ชำแหละ ดร.ชัยอนันต์ สมุทวณิช
โดย สุพจน์ ด่านตระกูล
โดย สุพจน์ ด่านตระกูล
ตอนที่ ๔ (จบ)
จากข้อเขียนของ ดร.ชัยอนันต์ ฯ ในหน้า ๑๓ ได้บอกไว้อย่างแจ่มชัดว่า ที่เขาเขียนโจมตีคณะราษฎรกับท่านปรีดีฯ และยกย่องเชิดชู “กบฏบวรเดช” นั้น เพราะเป็นเรื่องที่ฝังอยู่ในจิตใต้สำนึกของเขามานานแล้ว ดร.ชัยอนันต์ฯ เขียนว่าข้อเขียนของเขาไม่มีเหตุจูงใจอย่างอื่น “นอกจากจะลองพยายามพลิกความเชื่อเก่า ๆ เกี่ยวกับคณะราษฎรเสียที ซึ่งข้าพเจ้าคิดว่าเป็นความรู้สึกภายในจิตใต้สำนึกของข้าพเจ้าที่มีมาเป็นเวลาช้านานแล้ว”
แน่นอน, ผมเชื่อตามที่ ดร.ชัยอนันต์ ฯ ว่า และความรู้สึกในจิตใต้สำนึกของ ดร.ชัยอนันต์ ฯในการเป็นปฏิปักษ์ต่อคณะราษฎรและท่านปรีดี ฯ ที่มีมาเป็นเวลาช้านานนั้น ก็คงจะเริ่มตั้งแต่อายุ ๑๒ ปี เมื่อเขาได้รับคำบอกเล่าเรื่อง “กบฏบวรเดช” จาก มจ.วิเศษศักดิ์ ชยางกูร ดังที่เขาเขียนไว้ในคำนำในหนังสือ “โต้ท่านปรีดี” และต่อมาภายหลังเมื่อเขาเติบโตและได้มีความสัมพันธ์กับพวกฝ่ายกบฏบวรเดชมากยิ่งขึ้น ความรู้สึกภายในจิตใต้สำนึกของเขาจึงได้สำแดงออกมาด้วยการพูดและการเขียนดังที่ผมกำลังชำแหละอยู่นี้
ดร.ชัยอนันต์ฯ เขียนไว้ในหน้า ๒๑ ว่า
“จนบัดนี้ ข้าพเจ้ายังคงสมัครใจที่จะเรียก “กบฏบวรเดช” ว่า “คณะกู้บ้านกู้เมือง” ข้าพเจ้ายังคงเชื่อว่าคณะราษฎร ได้บิดเบือนข้อเท็จจริงอันสำคัญเกี่ยวกับเหตุการณ์ในครั้งนั้นหลายประการ..”
ก็เป็นที่แน่ชัดว่าที่ ดร.ชัยอนันต์ ฯ เขียนหนังสือ “๑๔ ตุลาคม:คณะราษฎร กับ กบฏบวรเดช” ออกมาก็เพื่อจะชี้ให้คนทั้งหลายเห็นว่าการกระทำทั้งหลาย ทั้งปวงของคณะกบฏบวรเดชนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้องดีงาม ส่วนการกระทำของคณะราษฎรในการกำราบปราบปรามพวกกบฏเพื่อความสันติสุขของแผ่นดินนั้น ในทัศนะของ ดร.ชัยอนันต์ ฯ เห็นว่าเป็นการกระทำที่ไม่ชอบ ด้วยเหตุดังนี้ ดร.ชัยอนันต์ ฯ จึงพยายามยกย่องเชิดชูกบฏบวรเดช และเหยียบย่ำทำลายคณะราษฎร.
การจะยกย่องเชิดชูกบฏบวรเดช และเหยียบย่ำทำลายคณะราษฎรย่อมเป็นสิทธิของ ดร.ชัยอนันต์ ฯ เช่นเดียวกับวัวกินหญ้าหมากินขี้ก็เป็นสิทธิของวัวและของหมา แต่ ดร.ชัยอนันต์ ฯ ไม่มีสิทธิและไม่มีสิทธิที่จะบิดเบือนประวัติศาสตร์ในกรณีนี้ให้เป็นไปตามความพอใจแห่งตนได้
ในหน้า ๒๔ ดร.ชัยอนันต์ฯ กล่าวหาผมว่า เขียน “ชีวิตและผลงานของ ดร.ปรีดี พนมยงค์” บิดเบือนประวัติศาสตร์โดยอคติส่วนตัว ดร.ชัยอนันต์ ฯ ได้เขียนและหยิบยกเอาข้อความที่ผมเขียนไว้ในหนังสือ “ชีวิตและผลงานของ ดร.ปรีดี พนมยงค์” ซึ่ง ดร.ชัยอนันต์ ฯ หาว่าเป็นการเขียนบิดเบือนว่าดังนี้
“นายสุพจน์ ด่านตระกูล ผู้ประกาศตนเป็นฝ่ายอภิวัฒน์หัวก้าวหน้า ได้ประนามเหตุการณ์ในเดือนตุลาคม พ.ศ.๒๔๗๖ ว่าเป็นการกระทำของฝ่ายปฏิกิริยา โดยอ้างว่า
“ข้อโฆษณาหลอกลวงทหารหัวเมืองในครั้งนั้น ก็คือกล่าวหาว่ารัฐบาลเป็นคอมมิวนิสต์ มีท่านปรีดี ฯ เป็นผู้บงการ แต่ในที่สุดฝ่ายปฏิกิริยา ภายใต้การนำของพลโทพระองค์เจ้าบวรเดช ก็ประสบกับความพ่ายแพ้อย่างยับเยิน..
การล้มล้างรัฐบาลโดยใช้กำลังทหารเข้าประหัตประหารกัน หรือกบฏ ๑๑ ตุลาคม ๒๔๗๖ ภายใต้การนำของพลโทพระองค์เจ้าบวรเดช ครั้งนี้ นับว่าเป็นการใช้กำลังและการนองเลือดระหว่างคนไทยต่อคนไทย เป็นครั้งแรกในระบอบประชาธิปไตย และก็เป็นการเพิ่มจุดด่างให้กับระบอบประชาธิปไตยอีกจุดหนึ่ง หลังจากที่พระยามโน ฯ ได้ทำให้เปรอะเปื้อนมาแล้ว”
ขอให้ผู้มีใจเป็นธรรมทั้งหลายช่วยพิจารณาดูทีว่า ข้อความที่ผมเขียนไว้ในหนังสือ “ชีวิตและผลงานของ ดร.ปรีดี พนมยงค์” ที่ ดร.ชัยอนันต์ ฯ ยกมาอ้างข้างบนนี้ว่าเป็นการบิดเบือนประวัติศาสตร์นั้น เป็นความจริงดังที่ ดร.ชัยอนันต์ ฯ กล่าวหาหรือไม่
จากข้อเขียนของ ดร.ชัยอนันต์ ฯ ในหน้า ๑๓ ได้บอกไว้อย่างแจ่มชัดว่า ที่เขาเขียนโจมตีคณะราษฎรกับท่านปรีดีฯ และยกย่องเชิดชู “กบฏบวรเดช” นั้น เพราะเป็นเรื่องที่ฝังอยู่ในจิตใต้สำนึกของเขามานานแล้ว ดร.ชัยอนันต์ฯ เขียนว่าข้อเขียนของเขาไม่มีเหตุจูงใจอย่างอื่น “นอกจากจะลองพยายามพลิกความเชื่อเก่า ๆ เกี่ยวกับคณะราษฎรเสียที ซึ่งข้าพเจ้าคิดว่าเป็นความรู้สึกภายในจิตใต้สำนึกของข้าพเจ้าที่มีมาเป็นเวลาช้านานแล้ว”
แน่นอน, ผมเชื่อตามที่ ดร.ชัยอนันต์ ฯ ว่า และความรู้สึกในจิตใต้สำนึกของ ดร.ชัยอนันต์ ฯในการเป็นปฏิปักษ์ต่อคณะราษฎรและท่านปรีดี ฯ ที่มีมาเป็นเวลาช้านานนั้น ก็คงจะเริ่มตั้งแต่อายุ ๑๒ ปี เมื่อเขาได้รับคำบอกเล่าเรื่อง “กบฏบวรเดช” จาก มจ.วิเศษศักดิ์ ชยางกูร ดังที่เขาเขียนไว้ในคำนำในหนังสือ “โต้ท่านปรีดี” และต่อมาภายหลังเมื่อเขาเติบโตและได้มีความสัมพันธ์กับพวกฝ่ายกบฏบวรเดชมากยิ่งขึ้น ความรู้สึกภายในจิตใต้สำนึกของเขาจึงได้สำแดงออกมาด้วยการพูดและการเขียนดังที่ผมกำลังชำแหละอยู่นี้
ดร.ชัยอนันต์ฯ เขียนไว้ในหน้า ๒๑ ว่า
“จนบัดนี้ ข้าพเจ้ายังคงสมัครใจที่จะเรียก “กบฏบวรเดช” ว่า “คณะกู้บ้านกู้เมือง” ข้าพเจ้ายังคงเชื่อว่าคณะราษฎร ได้บิดเบือนข้อเท็จจริงอันสำคัญเกี่ยวกับเหตุการณ์ในครั้งนั้นหลายประการ..”
ก็เป็นที่แน่ชัดว่าที่ ดร.ชัยอนันต์ ฯ เขียนหนังสือ “๑๔ ตุลาคม:คณะราษฎร กับ กบฏบวรเดช” ออกมาก็เพื่อจะชี้ให้คนทั้งหลายเห็นว่าการกระทำทั้งหลาย ทั้งปวงของคณะกบฏบวรเดชนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้องดีงาม ส่วนการกระทำของคณะราษฎรในการกำราบปราบปรามพวกกบฏเพื่อความสันติสุขของแผ่นดินนั้น ในทัศนะของ ดร.ชัยอนันต์ ฯ เห็นว่าเป็นการกระทำที่ไม่ชอบ ด้วยเหตุดังนี้ ดร.ชัยอนันต์ ฯ จึงพยายามยกย่องเชิดชูกบฏบวรเดช และเหยียบย่ำทำลายคณะราษฎร.
การจะยกย่องเชิดชูกบฏบวรเดช และเหยียบย่ำทำลายคณะราษฎรย่อมเป็นสิทธิของ ดร.ชัยอนันต์ ฯ เช่นเดียวกับวัวกินหญ้าหมากินขี้ก็เป็นสิทธิของวัวและของหมา แต่ ดร.ชัยอนันต์ ฯ ไม่มีสิทธิและไม่มีสิทธิที่จะบิดเบือนประวัติศาสตร์ในกรณีนี้ให้เป็นไปตามความพอใจแห่งตนได้
ในหน้า ๒๔ ดร.ชัยอนันต์ฯ กล่าวหาผมว่า เขียน “ชีวิตและผลงานของ ดร.ปรีดี พนมยงค์” บิดเบือนประวัติศาสตร์โดยอคติส่วนตัว ดร.ชัยอนันต์ ฯ ได้เขียนและหยิบยกเอาข้อความที่ผมเขียนไว้ในหนังสือ “ชีวิตและผลงานของ ดร.ปรีดี พนมยงค์” ซึ่ง ดร.ชัยอนันต์ ฯ หาว่าเป็นการเขียนบิดเบือนว่าดังนี้
“นายสุพจน์ ด่านตระกูล ผู้ประกาศตนเป็นฝ่ายอภิวัฒน์หัวก้าวหน้า ได้ประนามเหตุการณ์ในเดือนตุลาคม พ.ศ.๒๔๗๖ ว่าเป็นการกระทำของฝ่ายปฏิกิริยา โดยอ้างว่า
“ข้อโฆษณาหลอกลวงทหารหัวเมืองในครั้งนั้น ก็คือกล่าวหาว่ารัฐบาลเป็นคอมมิวนิสต์ มีท่านปรีดี ฯ เป็นผู้บงการ แต่ในที่สุดฝ่ายปฏิกิริยา ภายใต้การนำของพลโทพระองค์เจ้าบวรเดช ก็ประสบกับความพ่ายแพ้อย่างยับเยิน..
การล้มล้างรัฐบาลโดยใช้กำลังทหารเข้าประหัตประหารกัน หรือกบฏ ๑๑ ตุลาคม ๒๔๗๖ ภายใต้การนำของพลโทพระองค์เจ้าบวรเดช ครั้งนี้ นับว่าเป็นการใช้กำลังและการนองเลือดระหว่างคนไทยต่อคนไทย เป็นครั้งแรกในระบอบประชาธิปไตย และก็เป็นการเพิ่มจุดด่างให้กับระบอบประชาธิปไตยอีกจุดหนึ่ง หลังจากที่พระยามโน ฯ ได้ทำให้เปรอะเปื้อนมาแล้ว”
ขอให้ผู้มีใจเป็นธรรมทั้งหลายช่วยพิจารณาดูทีว่า ข้อความที่ผมเขียนไว้ในหนังสือ “ชีวิตและผลงานของ ดร.ปรีดี พนมยงค์” ที่ ดร.ชัยอนันต์ ฯ ยกมาอ้างข้างบนนี้ว่าเป็นการบิดเบือนประวัติศาสตร์นั้น เป็นความจริงดังที่ ดร.ชัยอนันต์ ฯ กล่าวหาหรือไม่
No comments:
Post a Comment