม่สามารถโจมตีเป้าหมายในพื้นที่แคบๆ เช้าวันต่อมากำลังทางอากาศได้กระหน่ำโจมตีจนฝ่ายปเทดลาวต้องถอยออกไปจากพื้นที่ๆยึดครอง

แม้ว่ากำลังทางอากาศจะสามารถช่วยกองทหารวังเปาไว้ได้ แต่แลร์ไม่เคยเชื่อว่ากำลังทางอากาศได้ช่วยนัคฮัง หรือที่มั่นแห่งอื่นๆให้รอดพ้นจากการถูกเข้ายึดครอง แลร์ไม่เคยสนับสนุนการรบแบบตั้งอยู่ในที่มั่นมาตั้งแต่เริ่มแรก และเหตุการณ์ก็คงจะไม่เป็นไปในรูปนี้ หากเขามีอำนาจควบคุมสงครามในลาวโดยสมบูรณ์

แลร์เชื่อว่าหากนัคฮังไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาอย่างที่มันเป็นอยู่ และหากกองทัพอากาศไม่นำเอาฝูงเฮลิคอปเปอร์กู้ภัยลำมหึมาไปประจำอยู่ที่นั่นแล้ว มันก็คงไม่ตกเป็นเป้าโจมตีของข้าศึกอย่างแน่นอน มันเหมือนเป็นการเชื้อเชิญทหารเวียดนามเหนือให้เข้ามาลองของในอีกไม่ช้าก็เร็ว และเมื่อเครื่องบินไอพ่นเข้ามารับภาระของการสู้รบไปจากพวกชาวเขา ต่อจากนี้ไปพวกม้งก็จะไม่ยอมออกลาดตระเวนไปรอบๆฐานที่มั่น โดยพวกเขาจะอ้างว่า การทำเช่นนั้นมันเป็นการเสี่ยงอันตรายเกินไป

ด้วยเหตุนี้ แลร์จึงพอใจกับสงครามในแบบร้านชำเล็กๆ มากกว่าแบบซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่ เขารู้ว่าชัยชนะครั้งนี้จะส่งผลเป็นความพินาศย่อยยับในอนาคตข้างหน้า ด้วยเหตุนี้มันจึงเป็นเรื่องซับซ้อนอยู่ในตัวของมันเอง แลร์ไม่ต้องการสงครามขนาดใหญ่ แต่เขาชื่นชมเซ็กคอร์ดที่เข้ามายกระดับสงครามที่นี่ แลร์เชื่อว่าหากเซ็กคอร์ดรักษาเนื้อตัวอย่างดีเขาอาจจะได้เป็นผู้บัญชาการกองทัพอากาศก็ได้

ในปี ๒๕๑๐ อาคาร HQ-333 หลังเก่าเริ่มจะแออัดยัดเยียดและทรุดโทรมลง พวก ส.ส.และแขกวีไอพีอื่นๆที่มาเยี่ยมชมมักจะอดมองไปรอบๆอย่างแปลกใจไม่ได้ แม้พวกเขาจะไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาให้ได้ยินทำนองว่า นี่นะหรือศูนย์ควบคุมปฏิบัติการลับขนาดมหึมาในลาวก็ตาม

ลำดับ๕๙๕.สถานการณ์ปี๒๕๐๙-๑๐(๑)

บทที่ ๑

ช่วงปลายฤดูฝนปี ๒๕๐๙ คอมมานโดกองทัพอากาศนายหนึ่งได้เข้ามารายงานตัวกับบิล แลร์และแพท แลนดรี้ที่ HQ-333 อุดรธานี เขาชื่อว่า เซ็กคอร์ด เขามีหน้าที่ประสานงานร้องขอเครื่องบินจากกองทัพอากาศให้มาช่วยสนับสนุนปฏิบัติการกองทหารของพวกชาวเขา

เดือนธันวาคม ๒๕๐๙ แช็คลี่ได้เลื่อนตำแหน่งให้เซ็กคอร์ดเป็นเจ้าหน้าที่ประสานงานของกองทัพอากาศประจำอุดร หน้าที่ของเขาจึงไม่ได้จำกัดอยู่เพียงประสานงานซีไอเอกับกองทัพอากาศเท่านั้น

กองบินที่ ๗ เป็นกองบัญชาการภาคพื้นเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ของกองทัพอากาศอเมริกัน มีศูนย์บัญชาการตั้งอยู่ที่ฐานทัพอากาศทัน ซอน นัทนอกเมืองไซ่ง่อน แนวทางของกองทัพอากาศอเมริกันคือทำสงครามเต็มรูปแบบกับฝ่ายโซเวียต(ที่สนับสนุนอาวุธให้แก่เวียดนามเหนือ)มากกว่าจะนำมาใช้ทำสงครามกองโจรในแผ่นดินของโลกที่สาม เพราะเครื่องบินไอพ่นความเร็วสูงนั้นเหมาะกับภารกิจที่มีเป้าหมายการโจมตีระยะไกลอย่างในดินแดนไซบีเรียของโซเวียต และด้วยความเร็วนี้เองที่มันเกินกว่านักบินจะติดต่อประสานงานกับกองทหารภาคพื้นดินได้อย่างใกล้ชิด ผู้บังคับการกองบินที่ ๗ คือ มอมเยอร์จึงไม่พอใจกับนโยบายของซุลลิแวนและพวกซีไอเอกำลังทำกันอยู่ในลาว เนื่องจากกองทัพอากาศไม่ได้มีบทบาทอะไรในสงครามเท่าใดนัก

เมื่อเป็นดังนี้ เซ็กคอร์ดจึงพบว่าเป็นเรื่องยากที่จะขอเครื่องบินของกองทัพอากาศเข้ามาสนับสนุน จึงเหมือนเป็นการทำสงครามย่อยๆระหว่างหน่วยงาน เซ็กคอร์ดกล่าวว่า จะต้องตื้อพวกเขา บางทีถึงกับต้องขู่เข็ญกันทีเดียว ทุกครั้งที่เขาร้องขอไปนั้นเป็นเรื่องด่วนที่สุดหรือด่วนมาก เขาต้องเดินไปที่ฝูงบินที่ ๑๓ กองบินที่ ๗ ที่ตั้งอยู่ที่อุดรฯ เพื่อขอให้นักบินนำเครื่องขึ้น

ต้นปี ๒๕๑๐ มีการปะทะระหว่างกองทหารของวังเปากับทหารของฝ่ายปเทดลาวครั้งใหญ่เกิดขึ้นที่นัคฮังทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของทุ่งไหหิน บนเส้นทางถนนที่เชื่อมต่อไปยังซำเหนือ วังเปาได้ส่งกองทหารเข้ายึดพื้นที่บริเวณนั้นที่เคยเสียไปกลับคืนมาได้และทำการซ่อมแซมถนนขึ้นใหม่ และบัดนี้ฝ่ายปเทดกำลังจะกลับมายึดคืนไปอีกครั้ง

เช้าตรู่วันที่ ๖ มกราคม ๒๕๑๐ ในช่วงที่เมฆหนาทึบปกคลุมไปทั่วบริเวณ ส่งผลให้การสนับสนุนทางอากาศของพวกอเมริกันทำได้ลำบาก เช้าวันรุ่งขึ้นก้อนเมฆหนาทิ้งตัวต่ำปกคลุมทั่วอาณาบริเวณ ฝ่ายปเทดลาวได้ยึดเนินเขาที่อยู่สูงเหนือฐานที่มั่นของวังเปาไว้ได้ ในการโจมตีครั้งนี้ได้ยึดปืนกลหนักขนาดครึ่งนิ้วที่มีไว้ป้องกันฐานไว้ได้ แล้วหันปากกระบอกปืนเข้าหาฐานที่มั่นฝ่ายวังเปา ห่ากระสุนถูกสาดเข้าใส่บังเกอร์บัญชาการและบริเวณสนามบิน มีที่ปรึกษาชาวอเมริกันที่กำลังนำชาวเขาออกไปยึดพื้นที่บนเนินเขากลับคืนคนหนึ่งถูกยิงเสียชีวิตทันที อีกคนจึงวิทยุขอการสนับสนุนทางอากาศ

ลำดับ๕๙๔.การเปลี่ยนแผนการรบ(๓)

บทที่ ๓

การเข้ามารับตำแหน่งของแช็คลี่ได้เปลี่ยนสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด อเมริกันเริ่มคิดหาผลประโยชน์จากลาวเพื่อเป้าหมายทางการทหารในเวียดนาม ซีไอเอเลิกสนใจโครงการต่างๆที่เกี่ยวข้องกับความพยายามสร้างชาติให้พวกม้งในระยะยาว สิ่งสำคัญลำดับแรกคือการใช้ประโยชน์จากลาว เพื่อตรึงทหารเวียดนามเหนือเอาไว้ที่นั่นและเพื่อรบกวนไม่ให้พวกเวียดนามเหนือสามารถใช้เส้นทางโฮจิมินห์ เทรลได้อย่างสะดวกสบายเกินไป

ผลกระทบจากความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นสามารถเห็นได้ชัดเจนในพื้นที่ปฏิบัติการในปากเซ ที่กินอาณาบริเวณแถบที่ราบสูงโบโลแวน และส่วนทางใต้ของโฮจิมินห์ เทรล หัวหน้าปฏิบัติการที่นั่น คือ แบรนดอน คาร์ลอน ผู้ที่พยายามผสมความต้องการของเหล่าผู้บัญชาการทหารของฝ่ายนิยมกษัตริย์และของพวกชาวเขาเข้าด้วยกัน

เพื่อป้องกันให้พวกชาวเขาที่อาศัยอยู่บริเวณที่ราบสูงโบโลแวนต้องถูกเกณฑ์เข้าในกองทัพของพวกลาวลุ่ม หัวหน้าของแต่ละฝ่ายได้ตกลงกันว่าจะจัดให้มีกองทหารอาสาประจำหมู่บ้านขึ้น โดยต่างฝ่ายต่างมีความเข้าใจร่วมกันว่าทหารเหล่านี้จะต่อสู้เพื่อปกป้องหมู่บ้านพวกเขาจากข้าศึกเท่านั้น

เมื่อเป็นดังนี้สถานการณ์ในแถบที่ราบสูงโบโลแวนจึงเงียบสงบปลอดจากการปะทะข้าศึก จนพวกอเมริกันจากปากเซ มักนิยมนำครอบครัวเดินทางไปปิกนิคกันที่นั่น

แต่เมื่อแช็คลี่ต้องการทำในสิ่งที่แบรนดอน คาร์ลอนได้บอกปฏิเสธที่จะทำตาม แช็คลี่จึงได้เปลี่ยนเอา เดฟ ปันโจ โมราเรส เพื่อร่วมงานของแช็คลี่เมื่อครั้งที่ไมอามี่มารับหน้าที่แทน คาร์ลอน โมราเรสเป็นคนดื่มจัด อารมณ์รุนแรง ขี้โมโห เขาเริ่มเปลี่ยนกองทหารอาสาประจำหมู่บ้านให้เป็นทีมระวังเส้นทางโฮจิมินห์ เทรล จากนั้นพยายามเปลี่ยนทีมระวังเส้นทางที่ว่านี้ ให้เป็นกองกำลังสำหรับใช้จู่โจมข้าศึก สิ่งนี้ก่อให้เกิดความหายนะขึ้นที่นั่น กล่าวคือ ในการใช้ฝูงเฮลิคอปเตอร์ลำเลียงทหารเข้าโจมตีที่มั่นของข้าศึกครั้งหนึ่ง จำนวนทหารชาวเขา ๑๐๐ คนที่ส่งไปเหลือกลับมาเพียง ๑๕ คนเท่านั้น!

และเพื่อไม่ให้จำนวนนักรบพวกเขาต้องสูญเสียมากไปกว่านี้ หมู่บ้านที่เคยเป็นพันธมิตรกับฝ่ายอเมริกันจึงเปลี่ยนใจไปเข้ากับฝ่ายข้าศึก ฝ่ายปเทดลาวได้เข้าครองใจชาวเขาและในก็สามารถควบคุมบริเวณที่ราบสูงโบโลแวนอีกครั้ง

เป็นที่รู้กันว่าทางภาคใต้ของลาวนั้นไม่ค่อยประสบผลสำเร็จในการเกณฑ์ชาวบ้านท้องถิ่นมาเข้าร่วมในปฏิบัติการพวกอเมริกัน และเมื่อนโยบายของแช็คลี่ที่พยายามจะยกระดับกองกำลังทหารในพื้นที่ภาคใต้ของลาวให้มากขึ้น จำนวนชาวบ้านในพื้นที่ที่จะมาต่อสู้เคียงข้างกับพวกอเมริกันกลับยิ่งลดน้อยลงไปจนเกือบหมดสิ้น และนี่ก็เป็นจุดเริ่มต้นของความเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้นอย่างกว้างขวาง.

ลำดับ๕๙๓.การเปลี่ยนแผนการรบ(๒)

บทที่๒

อเมริกันคนอื่นๆในลาวไม่ค่อยพอใจแช็คลี่ที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ พวกเขายอมรับว่าแช็คลี่ขยันและทุ่มเทให้กับงานอย่างเต็มที่ แต่เนื่องจากเขาไม่เคยทำงานในทวีปเอเซียมาก่อน และไม่เข้าใจวิธีการรบนอกรูปแบบอย่างลึกซึ้ง แช็คลี่เป็นคนที่ชอบทำอะไรใหญ่ๆ สร้างอาณาจักรของตนเอง ในสมัยที่เขาอยู่ที่ไมอามี่ เจ้าหน้าที่ที่นั่นเพิ่มจาก ๓๐ คนเป็น ๓๐๐ คนและเขาก็ได้บอกไว้ชัดเจนว่า การเข้ามารับตำแหน่งในลาวครั้งนี้ ก็เพื่อจะเปลี่ยนร้านของชำเล็กๆให้เป็นซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่

ที่อุดรฯ แลร์และแลนดรี้ยังคงเดินหน้าทำงานต่อไป HQ-333 ได้กลายเป็นที่รวมของผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่แช็คลี่พยายามจะทำ คนที่นี่รู้สึกเหมือนกันอย่างหนึ่งว่า ผู้อำนวยการกองบัญชาการคนใหม่ ให้ความสำคัญกับเรื่องของขนาดแต่ละเลยต่อคุณภาพไป

ในภาคสนาม เจ้าหน้าที่รบพิเศษของซีไอเอ ที่เพิ่งเข้ามาในลาวไม่พอใจกับสิ่งที่เจ้านายของพวกเขากำลังทำอยู่ แช็คลี่มีสไตล์การบริหารงานแบบอเมริกันขนานแท้ ให้ความสำคัญกับสิ่งที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงในวอชิงตันต้องการ มากกว่าความต้องการของคนพื้นเมือง ส่วนเจ้าหน้าที่ภาคสนามก็จะต้องมาเขียนรายงานที่ยาวยืดมากขึ้น เพื่อให้แช็คลี่สามารถคุยได้ว่า มีรายงานเพิ่มขึ้นจากเมื่อก่อน รายงานบางชิ้นก็ไม่มีคุณภาพ “ผมว่าแช็คลี่ทำทุกอย่างเพื่อพยายามสร้างภาพของตนเอง” เจ้าหน้าที่ภาคสนามนายหนึ่งรำลึกความหลัง

สิ่งที่แช็คลี่ปฏิบัติต่อเจ้าหน้าที่ในลาว ได้ทำลายความภูมิใจที่พวกเขาได้ทุ่มเทอุทิศตัวทำงานบนความเชื่อที่ว่า คนพื้นเมืองจะต้องลุกขึ้นต่อสู้ด้วยตัวเองให้มากที่สุด ในช่วงปีต่อๆมา พวกเจ้าหน้าที่ในลาวกล่าวกันว่าการเข้ามารับตำแหน่งในลาวของแช็คลี่เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ

ก่อนแช็คลี่เข้ามา และก่อนที่สงครามในลาวและเวียดนามจะเกี่ยวพันกันอย่างแยกไม่ออก อเมริกันในลาวต่างมีความเชื่อและศรัทธาต่อสิ่งที่พวกเขากำลังทำอยู่ อเมริกันและลาวอาจมิได้เป็นพันธมิตรที่ทัดเทียมกันเสียทีเดียว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า คนพื้นเมืองจะต้องยอมทำทุกอย่างตามที่อเมริกันต้องการ มันยังคงมีลักษณะของความเป็นหุ้นส่วนกันอยู่ โดยเฉพาะกับพวกม้งด้วยแล้ว สำหรับพวกม้งแล้วความช่วยเหลือของสหรัฐฯไม่ว่าจะเป็นการสร้างโรงเรียน โรงพยาบาล หรือขุดบ่อเลี้ยงปลา ทำให้การเสียชีวิตเลือดเนื้อของพวกม้งนั้นคุ้มค่าขึ้นบ้าง มีอเมริกันไม่ถึงร้อยคนที่ทำงานนี้ พวกเขาไม่ได้ควบคุมทุกอย่าง ต้องทำงานอย่างใกล้ชิด พวกเขาจึงได้รับการสนับสนุนจากคนพื้นเมืองระดับรากหญ้าอย่างแท้จริง

ลำดับ๕๙๒.การเปลี่ยนแผนการรบ(๑)

บทที่ ๑

กลางปี ๒๕๐๙ ผู้อำนวยการซีไอเอในลาวคนใหม่ได้เดินมายัง HQ-333 ที่อุดรฯ เพื่อพบกับบิล แลร์และแพท แลนดรี้ ชายร่างสูงท้วมผมสีทองผิวซีด เห็นได้ชัดว่าเป็นเจ้าหน้าที่ประเภทนั่งโต๊ะคอยสั่งการ เขาอยู่ในวัย ๓๐ ปลายๆ ชื่อเขาคือ ธีโอดอร์ จี แช็คลี่ ความรู้สึกแรกที่แลร์สัมผัสได้คือ ความทะเยอทะยานที่ผสมอยู่กับความประหม่าในท่าทีของเขา

แช็คลี่ประกาศก้องว่า เขาคือผู้อำนวยการซีไอเอคนใหม่ของลาว และทั้งแลร์และแลนดรี้จะต้องรายงานทุกสิ่งทุกอย่างแก่เขา เขากล่าวต่อไปว่า แลร์และแลนดรี้อาจคิดว่าตัวเองอยู่ในลาวจนรู้ทุกสิ่งทุกอย่างด้วยตนเอง แต่ทั้งสองคนจะต้องฟังคำสั่งของเขาแต่ผู้เดียว จะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เกิดขึ้นที่นี่ ตอนนี้เหมือนกับว่าแลร์และคนที่นี่กำลังเปิดร้านขายของชำร้านเล็กๆในหมู่บ้าน แต่นับจากนี้ไป แช็คลี่จะมาเปลี่ยนมันให้กลายเป็นซุปเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่

แลนดรี้มองหน้าแลร์และส่ายหัวอย่างพิศวง เหมือนจะถามแลร์โดยไม่เปล่งเสียงว่า คนๆนี้นะหรือที่จะมาเป็นหัวหน้าคนใหม่ของพวกเขา แช็คลี่เป็นเหมือนเด็กที่เพิ่งย้ายบ้านมาในละแวกที่ไม่คุ้นเคย และพยายามอ้างสิทธิความเป็นเจ้าของที่นั่นในทันที แต่เนื่องจากเป็นคนไม่ค่อยจะเชื่อมั่นในตนเองนัก แช็คลี่จึงแสดงอำนาจออกมาให้ประจักษ์ เพื่อชดเชยปมด้วยที่ตนเองมี

แช็คลี่อธิบายวิธีการขยายขอบเขตและเพิ่มความทันสมัยให้กับสงครามในลาว คือ เขาจะเพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่อเมริกันในลาวและต้องการให้ทุกคนส่งรายงานที่ละเอียดเที่ยงตรงเกี่ยวกับปฏิบัติการเพื่อให้แน่ใจว่าอเมริกันทุกคนทำงานอย่างเต็มศักยภาพของตน และพวกอเมริกันก็จะได้ทราบว่าพวกคนไทยและลาวได้ทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพของพวกเขาแล้วหรือไม่

นอกจากนี้จะมีการนำอาวุธที่ทันสมัยยิ่งขึ้นมาใช้ รวมทั้งทวีความเข้มข้นการโจมตีทางอากาศนั่นหมายถึงการเพิ่มจำนวนศพของทหารฝ่ายข้าศึกบน โฮจิมินห์ เทรล

ทั้งคู่รับฟังแช็คลี่พูดเป็นเวลาหลายชั่วโมงติดต่อกัน แช็คลี่กล่าวว่าอเมริกันกำลังขยายขอบเขตของสงครามในเวียดนามใต้ และส่งผลให้สงครามในลาวต้องขยายตัวตามไปด้วย ต่อไปจะไม่มีคำถามว่า ควรจะขยายขอบเขตสงครามในลาวหรือไม่ แต่จะต้องถามว่าจะขยายกันอย่างไรจึงจะถูกต้อง

แลร์สงสัยว่าการที่แช็คลี่มีผลงานจากที่อื่นมา จะไม่เป็นหลักประกันความเหมาะสมในการเข้ามาควบคุมสงครามในลาว ก่อนหน้าที่แช็คลี่จะมาถึง พวกเขาได้ขยายพื้นที่ครอบครองของฝ่ายรัฐบาลนิยมกษัตริย์ โดยสูญเสียค่าใช้จ่ายเพียงเล็กน้อยและทำโดยปราศจากกองทหารราบสหรัฐฯ แต่เป็นการระดมชาวเขามาต่อสู้ และหากจะเปรียบเทียบกันจริงๆแล้ว รัฐบาลในเวียดนามใต้ได้เสียพื้นที่ให้ข้าศึกไปอย่างต่อเนื่องแม้จะมีทหารราบอเมริกันมาประจำการอยู่ที่นั่น

แลร์ไม่เข้าใจว่าทำไมกองบัญชาการใหญ่จึงต้องส่งคนเข้ามาแก้ไขในสิ่งที่ดำเนินไปด้วยดีอยู่แล้ว แต่เมื่อฟังแช็คลี่กล่าวน้ำไหลไฟดับต่อไป แลร์ก็เข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร เหตุผลที่แช็คลี่เข้ามารับตำแหน่งลาวก็เพื่อกอบกู้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในเวียดนามใต้ที่กำลังเข้าสู่สภาพสิ้นหวัง แช็คลี่เป็นดาวรุ่งของหน่วยงานในขณะนั้น และถูกส่งเข้ามาในลาวเพื่อใช้ประโยชน์จากลาวให้มากที่สุด ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของลาวเอง แต่เพื่อช่วยกอบกู้สถานการณ์ในเวียดนามใต้และเขาก็จะทำทุกอย่างเพื่อสิ่งนั้น แม้ว่าจะต้องแลกด้วยผลประโยชน์ของประเทศลาวและคนลาวก็ตาม.

ลำดับ๕๙๑.การบาดเจ็บของวังเปา


เช้าตรู่วันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๐๙ ทหารเวียดนามเหนือได้เข้าโจมตีนัคฮังฐานที่มั่นของวังเปาทางตอนเหนือของทุ่งไหหิน เมื่อแสงอรุณขึ้นแล้วอเมริกันผู้ทำหน้าที่ชี้เป้าการโจมตีทางอากาศได้วิทยุขอกำลังสนับสนุนทางอากาศและชี้พิกัดให้นักบินเครื่องเอฟ-105 เข้าโจมตีตำแหน่งที่ตั้งทหารข้าศึก อย่างไรก็ตาม อีกหลายวันต่อมาทหารเวียดนามเหนือสามารถเข้ายึดที่มั่นในนัคฮังได้เป็นผลสำเร็จ

การรบครั้งนี้ได้นำไปสู่เหตุการณ์ประหลาดระหว่างวังเปาและพวกอเมริกัน ในวันที่สองของการสู้รบ วังเปาโดยสารชอปเปอร์ไปลงที่สนามบินในนัคฮัง ขณะก้าวออกจากเครื่อง มีทหารข้าศึกที่ดักซุ่มอยู่ในระยะไกลเปิดฉากยิงเข้าใส่ วังเปาถูกกระสุนเข้าที่หน้าอกและต้นแขน

นักบินนำเครื่องขึ้น พาวังเปามุ่งตัดลำโขงไปยังโรงพยาบาลของทหารอากาศอเมริกันในโคราช เพียงไม่กี่นาทีหลังจากวังเปามาถึงยังห้องฉุกเฉิน ซุลลิแวนเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำลาวเมื่อได้ข่าวก็รีบจับชอปเปอร์จากเวียงจันทน์มาดูอาการวังเปาที่โรงพยาบาลทันที นายแพทย์ทหารอากาศที่โรงพยาบาลตรวจดูฟิล์มเอ็กเรย์และบอกกับซุลลิแวนว่า ลูกกระสุนได้ตัดกระดูกชิ้นหนึ่งบริเวณต้นแขนของวังเปาที่อยู่ใต้กระดูกส่วนเบ้าหัวไหล่พอดี คณะแพทย์บอกแก่ซุลลิแวนว่า วังเปาจะหายดีเหมือนเดิมหากการผ่าตัดเพื่อใส่ท่อนเหล็กเสริมเข้าบริเวณช่องว่างของกระดูกประสบผลสำเร็จ

ซุลลิแวนสามารถมองเห็นปัญหาที่จะเกิดขึ้นตามมาได้ล่วงหน้า พวกชาวเขาที่นับถือภูตผี มีความเชื่อเกี่ยวกับการขับไล่ผีที่เข้าสิงสู่ในร่างกายมนุษย์ พวกเขาไม่ชอบให้มีสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในร่างกาย ซุลลิแวนจึงแนะให้หมอปิดเรื่องการใส่เหล็กดามกระดูกไว้ไม่ให้วังเปารู้ แต่คณะแพทย์ปฏิเสธ บนพื้นฐานด้านจริยธรรมของวิชาชีพ

ซุลลิแวนจึงเสนอว่าตัวเขาจะเป็นคนบอกเรื่องนี้แก่วังเปาเอง ซึ่งหมอก็ตกลง ด้วยภาษาฝรั่งเศสที่หมอฟังไม่เข้าใจ ท่านทูตบอกแก่วังเปาเรื่องการผ่าตัด จากนั้นพยายามพูดโน้มน้าวตามที่ซุลลิแวนเล่าต่อมาว่า “เหล็กที่ใส่นั้นจะค่อยๆหลอมละลายไปเองเมื่อถูกอุณหภูมิของร่างกาย และท้ายที่สุดจะสลายตัวไปจนหมด เหมือนกับวิญญาณชั่วร้ายที่เข้าสิงสู่ร่างกาย ที่ถูกขับไล่ออกจากร่างกายไปนั่นเอง”

คณะแพทย์มองดูสีหน้าวังเปาที่ตอนแรกขมวดคิ้วนิ่วหน้า จนเริ่มคลายกังวลและสามารถยิ้มออกมาได้ในที่สุด เมื่อวังเปาตอบตกลง พวกเขาก็เข็นเข้าห้องผ่าตัดทันที

เหล็กที่ใส่เข้าไปนั้นไม่ได้รักษาหัวไหล่ของวังเปาให้หายดีเหมือนเดิม ต่อมาในปีเดียวกันนั้น วังเปาต้องเดินทางไปฮาวาย สถานที่ซึ่งการแพทย์ทันสมัยของตะวันตกได้รักษาเขาจนหายขาด

ลำดับ๕๙๐.เรื่องโง่ๆของพวกม้ง


ในปี ๒๕๐๘ เป็นปีที่สหรัฐฯได้เข้าไปดำเนินการขยายฐานที่มั่นที่สำคัญของวังเปาที่ล่องแจ้งและซำทองให้ใหญ่ขึ้น พวกอเมริกันเริ่มเบื่อหน่ายการอาศัยอยู่ในกระท่อมหลังคาสังกะสี ที่มีหนูวิ่งยั้วเยี้ยตามพื้น ระหว่างซำทองและล่องแจ้งไม่มีเส้นทางถนนที่เชื่อมต่อกัน ซึ่งหมายถึงการสัญจรจะต้องใช้ทางเครื่องบินเป็นหลัก ทำให้ต้องสูญเสียค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นถึงหลายพันเหรียญต่อวัน นอกจากนั้นสนามบินพื้นฝุ่นของล่องแจ้ง ก็มักถูกสายหมอกเข้าปกคลุมหนาทึบอยู่ชั่วนาตาปี สร้างความยากลำบากในการนำเครื่องขึ้นลงอย่างยิ่ง

กลางปี ๒๕๐๘ การเปลี่ยนแปลงชนิดพลิกโฉมกำลังดำเนินอยู่ ล่องแจ้งตอนนี้มีสายลับมาอยู่มากขึ้น เพียงเฉพาะเจ้าหน้าที่จากซีไอเอก็มีอยู่ถึง ๖ คน และบ้านพักก็ทันสมัยขึ้นกว่าเดิม มีนักบินแอร์อเมริกา และเจ้าหน้าที่กองทัพอากาศอเมริกันหน้าใหม่ๆมาเพิ่มเติมอีกหลายคน มีการสร้างถนนขึ้นสายหนึ่ง เพื่อเชื่อมซำทองและล่องแจ้งเข้าด้วยกันและรถบูโดเซอร์คันหนึ่งก็กำลังไถหน้าดินส่งเสียงหนวกหูอยู่บริเวณเชิงเขาใกล้ๆ วิศวกรยังได้ทำการระเบิดชะง่อนผาหินปูนบางส่วนที่ยื่นออกมาบริเวณก้นหุบล่องแจ้งเพื่อสร้างรันเวย์สนามบินแห่งใหม่ บริเวณสุดปลายด้านหนึ่งของทางวิ่งของสนามบินแห่งใหม่นี้ ตั้งอยู่ในจุดที่มักปลอดจากสายหมอกปกคลุมในตอนเช้า ส่วนปลายอีกด้านหนึ่งหักเป็นมุมฉากเข้ายังบริเวณลานกว้างหน้าโกดังตรงเชิงผาหินปูน เศษหินบางส่วนจากการระเบิดหน้าผาถูกนำมาใช้ก่อสร้างบ้านหินสองชั้นหลังใหม่ของวังเปา

โทนี โพไม่เห็นด้วยกับความก้าวหน้าทางวัตถุที่ถูกนำเข้ามาในล่องแจ้ง เขามองไม่เห็นว่ามันจะมีประโยชน์อะไร ยกเว้นก็เพียงปรับปรุงรันเวย์สนามบินที่ทำให้ชีวิตของพวกนักบินเป็นเรื่องง่ายขึ้น โพคิดว่าสิ่งจำเป็นคือการพัฒนาด้านการทหาร ไม่ใช่ความสะดวกสบายในตัวเมืองล่องแจ้ง เขาไม่ได้ต้องการให้มีการก่อสร้างโกดังเพิ่มขึ้น ไม่ต้องการถนน รถบรรทุก หรือรถจิ๊ปใหม่ๆไว้ใช้ เขาไม่อยากเห็นชาวเขาพากันอพยพเข้ามาในล่องแจ้ง

โพโกรธเป็นฟืนเป็นไฟเมื่อทราบข่าวว่าวังเปามีแผนจะซื้อบ้านในเวียงจันทน์ให้เหล่าภรรยาทั้งหลายของเขา ผู้ที่ติดใจแสงสีและความสบายของชีวิตเมืองและมีธุรกิจอยู่ที่นั่นด้วยความช่วยเหลือของลอว์เรนซ์ โพเข้าขัดขวางภรรยาของวังเปาคนหนึ่งที่พยายามจะยึดเอาธุรกิจของแอร์อเมริกาเที่ยวบินระหว่างเวียงจันทน์และล่องแจ้งมาเป็นของตนเอง “ต่อมาวังเปาอยากได้เครื่องบินส่วนตัว” โพย้อนความหลังให้ฟัง “เมื่อวังเปาได้เครื่องบินส่วนตัวสมใจ เครื่องบินเหล่านั้นถูกนำไปใช้ในการขนส่งบรรดาญาติๆและสมบัติส่วนตัว แล้วคุณว่ามันน่าขำไหมล่ะ”

“ภรรยาคนที่สองและสามต้องจ่ายเงินให้กับภรรยาคนที่หนึ่ง เพื่อนำเครื่องบินไปใช้ขนเสบียงอันเป็นของใช้และอาหารในบ้านของวังเปาเอง แต่วังเปาไม่คิดจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวในเรื่องนี้”

“เราต้องหยุดมันเสียตอนนี้ เราควรหยุดเรื่องทั้งหมดนี่ แค่ทิ้งมันออกมาเหมือนกับที่ผมพยายามจะทำอยู่หลายครั้งแล้ว เราควรบอกให้พวกวีไอพีไปตายซะให้หมด”

“ทุกวันปีใหม่พวกม้งจะใช้กระสุนสัก ๕,๐๐๐ นัดเห็นจะได้ ยิงขึ้นใส่ดวงจันทร์ เรื่องนี้ทำให้ผมโมโหจริงๆ ผมถามวังเปาว่า คุณให้ลูกกระสุนพวกเขาไปทำไม เขาก็ตอบกลับมาว่า ก็คุณไม่ได้ห้ามผมไว้นี่ แล้ววินท์ ลอว์เรนซ์ก็เป็นคนให้กระสุนผมมา”

โพ จึงพกความโมโหสุดขีดไปหาลอว์เรนซ์ โดยลอว์เรนซ์อธิบายว่า เขาพยายามให้ความสำคัญกับธรรมเนียมและความเชื่อของพวกชาวเขา ปรากฏว่ามันเป็นพระจันทร์ของคืนข้างขึ้น หาใช่ปรากฏการณ์จันทรคราสไม่ แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร อาจเป็นเรื่องดีเสียด้วยซ้ำ ชาวเขาจะได้เห็นว่าอเมริกันนั้นเคารพต่อวิถีชีวิตของพวกเขา แต่โพกลับรู้สึกสะอิดสะเอียน

“ยิงปืนในดวงจันทร์เนี่ยนะ” เขาย้อนลอว์เรนซ์ “เฮงซวยสิ้นดี” ถ้าอยากจะยิงกันจริงๆทำไมไม่เอาหน้าไม้ของพวกเองมาใช้ยิงล่ะ คุณว่าไหม พวกเขาไม่ควรนำกระสุนจริงๆและอาวุธที่พวกเรามอบให้มาใช้อย่างสิ้นเปลืองเช่นนี้”

ลำดับ๕๘๙.คลับนายทหารสหรัฐฯในฐานบินอุดร


พฤษภาคม ๒๕๐๘ ฐานบินที่อุดรฯ ซึ่งเป็นที่ตั้งของ HQ333 ได้มีการปรับรูปโฉมใหม่ สองข้างรันเวย์และตามไหล่ทางทั้งสองข้าง ปรากฏโรงเก็บเครื่องบิน ผุดขึ้นมา ดูเผินๆ คล้ายคลังเก็บสินค้าหลังคาทรงโค้งขนาดมหึมา ภายในนั้นมีการสร้างซองจอดเครื่องบินที่ผนังทำด้วยคอนกรีต และมีแผ่นโลหะบางๆปูเป็นหลังคา ป้องกันเครื่องบินจากเปลวแดดที่ลามเลียแผดเผา

เครื่องไอพ่นแบบเอฟ-4 แฟนทอม จำนวนหลายฝูง ถูกนำมาประจำการอยู่ที่นี่ เครื่องบินดังกล่าวมีรูปลักษณ์สันฐานพิกลอยู่ คือมีรูปร่างเพียว สองปีกยกขึ้นเล็กน้อย ที่ตรงส่วนปลายมีครีบทำมุมเฉียงลงเพื่อการพยุงตัว

ไม่นานนักก็เกิดมีคลับสำหรับนายทหารผุดขึ้นในฐานบิน มีอาหารประเภทแฮมเบอร์เกอร์และคลับแซนวิช พร้อมน้ำอัดลมยี่ห้อต่างๆของอเมริกาให้เลือกสั่ง นายทหารในเครื่องแบบตัดผมสั้นเกรียนพากันไปชุมนุมอยู่ที่นั่น

ในแอร์อเมริกาคลับซึ่งอยู่ติดกับอาคารที่ทำการของซีไอเอทุกๆคนต่างจะมากินดื่มเฮฮา พูดคุยกันด้วยสำเนียง ทั้งโอกลาโฮมา เนบราสกา และเท็กซัส เหมือนการได้กลับบ้านที่อเมริกายังไงยังงั้น

เจ้าหน้าที่คนไทยเริ่มแยกตัวไม่ย่างเหยียบเข้ามาใช้บริการในคลับแห่งนั้น พวกคนไทยรู้สึกถึงความแปลกแยก ไม่ว่าจะเป็นนายทหารยศตำแหน่งสูงอย่างไรก็ตาม พวกอเมริกันที่มาใหม่จ้องมองพวกเขาด้วยสายตาไม่แตกต่างจากการมองคนพื้นเมืองผิวคล้ำ ที่ต่ำต้อยกว่าพวกตน

อาจจะโดยไม่ได้ตั้งใจ พวกอเมริกันทึกทักเอาว่าพวกตนนั้นเป็นผู้เจริญกว่ามาจากวัฒนธรรมที่พัฒนายิ่งกว่า และท่าทีของคนไทยก็มีส่วนทำให้พวกเขาคิดไปเช่นนั้น ชาวไทยนั้นมีนิสัยโน้มเอียงไปในทางหลีกเลี่ยงการสร้างความขุ่นเคืองหมางใจระหว่างกัน ดังนั้นพวกเขาก็จะค่อยๆหายหน้าไปจากฐานบิน ยกเว้นคนไทยบางคนที่มีหน้าที่ตัดหญ้าหรือรับจ้างปิ้งแฮมเบอร์เกอร์ให้พวกอเมริกันเท่านั้น มันเหมือนว่า ฐานทัพอากาศอุดรฯ ไม่ได้อยู่ในประเทศไทยอีกต่อไป

กิจการการบินขนส่งสินค้าของบริษัทเบิร์ดแอนด์ซัน และแอร์อเมริกานั้นเรียกได้ว่าควบคุมและดำเนินการโดยซีไอเอทั้งหมด ในหน่วยงานทั้งสอง เริ่มปรากฏว่ามีนักบินคนไทยเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เริ่มที่เบิร์ดแอนด์ซันก่อน จากนั้นจึงลามมาที่แอร์อเมริกา มีเสียงบ่นงึมงำจากนักบินอเมริกัน ว่าเมื่อนักบินคนไทยเป็นชาวพุทธจึงขาดความเหี้ยมหาญ และมีแนวโน้มจะสละเครื่องบินไปอย่างง่ายๆ เมื่อประสบปัญหาสภาพอากาศเลวร้าย หรือต้องเผชิญหน้ากับ ป.ต.อ.ข้าศึกในช่วงแรกๆนั้น และก็ไม่มีความหมายพอจะทำให้ความพยายามนำคนไทยมาใช้แทนนักบินอเมริกัน ในภารกิจขนส่งเสบียงแก่ทีมซุ่มระวังบริเวณเส้นทางโฮจิมินห์เทรล ต้องสะดุดหยุดลง

Thursday, April 23, 2009

ลำดับ๕๘๘.แผนตัดขาดเวียดนาม

ซุลลิแวนเสนอให้ส่งทหารอเมริกันบุกขึ้นฝั่งใกล้เมืองเว้และเข้ายึดบริเวณคอคอดที่อยู่ทางด้านตะวันตกของเมืองเว้ ที่มีความกว้างเพียง ๔๐ ไมล์ ก็จะสามารถตัดขาดประเทศเวียดนามออกเป็นสองส่วน ปฏิบัติการนี้จะทำให้การเข้าสกัดกั้นการแทรกซึมและส่งกำลังบำรุงในดินแดนเวียดนามเหนือสะดวกกว่าการเข้ายับยั้งในดินแดนที่ห่างไกลออกมานับพันไมล์ในเขตป่าเขาของลาว

สิ่งที่ซุลลิแวนไม่ได้บอกในโทรเลขก็คือ ด้วยแผนนี้กองกำลังอเมริกันจะเข้าปฏิบัติการอยู่เฉพาะในเขตประเทศเวียดนามเหนือ จะไม่มีการเข้ามาบนแผ่นดินลาวที่ซุลลิแวนปกครองอยู่เลย เจ้าหน้าที่ในสถานทูตอเมริกันในเวียงจันทน์รู้ถึงจุดประสงค์นี้ของซุลลิแวนเป็นอย่างดี ซุลลิแวนนั้นมีความคิดที่ฟังดูยอดเยี่ยมเมื่อเริ่มแรก แต่แนวทางที่เขาเสนอนั้นที่สุดแล้วก็จะเป็นประโยชน์แก่เขาเอง และจะมีใครคนหนึ่งคนใดต้องเป็นฝ่ายเสียประโยชน์อยู่เสมอๆ

อย่างไรก็ตาม ซุลลิแวนยังคงยินยอมให้กองทัพอากาศและนาวิกโยธินอเมริกันได้ทำการลาดตระเวนและจู่โจมบริเวณโฮจิมินห์ เทรล ทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ของลาวโดยอยู่ในระดับที่จำกัดและต้องเป็นไปอย่างเงียบๆ คำสั่งนี้อยู่ภายใต้กรอบที่กำหนดจากทำเนียบขาว เป็นการขีดเส้นจำกัดการใช้กำลังทหารอเมริกันในลาว จะไม่มีฐานปฏิบัติการที่มีทหารประจำการ หรือฐานบินทางทหารของสหรัฐในลาว เครื่องบินรบจะต้องบินมาจากไทย เวียดนามใต้ หรือจากเรือบรรทุกเครื่องบินเท่านั้น

แต่สิ่งที่ทำให้เขาปวดเศียรเวียนเกล้าที่สุดคือ การพยายามจะปกปิดข่าวการโจมตีทางอากาศไว้เป็นความลับ ช่วงเดือนแรกๆของปี ๒๕๐๘ เครื่องบินไอพ่นของกองทัพเรือ ได้โจมตีพลาดเป้าหมายเป็นเวลาถึง ๓ วันติดกัน อีกเหตุการณ์หนึ่งคือเครื่องบินไอพ่นเครื่องหนึ่งทิ้งระเบิดห่างจากเป้าหมายเป็นระยะทางถึง ๒๐ ไมล์ทำให้พลาดไปโดนหมู่บ้านแห่งหนึ่งที่ซุลลิแวนเพิ่งเดินทางไปเยี่ยมเมื่อ ๑ วันก่อน ซุลลิแวนรู้สึกกระอักกระอ่วนใจที่ต้องส่งเจ้าหน้าที่ภาคสนามของยูเสด (USAID)ลงไปที่หมู่บ้านแห่งนั้นเพื่อขอโทษชาวบ้านรวมถึงแจกเงินชดเชยให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิต

การอนุมัติการโจมตีทางอากาศเป็นขอบเขตอำนาจของซุลลิแวน เขาสามารถร้องขอให้เครื่องบินโจมตีเป้าหมายตามที่เขาต้องการได้อีกด้วย แต่ทางกองทัพอากาศและกองทัพเรือผู้เป็นเจ้าของเครื่องบินก็มีสิทธิ์ในการตัดสินใจว่าจะส่งเครื่องบินขึ้นตามคำขอหรือไม่ และพวกเขาก็ไม่ต้องการเล่นตามเกมของซุลลิแวน เจ้าหน้าที่ภาคสนามคนหนึ่งของซีไอเอทีปฏิบัติการอยู่ทางภาคใต้ของลาวได้กล่าวเกี่ยวกับกองทัพไว้ว่า “พวกนั้นทิ้งระเบิดโดนหมู่บ้านที่เป็นพันธมิตรกับฝ่ายเราหลายครั้ง เราก็ต่อว่าเขาไป จนพวกเขารับปากและให้สัญญาว่าจะไม่ให้เกิดขึ้นอีก แต่อาทิตย์ต่อมาก็เกิดเรื่องซ้ำอีกจนได้”

ลำดับ๕๘๗.ปฏิบัติการลูกไฟนรก


เมื่อวิลเลียม เอช ซุลลิแวนเข้ามาดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตอเมริกันประจำประเทศลาวเขาพยายามจะทำให้ประชาคมโลกเห็นไปว่าลาวยังคงปฏิบัติตามสนธิสัญญาเจนีวา แต่แท้ที่จริงนั้นเขารับรู้ว่ามีการออกคำสั่งให้ฝูงบินรบออกไปปฏิบัติการโจมตีทิ้งระเบิดในเวียดนามเหนือ ภายใต้ชื่อภารกิจว่า “โรวริ่ง ธันเดอร์” ตั้งแต่วันที่ ๒ มีนาคม ๒๕๐๘ แล้ว

แต่ก่อนที่ปฏิบัติการโรวริ่ง ธันเดอร์จะเริ่มขึ้น ซุลลิแวนได้วางแผนการโจมตีทิ้งระเบิดในลาวอย่างลับๆ โดยให้ชื่อว่า Barrel Roll Operation ปฏิบัติการนี้เริ่มต้นในวันที่ ๑๔ ธันวาคม ๒๕๐๗ และยุติลงในวันที่ ๒๙ มีนาคม ๒๕๑๓ รวมระยะเวลา ๕ ปีกว่าที่อเมริกานำเครื่องบินไปทิ้งระเบิดลงในแผ่นดินลาว แม้ว่าจะเป็นเล่นสกปรกผิดกติกา แต่ซุลลิแวนก็ไม่นึกเสียใจอะไร

พวกโซเวียตรู้ว่าอเมริกาทำอะไรอยู่ แต่ก็ปิดปากเงียบเกี่ยวกับทิ้งระเบิดอย่างลับๆของอเมริกา เพราะรู้ดีว่าการส่งปืนต่อสู้อากาศยานและอาวุธยุทธภัณฑ์อื่นๆไปให้ฝ่ายปเทดลาวนั้น มีราคาถูกกว่าที่พวกอเมริกันส่งเครื่องบินไอพ่นมาใช้ในลาว ดังนั้นพวกเขาจึงทำเป็นเอาหูไปนาเอาตาไปไร่กับการฝ่าฝืนข้อตกลงเจนีวาของสหรัฐฯ

ครั้งหนึ่งเมื่อซุลลิแวนเข้าร่วมงานเลี้ยงที่สถานทูตแห่งหนึ่งจัดขึ้นในเวียงจันทน์ เอกอัครราชทูตรัสเซีย บอริส เคอร์นาสเซฟสกี้ ได้มาร่วมงานเลี้ยงนั้นด้วย ขณะนั้นเครื่องบินบรรทุกน้ำมันของกองทัพอากาศสหรัฐฯกำลังเติมน้ำมันเติมน้ำมันทางอากาศให้เครื่องบินรบไอพ่นปีกสามเหลี่ยมอยู่บนฟ้า ท่านทูตรัสเซียถามซุลลิแวนว่า “เครื่องบินข้างบนนั่นของคุณใช่ไหม?” ทั้งๆที่เขารู้คำตอบแก่ใจ ซุลลิแวนตอบว่า “เครื่องบินที่ไหนกันบอริส?” ทูตโซเวียตไม่ได้คาดคั้นเอาคำตอบต่อไปแต่อย่างใด

สงครามในลาวกลายเป็นสงครามส่วนตัวของซุลลิแวนไปแล้ว เขาพยายามเก็บมันไว้เป็นความลับภายใต้หน้ากากว่าปฏิบัติตามสนธิสัญญาเจนีวา การที่เขาเก็บเรื่องนี้ไว้ให้ไกลหูไกลตาบุคคลภายนอก เพราะรู้ว่าการแสร้งทำเป็นเคารพในความเป็นกลางของลาวนั้นง่ายและดีกว่าการเข้าทำสงครามอย่างเต็มรูปแบบ ด้วยวิธีนี้ ทั้งโซเวียตและอเมริกันก็ไม่ต้องเผชิญหน้ากันอย่างเต็มรูปแบบและมีค่าใช้จ่ายในการต่อสู้กันอย่างลับๆที่น้อยกว่ามาก

ซุลลิแวนเองเป็นผู้มีส่วนร่วมคนหนึ่งในการเจรจาสันติภาพที่กรุงเจนีวาครั้งที่ ๒ ในปี ๒๕๐๕ ซุลลิแวนกีดกันกองทหารสหรัฐฯไม่ให้เข้ามายุ่งเกี่ยวในลาว ไม่นานหลังรับตำแหน่งเขาได้ส่งโทรเลขไปถึงวอชิงตันเสนอแนวคิดและให้เครดิตแก่ประธานคณะเสนาธิการทหารนายพลเลแมน เลมนิสเซอร์ ในการยับยั้งการแทรกซึมและส่งกำลังบำรุงผ่านเส้นทางโฮจิมินห์เทรล ซุลลิแวน เขาเสนอความคิดใหม่ในการใช้กำลังทางทหารเข้ายึดเวียดนามเหนือ