Thursday, April 30, 2009

ลำดับ๖๒๔ยุทธการภูผาที(๒๕)

บทที่๒๕ โจมตีภูผาที
ยังมีเครื่องบินที่สามารถยิงไฟส่องสว่างและเครื่องบินเติมน้ำมันกลางอากาศอีกเครื่องหนึ่งเพื่อเติมน้ำมันในกับเครื่องไอพ่นเอฟ-4 ที่บินมาจากฐานบินแห่งหนึ่งในประเทศไทย อย่างไรก็ตามเมฆหนาทึบที่ปกคลุมภูผาทีขณะนั้นทำให้เจ้าหน้าที่ชี้เป้าไม่สามารถสังเกตเห็นแสงไฟวูบวาบจากปากกระบอกปืนใหญ่ข้าศึกได้ และเมื่อเจ้าหน้าที่เทคนิคไม่ได้ประจำสถานีเรดาห์เพื่อควบคุมอุปกรณ์นำร่องแล้ว นักบินจึงไม่มีเครื่องมือนำร่องสู่เป้าหมาย และพวกเขาก็มองไม่เห็นอะไรอื่นบนพื้นดิน นอกเสียจากแสงสลัวจากอาวุธหนักที่พร่ามัวเต็มที เหมือนถูกปิดบังด้วยกระจกฝ้าเอาไว้ นักบินจึงไม่ต้องการเสี่ยงปักหัวเครื่องลงโจมตี เพราะกลัวจะไปชนเข้ากับภูเขาเสียก่อน

ในเวลาไม่นาน ศูนย์บัญชาการ๔๘๐๒ ก็ตกอยู่ใต้ความสับสนอลหม่านอย่างหนักมีเจ้าหน้าที่วิ่งเข้าออก ส่งเสียงถามคำถามกันวุ่นวาย เสียงเล็กแหลมของกริ่งโทรศัพท์กรีดร้องขึ้นเกือบทุกนาที จากกองบัญชาการซีไอเอในเวียงจันทน์

แพท แลนดรี้กระชากโทรศัพท์ออกจากผนังห้อง เขาปรึกษากับเซ็กคอร์ดอย่างรีบเร่ง จากนั้นทั้งสองเดินผ่านห้องโถงใหญ่เข้าไปในห้องทำงาน ด้วยสีหน้าเคร่งเครียดกว่าที่เคย เขาเดินเข้าไปหาเจ้าหน้าที่กองทัพอากาศทุกคน กระซิบกับพวกนั้นว่าขอเชิญให้ออกไปจากห้องเนื่องจากนี่เป็นปฏิบัติการลับของซีไอเอ เซ็กคอร์ดทำเช่นเดียวกัน กับเจ้าหน้าที่ซีไอเอ กล่าวว่าอุปกรณ์บนภูผาทีเป็นของกองทัพอากาศและตอนนี้เครื่องบินรบของกองทัพอากาศก็กำลังเข้าไปช่วยกู้สถานการณ์ที่นั่นอยู่ พวกเขาจึงไม่มีความจำเป็นที่นี่อีกต่อไป เมื่อทุกคนออกไปแล้ว จึงเหลือเพียงแลนดรี้ เซ็กคอร์ดและไคลน์ ในห้องส่วนตัวด้านในของห้องปฏิบัติการ

คนทั้งสามเคยผ่านประสบการณ์นั่นถ่างตาเฝ้าดูสถานการณ์ตึงเครียดตลอดหลายคืนมาก่อน ทว่าไม่เคยมีครั้งใดที่มีเดิมพันสูงเช่นครั้งนี้ พวกเขาอยู่ห่างจากจุดสู้รบกว่า ๒๓๐ ไมล์และทำได้เพียงหวังว่าสิ่งที่พวกเขาพยายามจะทำ โดยสั่งการไปผ่านทางวิทยุคงพอจะช่วยกอบกู้สถานการณ์ไว้ได้

เซ็กคอร์ดติดต่อไปยังกองบินที่ ๗ ในฐานบินทัน ซอน นัท ผ่านโทรศัพท์สายตรง ขอให้กองบินที่ ๗ ช่วยส่งเครื่องลำเลียงแบบซี-130 ที่นำมาดัดแปลงติดปืนกลอากาศ กลายเป็นป้อมบินกันชิพ ที่มีพิษสงร้ายกาจ เข้าทำการสนับสนุนนักบินจะนำเครื่องบินวนเหนือเป้าหมาย และสาดกระสุนขนาด ๒๐ มม.ถี่ยิบกระทั่งสารเรืองแสงที่ฉาบหัวกระสุนนำวิถีส่งประกายมองเห็นเส้นสีทองเป็นแนวยาวจากเครื่องบินลงสู้เป้าหมายเบื้องล่างถนัดตา นอกจากนี้เครื่องซี-130 ที่ถูกดัดแปลงเป็นป้อมบินดังกล่าว ยังได้ติดตั้งอุปกรณ์ตรวจจับสัญญาณคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าทำให้ลูกเรือสามารถแยกแยะแสงจากปากกระบอกปืนใหญ่ขณะที่มีเมฆปกคลุมอยู่เหนือเป้าหมาย ทางกองบินที่ ๗ บอกให้เซ็กคอร์ดรอไปก่อน และจะลองดูว่ามีเครื่องว่างหรือไม่

แลนดรี้และไคลน์ที่กำลังสั่งการวิทยุในอีกคลื่นความถี่พยายามประสานการตอบโต้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ซีไอเอในล่องแจ้ง โดยพยายามรวบรวมทหารที่มีอยู่ไม่เต็มอัตราในกองพันสำรองของวังเปาให้พร้อมออกปฏิบัติการ

No comments: