Thursday, June 21, 2007

บทความที่ ๑๖๕. เข้าใจให้ถูก คมช. คือคณะกบฏที่รอการตัดสินโทษประหาร !

เข้าใจให้ถูก คมช. คือคณะกบฏที่รอการตัดสินโทษประหาร !

บทความต่อไปนี้ได้เรียบเรียงสรุป สาระสำคัญที่อาจารย์มานิตย์ จิตต์จันทร์กลับ ได้ให้สัมภาษณ์หนังสือ “ประชาทรรศน์” ปีที่ ๑ ฉบับที่ ๒๐

๑. คำพิพากษาที่จะใช้บังคับประชาชนได้ต้องมีคำว่า “ในพระบรมปรมาภิไธยพระมหากษัตริย์” ใต้ตราครุฑ แต่หนังสือคำวินิจฉัยของ ตุลาการรัฐธรรมนูญ ที่ตั้งโดย คมช. ไม่มีคำสำคัญนี้ ดังนั้นรัฐธรรมนูญจึงเป็นของปลอมและกฎหมายที่ออกมาก็เป็นของปลอม เทียบได้กับธนบัตรปลอมที่ไม่มีผลทางกฎหมาย นำไปใช้ไม่ได้

๒. คณะปฏิรูปการปกครองฯ ได้กระทำการอันเข้าข่าย “กบฏ” คือกระทำการประทุษร้ายต่ออาณาจักร, ใช้กำลังล้มล้างหรือเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ หรือ ล้มล้างอำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหาร หรืออำนาจตุลาการ

๓.องค์กรต่าง ๆ ที่ตั้งขึ้นมา เช่น คตส.หรือกฎหมายที่ออกมา ประชาชนต้องช่วยกันวงเล็บไว้ว่าออกโดยคณะกบฏที่มีความผิดรอโทษประหาร อยู่

๔. คำวินิจฉัยที่ออกมาได้สร้างความเสียหายย่อยยับแก่สถาบันตุลาการ แต่คำวินิจฉัย คำตัดสิน คำชี้ขาดของคณะตุลาการรัฐธรรมนูญ เป็นของปลอม ไม่มีผลบังคับกับปวงชนชาวไทยได้ หากมันจะฟ้องร้องผู้ที่ขัดขืนคำสั่งฯ ท่านอาจารย์มานิตย์จะช่วยว่าความให้ ดังนั้นขอให้ช่วยกันกระจายเผยแพร่ความจริงเหล่านี้ออกไปให้มากขึ้น

๕. อำนาจปกครองประเทศเป็นของปวงชนชาวไทย ดังนั้นมวลประชาชนจงออกมารวมกันที่สนามหลวงมาร่วมกันใช้อำนาจตุลาการกันเองเลย นี่คือการตั้งศาลประชาชนซึ่งจะได้ตัดสินคดี คตส.,ป.ป.ช.และหากคณะกบฏยังไม่ออกไป ศาลประชาชนก็จะพิพากษาเลย

๖.คำพิพากษาศาลฎีกาก็ไม่ใหญ่ไปกว่าศาลประชาชน เพราะศาลฎีกาตั้งโดยตัวแทนประชาชน ๓-๔ คนตั้งให้ไปทำหน้าที่แทนเรา แต่ถ้ามันเลว ประชาชนก็เลิกจ้างและไล่ออกได้
นี่คือความยิ่งใหญ่ของปวงชนชาวไทย ถ้าปวงชนชาวไทยรวมตัวกันมาก ๆ เมื่อไร ก็ขับไล่ได้หมด !

๗. ประชาชนอย่าตกหลุมพลางคณะกบฏ เรียกการรวมตัวของเราว่าเป็น “ม๊อบ” เพราะ
“ม๊อบ” หมายถึงฝูงชนที่บ้าคลั่ง แต่เราเป็นประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจ เป็นเจ้าของประเทศ

๘.คำสารภาพของ คมช.ว่าคณะตนเองเป็น กบฏ คือประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขฉบับที่ ๑ ว่าเขาได้ยึดอำนาจการปกครองและได้ล้มล้างรัฐบาลหมดแล้ว คำสารภาพนี้มาเทียบในกฎหมายอาญาจะเทียบเคียงได้กับมาตราที่ ๑๑๓

๙.ประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจในการพิพากษาคดี คืออำนาจตุลาการเป็นของปวงชนชาวไทย อธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย อำนาจตุลาการเป็นหนึ่งในอำนาจอธิปไตย ปวงชนชาวไทยจึงเป็นเจ้าของอำนาจตุลาการ, อำนาจนิติบัญญัติ และอำนาจบริหาร นี่คือความยิ่งใหญ่ของปวงชนชาวไทย

๑๐.หากจะมีกลุ่มมาต่อต้านแนวความคิดกลุ่มผู้ชุมนุมที่สนามหลวง เราไม่ต้องทำอะไรเขาเพราะเราจะยึดถือระบอบที่ถือมติปวงชนเป็นใหญ่ เวลานี้เรามาชุมนุมกันเต็มสนามหลวง แล้วพวกกลุ่มต่อต้าน พวกนายสนธิ ลิ้มทองกุลมีกี่คน ? จะมาต่อต้านกลุ่มสนามหลวงใช่ไหม อ้าว ให้ตั้งขึ้นสิ แล้วมานับจำนวนกันดู นี่คือกระบวนคิดของพวกเรา มานับจำนวนกันสิใครมากกว่ากันฝ่ายนั้นชนะ นี่คือระบอบประชาธิปไตย เราไม่ต้องไปจัดการอะไรเขา นี่เราใช้ปัญญาเป็นอาวุธ

๑๑.คำวินิจฉัยของตุลาการรัฐธรรมนูญทั้ง ๙ คนนี่มาจากคำๆเดียวเลย “ประเพณี” คำว่าประเพณีคำเดียวมาวางแล้วมันไปเขียนคำวินิจฉัยตามกฎหมายปลอม ตามรัฐธรรมนูญปลอมหมดเลย นี่มันเป็นประเพณีไปแล้วใช่ไหม? เหมือนกับว่านำแบงค์ปลอมไปใช้แล้วมันบอกว่าใช้ได้ เพราะทำกันมา ๑๐ กว่าครั้งแล้ว เพราะฉะนั้นประเพณีแบบนี้จบเลยนะ.

๑๒.เวลานี้ไม่ต้องกลัวที่จะบอกว่ารัฐธรรมนูญนี้เป็นของปลอม เพราะต้องมาพิสูจน์กันว่าปลอมหรือเปล่า ถ้าไม่ปลอมต้องมาจากปวงชน เพราะรัชกาลที่ ๗ พระราชทานให้กับปวงชน เพราะฉะนั้นอำนาจที่จะทำอะไร ต้องเป็นของปวงชน ไม่ใช่ของพวกโจรกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งแล้วก็มาเขียนหนังสือหลอก มาออกวิทยุ ทีวี แต่พวกเราดันไปยอมรับว่ามันฉีกรัฐธรรมนูญ ๔๐ ไปยอมรับ ทรท ถูกยุบแล้ว ซึ่งที่จริงล้วนเป็นขบวนการของปลอมที่โจรทำขึ้นทั้งนั้นทุกเรื่องล้วนเป็นของปลอม

๑๓.เรามัวกลัวโจรอยู่ไม่ได้ ถ้าเรามารวมกันมากๆ มันจะทำอะไรเราได้ หากมีการกั้นรถ เราก็จอดรถเดินไป หรือลงจากรถเมล์แล้วเดินไป แล้วให้ถามตำรวจด้วยว่า มากั้นเราทำไม? เราจะไปไล่โจร หรือคุณจะเข้ากับโจร

๑๔. เรื่องทหารมีอาวุธปืนอาจจะใช้ความรุนแรงปราบปราม-มีปืนแล้วจะยิงได้สักกี่คนล่ะ, เรื่องแม่ทัพภาคที่ ๑ ออกมากล่าว..ก็ถามเขาว่าเขาจะปฏิบัติหน้าที่ให้ใคร ให้ปวงชนชาวไทยหรือจะปฏิบัติให้พวกกบฏ

๑๕. เรื่องผู้พิพากษาซึ่งเป็นผู้รับจ้างตัดสินคดีความตามสัญญาจ้างจากปวงชนคือรัฐธรรมนูญ ๒๕๔๐ และอนุสัญญาคือ “พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการตุลาการ” หากไปยอมตัดสินคดีตามรัฐธรรมนูญปลอมและกฎหมายปลอมคุณก็หมดเกียรติและจะถูกอำนาจของศาลประชาชนพิพากษา

๑๖.เรื่องคำวินิจฉัยย้อนหลัง ในประกาศ คปค.ฉบับที่ ๑๕-๒๗ นั้น กรณีของ ๑๑๑ คน เดิมทีไม่มีกำหนดว่าจะถูกตัดสิทธิทางการเมือง ๕ ปี แต่มาเขียนไว้ในประกาศปลอม กฎหมายปลอม มันเจ็บแสบตรงนี้ คนระดับผู้พิพากษาชี้ขาดคดี จำคุกคนได้ ประหารชีวิตคนได้ ทำให้คนจนเป็นรวย รวยเป็นจนได้ พื้นฐานของกระบวนความคิดของคนเหล่านี้ เราจะไว้ใจให้ตัดสินคดีประชาชนหรือ ? จะไว้ใจจ้างให้ทำหน้าที่ต่อไปอีกหรือ ถ้าฟังได้ว่าบุคคลเหล่านี้ไปร่วมกับกบฏก็ต้องถูกประหารด้วยนะ ถ้าเราไม่จัดการกับคนพวกนี้ให้เด็ดขาดเหล่าผู้พิพากษา ข้าราชการ หรือลูกจ้างอีก ๓-๔ พันคน บางคนอาจจ้องจะหาประโยชน์ก็จะบอกว่า เฮ้ย..กฎหมายปลอมก็ตัดสินได้โว้ย เพราะระดับประธานศาลฎีกา ประธานศาลปกครองสูงสุด รองประธานฯ ได้ตัดสินเป็นตัวอย่างแล้ว แล้วบ้านเมืองมันจะเกิดอะไรขึ้น ชาวต่างชาติส่งเอกอัครราชทูตมาติดตามเรื่องนี้

๑๗. นายมีชัย ฤชุพันธุ์เป็นคนเขียนประกาศต่างๆให้กับกบฏ เขารับว่าเขาเขียนประกาศคณะปฏิรูปฯ คำสารภาพของนายมีชัยออกทางสื่อมวลชน แสดงว่าเขารู้อะไรผิดอะไรถูกหรือไม่ หรือรู้แล้วยังทำ คุณเป็นอาจารย์สอนกฎหมาย เป็นนายกสภามหาวิทยาลัยวลัยลงกรณ์ได้รับชื่นชมว่าเป็นกฎหมายมือ ๑ คุณไม่รู้หรือว่าการกระทำนี้เป็นกบฏเป็นโจรปล้นอำนาจประชาชน นายมีชัย ฤชุพันธ์จึงมีความผิดตามมาตรา ๑๑๓ เป็นตัวการร่วมการกระทำความผิด

No comments: