Wednesday, April 29, 2009

ลำดับ๖๑๒ยุทธการภูผาที(๑๓)

บทที่๑๓ บททดสอบแนวต้านรับ

กลุ่มคนที่ไม่เห็นดีกับคอมมานโคคลับยิ่งกว่านักบินอเมริกัน คือ ผู้บังคับบัญชาในกองทัพเวียดนามเหนือ ผู้เชี่ยวชาญของโซเวียตที่เข้ามาติดตั้งระปบป้องกันภัยทางอากาศในฮานอยเป็นคนกลุ่มแรกที่เตือนพวกเวียดนามเหนือเกี่ยวกับอุปกรณ์อันเป็นภัยคุกคามใหม่นี้ และอาจเป็นไปได้ว่าพวกเวียดนามเหนือจะมองดูสถานีเรดาห์นี้ว่าเป็นขั้นแรกของการเสริมสร้างกำลังตามแนวชายแดน การเสริมสร้างกำลังนี้อาจตามมาด้วยการใช้ทหารราบอเมริกันบุกโจมตีโดยหวังยึดครองเวียดนามเหนือ โดยผ่านมาทางลาวซึ่งเป็นประตูหลังบ้านของพวกเขา

ช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน กองทหารเวียดนามเหนือจำนวน ๓ กองพันได้เคลื่อนเข้าสู่เขตแดนลาว และเริ่มทำการกวาดล้างที่มั่นทหารม้งที่อยู่ห่างไกลตามแนวตะเข็บชายแดนใกล้กับเส้นทางถนน จนล่วงเข้าสู่เดือนธันวาคม ๒๕๑๐ เวียดนามเหนือก็ส่งกำลังเข้าทดสอบแนวต้านรับรอบนอกสุดของภูผาทีเป็นครั้งแรก กองกำลังขนาดเล็กจำนวนหนึ่งของข้าศึก เข้าจู่โจมที่มั่นแห่งหนึ่งของพวกม้งห่างไปไม่กี่ไมล์ทางตะวันตกของภูผาที ที่มั่นแห่งนั้นถูกตีแตก แต่พวกม้งสามารถรวมพลตีโต้กลับและสามารถเข้ายึดที่มั่นคืนมาได้ จากนั้นพวกข้าศึกก็เข้าโจมตีหวังเข้ายึดที่มั่นแห่งนั้นอีกครั้ง แต่ก็ต้องสลายตัวไปเมื่อเครื่องบินรบอเมริกันปรากฏตัวขึ้น

ลงมาทางใต้ที่อุดรฯ ริชาร์ด เซ็กคอร์ดจับตาดูการโจมตีโดยกองทหารเวียดนามเหนืออย่างใกล้ชิดเพราะเขามีหน้าที่เป็นผู้ประสานงาน การตั้งแนวป้องกันที่บริเวณภูผาที เซ็กคอร์ดคอยรายงานความเคลื่อนไหวไปยังแลร์และแช็คลี่ สำหรับเขาแล้วเจตนาของข้าศึกในการโจมตีครั้งนี้สามารถมองออกได้ไม่ยากนัก เพียงเขียนเครื่องหมายกากบาทลงบนแผนที่ตรงจุดที่เกิดการปะทะแต่ละครั้ง เครื่องหมายกากบาทกระจุกตัวเป็นกลุ่มอยู่ทางทิศตะวันออกของภูผาที ด้านที่ตรงเชิงเขาไม่สูงชันเกินกว่าจะนำกำลังทหารเคลื่อนขึ้นไปได้ ทั้งเซ็กคอร์ดและคนอื่นๆ ในอุดรฯ ต่างคาดการณ์ว่าข้าศึกจะเข้าโจมตีจากทางทิศนั้น

เจ้าหน้าที่ตีความภาพถ่ายทางอากาศจ้องมองภาพถ่ายภูมิประเทศบริเวณนั้นลอดผ่านแว่นขยาย พยายามมองหาเส้นทางถนนที่ฝ่ายตรงข้ามอาจสร้างขึ้นใหม่ และหาวิธีชลอการปรับปรุงเส้นทางดังกล่าวนั้น โดยขอการสนับสนุนทางอากาศจากเครื่องบินไอพ่น บางครั้งเซ็กคอร์ดพยายามวางแผนการโจมตีทางอากาศบริเวณภูผาทีไว้ล่วงหน้าแต่ทางกองทัพอากาศซึ่งเป็นหน่วยงานที่ผลักดันให้มีการติดตั้งเรดาห์ตั้งแต่ต้น จะไม่สนใจในการพยายามปกป้องมันจากข้าศึกเท่าใดนัก

No comments: