Thursday, June 7, 2007

บทความที่ ๑๔๙. ส.ศิวรักษ์ลอกคราบชนชั้นกฎุมพีของตน ตอนที่ ๕

ส.ศิวรักษ์ลอกคราบชนชั้นกฎุมพีของตน

ตอนที่ ๕


ด้วยเหตุฉะนี้ จึงไม่เป็นการแปลกประหลาดที่คนอย่างข้าพเจ้าจะเข้าข้างรัฐบาล เมื่อเกิดกบฏวังหลวงตอนที่นายปรีดี พนมยงค์และพวกกลับเข้ามาพยายามยึดอำนาจคืน โดยที่คนอย่างข้าพเจ้าย่อมไม่มีทางที่จะรู้ได้ว่ารัฐบาลพิบูลฯในเวลานั้นแต่งตั้งกันขึ้นมาอย่างเป็นโมฆะ แทบไม่แตกต่างไปจากคราวประกาศสงครามโลกครั้งที่ ๒ นั้นเลย

แม้ผ่ายนายปรีดีจะยึดวิทยุกระจายเสียได้แล้ว และประกาศให้นายดิเรก ชัยนามเป็นนายกรัฐมนตรีเสียซ้ำ โดยที่ท่านผู้นี้เคยมีบุญคุณมากับพวกเรา และข้าพเจ้าเคยรู้จักท่านเป็นส่วนตัวเสียด้วย แต่เราก็ยังเอาใจช่วยรัฐบาลเผด็จการของพิบูลสงคราม ทั้งนี้ก็เพราะรัฐบาลเองก็มีวิทยุต่อต้านการโฆษณาชวนเชื่ออยู่ต่างหาก และแพร่ขยายข่าวลือไปว่าถ้านายปรีดี พนมยงค์ยึดอำนาจรัฐได้ จะตั้งตัวเป็นประธานาธิบดี จะถ่วงพระบรมศพลงแม่น้ำเจ้าพระยาโดยไม่มีการถวายพระเพลิง และจะฆ่าเชื้อพระวงค์ลงจนถึงชั้นหม่อมหลวง

ความบัดซบของข้าพเจ้าที่เชื่อรัฐบาลนั้น กว่าจะถอนตัวได้ ก็ต่อเมื่อเห็นความเลวร้ายของรัฐบาลพิบูลสงครามยิ่งขึ้นทุกทีในตอนหลังต่างหาก โดยเฉพาะก็ตอนที่เขาประกาศเลิกรัฐธรรมนูญ ฉบับ พ.ศ.๒๔๙๒ โดยกลับไปใช้ฉบับ ๒๔๗๕ และยุบสภาลง ให้เห็นธาตุแท้แห่งความเป็นเผด็จการของเขา จนคนที่เรานับถืออย่าง ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ปฏิเสธที่จะสมัครผู้แทนราษฎรเอาเลย

การกระทำทั้งนี้ จอมพล ป.พิบูลสงครามลงมือปฏิบัติการตอนที่พระเจ้าอยู่หัวเสด็จนิวัติพระนคร ขณะที่ทรงลงเรือรบพระที่นั่งของไทยแล้วและจอดรออยู่ที่ในอ่าวไทยนี้เอง เป็นเหตุให้ข้าพเจ้าเห็นสันดานของเขาอย่างชัดแจ้ง ว่าเขาขาดความจงรักภักดีอย่างแท้จริง แสดงว่าเขาหมิ่นพระบรมเดชา นุภาพ ทำตนดังหนึ่ง ทำตนดังหนึ่งตั๋งโต๊ะหรือโจโฉเอาเลย (จอมพลถนอม กิติขจร ใช้วิธีเดียวกันเมื่อปฏิวัติตัวเองเมื่อ ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๑๕ เพราะทหารไม่มีปัญญาคิดอะไรได้ใหม่ ไปกว่าวิธีการอันเราเห็นอยู่เดี๋ยวนี้)

และการโกงกินของคณะรัฐประหารก็ชัดเจนยิ่งขึ้น อย่างที่ถ้าเอารัฐบาลธำรงนาวาสวัสดิ์มาเทียบเข้าแล้ว จะไม่ได้เศษส่วนในร้อยเอาเลย แม้รัฐบาลธำรงฯ หรือที่สุดจนรัฐบาลปรีดีฯ จะมีการรุกรานเสรีภาพส่วนบุคคลอยู่บ้าง แต่เทียบกับรัฐบาลพิบูลฯสมัยนี้แล้ว เขาเลวร้ายกว่ายิ่งนัก ไม่แต่เท่านั้น หากผินและพิบูลฯเองล้วนเป็นบุคคลที่คนอย่างข้าพเจ้าทนเขาไม่ได้เอาเลย ขนาดหลวงกาจสงครามที่ร่วมงานมากับเขายังถูกหักหลังกันอย่างเลือดเย็น โดยที่ตัวของเผ่าก็หักหลังพิบูลฯและสฤษดิ์ และสฤษดิ์ก็หักหลังเผ่าและพิบูล ทั้งหมดนี้แสดงว่าพวกนี้ขาดจริยธรรมในทุกข้อทุกกระทง เป็นที่ตั้งแห่งความนับถือไม่ได้เอาเลย หากควรแช่งด่ากันลงไปทุกขั้นตอน

จะอย่างไรก็ตาม จำจะต้องยอมรับว่าคนอย่างข้าพเจ้าเห็นชัดแล้วว่าคณะรัฐประหารทำลายประชาธิปไตย แต่ตัวเองก็หาได้นิยมชมชอบประชาธิปไตยไม่ ลึก ๆ ยังนึกว่า ถ้าถวายพระราชอำนาจคืนองค์พระมหากษัตริย์ ให้เป็นราชาธิปไตยกันอีก คือทางออกของบ้านเมือง

ที่จริงจอมพล ป.เองก็เคยถึงกับพลั้งปากหลุดออกไปในทำนองนั้น ยิ่งสยามรัฐ และ หนังสือพิมพ์ปฏิกิริยาต่าง ๆ ล้วนมีอิทธิพลแก่คนอย่างข้าพเจ้ากันมิใช่น้อย พวกนี้ใช้วิธีการทุกอย่างทุกประการ ที่จะทำลายนายปรีดีและคณะ แล้วจะให้ข้าพเจ้านิยมชมชอบท่านผู้นั้นและประชาธิปไตยของท่านกระไรได้

เมื่อข้าพเจ้าออกไปเรียนหนังสืออยู่เมืองอังกฤษ ถึงจะได้เรียนกฎหมายรัฐธรรมนูญแต่ปีแรกแต่บรรยากาศในโรงเรียน ในมหาวิทยาลัย และในเนติบัณฑิตยสภาล้วนเป็นไปในรูปแบบของศักดินา ของราชาธิปไตย ยิ่งกว่าที่จะสนับสนุนประชาธิปไตยแทบทั้งสิ้น

ทั้งยังไปได้จิตสำนึกที่ผิด ๆ มาด้วยว่า จำเพาะคนอังกฤษหรือเชื้อสายแองโกลแซกซันเท่านั้นจึงจะบริหารราชการแผ่นดินได้ตามแบบประชาธิปไตย แม้กระนั้นอาจารย์ที่ปรึกษาของข้าพเจ้าที่มหาวิทยาลัยอังกฤษยังบอกไว้ด้วยว่า ที่อังกฤษยิ่งใหญ่ได เพราะพวกอภิชนปกครองต่างหาก เมื่ออังกฤษเป็นประชาธิปไตยยิ่งขึ้นเพียงใด อาณานิคมก็ทรุดเซลงเพียงนั้น ทั้งนี้เพราะอภิสิทธิ์ชน (aristocrats) เท่านั้นที่รู้จักให้ความยุติธรรม เพราะมีศักดิ์ศรีของชนชั้นสูง โดยได้รับการศึกษามาในเรื่องความชอบธรรมหรือความไม่ถลากไถล ที่จะเรียกร้องต้องการเสมอภาพ ภราดรภาพและเสรีภาพนั้น เป็นความบ้าคลั่งของพวกฝรั่งเศส ซึ่งปกครองบ้านปกครองเมืองของตนเองไม่ได้ ได้แต่ไปปกครองอาณานิคมที่โพ้นทะเลด้วยการเอาอย่างอังกฤษ โดยที่เวลานั้นอังกฤษมีรัฐบาลอนุรักษ์นิยมปกครองอยู่ตลอด แต่เชอร์ชิล อีเดน จนแมกมิแลน โดยที่เรารับคำสั่งสอนมาแต่เล็กให้นับถือเซอร์ชิล และอีเดนมาแล้วด้วย ในขณะที่รัฐบาลฝรั่งเศสเวลานั้นล้มแล้วล้มอีก แล้วจะให้คนอย่างข้าพเจ้าเลื่อมใสประชาธิปไตยกระไรได้.

ใช่แต่เท่านั้น ข้าพเจ้ายังชอบใจอ่านงานเขียนของเอดมัน เบิร์ก ที่ต่อต้านการอภิวัฒน์ฝรั่งเศสอยู่ด้วย โดยได้เชื้อเดิมมาจากบาทหลวงที่โรงเรียนอัสสัมชัญ อันเรียกวอลแตร์ รุสโซ โรสปิแอร์และคณะปรัชญาเมธีประชาธิปไตยในสมัยศตวรรษที่ ๑๘ ว่าพวกบ้าคลั่งนอกศาสนาแล้วด้วย โดยที่เห็นกันว่ามาร์กซ์และเลนินเป็นผีห่าซาตานไปเลย โดยที่รัฐบาลพิบูลสงครามก็ปลุกผีคอมมิวนิสต์พร้อม ๆ กับโจมตีประชาธิปไตยที่มีราษฎรเป็นใหญ่ไปด้วยในตัว

ไม่แต่นักเรียนอังกฤษรุ่นข้าพเจ้าเท่านั้นที่มีทัศนคติโดยนัยลบเกี่ยวกับประชาธิปไตย แม้แต่เนติบัณฑิตรุ่นแรก ๆ ที่เคยถึงกับเป็นประธานรัฐสภาและผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ยังเคยปรารภว่าการปกครองสมัยราชาธิปไตยนั้น เจ้านายท่านปกครองด้วยความร่วมมือของขุนนางข้าราชการที่เป็นผู้ดี ส่วนระบบที่เรียกว่าประชาธิปไตยนั้น คือการปล่อยให้ไพร่มาครองบ้านครองเมือง มันจะยุ่งเหยิงเลอะเทอะปราศจากความสุภาพราบเรียบ

เมื่อข้าพเจ้ากลับมาจากอังกฤษแล้ว ผู้คนที่ข้าพเจ้าคบหาสมาคมก็ล้วนเป็นเจ้านายและขุนนางเก่า ๆ แก่ ๆ หาไม่ก็พวกที่เป็นอนุรักษ์นิยมแทบทั้งสิ้น ซึ่งรวมถึงนักเรียนอังกฤษโดยทั่ว ๆ ไปด้วย ข้าพเจ้าไม่เคยคบหาสมาคมกับคนที่มีหัวก้าวหน้า ที่รักประชาธิปไตย ข้าพเจ้าไม่เข้าใจว่าทำไมผู้คนจึงไปติดคุกติดตะรางกัน ต่อภายหลังดอกข้าพเจ้าจึงเกิดญาณทัศนะขึ้น เพราะเห็นความฉ้อฉลของชนชั้นปกครองมากขึ้น และเห็นว่าเจ้าก็ดีไพร่ก็ดีล้วนเป็นคนเหมือนกัน ทั้งยังรู้จักพระรู้จักพระยามากขึ้น จึงเห็นว่าท่านเหล่านี้หลายคนเป็นคนดี หลายคนเป็นคนเลว โดยที่ส่วนมากมักดูถูกราษฎรด้วยกันทั้งนั้น


ข้าพเจ้าเข้าใจว่าประเด็นหลักอยู่ตรงนี้ ซึ่งแม้จนบัดนี้แล้ว ชนชั้นนำของเราก็ยังตกลงกันไม่ได้ ฝ่ายหนึ่ง ซึ่งอ้างว่านิยมราชาธิปไตย(แต่ไม่กล้าใช้คำนี้) หากอ้างว่านิยมยกย่องสถาบันชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ต้องการให้ชนชั้นปกครองหรืออภิสิทธิ์ชนปกครองบ้านปกครองเมือง โดยพยายามหาคนที่สามารถ บริสุทธิ์ยุติธรรมมาดำเนินงานด้านรัฐ แม้จะบกพร่องบ้างทางด้านความบริสุทธิ์ แต่ก็ใช้อำนาจเพื่อความมั่นคงของชาติหรือเพื่อรักษาสถานะเดิมของระบบอภิชนไว้ได้ ย่อมถือได้ว่าบุคคลนั้น ๆ ควรเป็นประมุขในการดำเนินนโยบายบริหารราชการแผ่นดิน

ข้าพเจ้าเองอยู่ฝ่ายนี้โดยไม่รู้ตัวมาเป็นเวลานาน ถ้าข้าพเจ้าไม่อยู่ฝ่ายนี้ คนอย่างข้าพเจ้าคงไม่นิยมชมชอบกับการที่นายสัญญาธรรมศักดิ์ มาเป็นนายกรัฐมนตรี ต่อเขาแสดงฝีมือว่าไร้สมรรถภาพแล้วต่างหาก ข้าพเจ้าจึงเห็นว่า ความผิดพลาดไม่ได้อยู่ที่ตัวเขาเท่านั้น หากอยู่ที่การคัดเลือกสรรเอาคนอย่างนี้มาปกครองบ้านปกครองเมืองต่างหาก เพราะนั่นคือ รากฐานแห่งการดูถูกราษฎร โดยถือว่าชนชั้นปกครองเท่านั้นที่รู้จักเลือกสรรผู้ดำเนินงานด้านรัฐประศาสน์

No comments: