บทที่ ๙. ฟ้าดินเป็นใจ
สหายสิงกะโปเล่าถึงเหตุการณ์ก่อนวันแหกคุกไว้ว่า
“ท้าวหวาได้จัดสารวัตรทหารทั้ง ๑๐ คนที่จะร่วมแหกคุกไปกับพวกเรา ให้เข้าเวรยามในผลัดระหว่าง ๒๔.๐๐น.ถึง ๐๖.๐๐ น. ส่วนคณะของพวกเราแบ่งเป็น ๓ ชุด
ชุดที่ ๑ มีเจ้าสุภานุวงศ์,ท่านภูมี วงศ์วิจิตร,ท่านสีชนะ สีสาน,ท่านหนูฮัก ภูมิสวัน,ท่านสีทน กมมะดำ
ชุดที่ ๒ ท่านมา ไชยคำพิทูน,ท่านคำผาย บุบผา,ท่านมหา สมบูรณ์,ท่านเพ้า พิมมะจันทร์,ท่านบัวศรี เฉิลมศุภ,ท่านพูน สีประเสริฐ,ท่านคำเพ็ชร
ชุดที่ ๓ เป็นชุดกล้าตายและสู้ตายที่จะต้องออกหลังสุด มีเรา(สหายสิงกะโป),ท่านภูเขา,ท่านมานะ, ท่านสมเพ็ชรและกลุ่มทหารสารวัตรคือ ท้าวคำแวว,ท้าวอุดร,ท่านอ่อนสา(น้องชายท้าวหวา),ท้าวสำลี,ท้าวทองเสย,ท้าวบุญมี,ท้าวกองคำ,ท้าวบุญแปง,ท้าวบุญทอนและท้าวบัวพัน
มีคนเข้ามาเพิ่มเติมคือท้าวเชียงสม ซึ่งหน่วยพรรคที่เวียงจันทน์โดยท่านสาลี วงศ์คำซาวส่งเข้ามาเป็นผู้นำทางในเส้นทางหลบหนี
ย่ำค่ำท้าวกองคำ ได้ไปกราบลาท่านพระอาจารย์คูนที่วัดพระธาตุหลวง ท่านอาจารย์ได้กล่าวเห็นดีที่ท้าวคำกองได้เปลี่ยนทัศนะมาร่วมกับแนวลาวรักชาติ ท่านอาจารย์คูนยังได้ส่งพระมหาอีก ๔ รูปที่จำพรรษาอยู่ที่วัดพระธาตุหลวงให้ลาสิกขาออกมาช่วยให้เจ้าสุภานุวงศ์และคณะได้แหกคุกหลบหนีไปอย่างปลอดภัยในคืนวันนี้ด้วย มหาทั้ง ๔ ท่านคือ มหาอำคา มหาอุดร มหาบัวลีและมหาสุภีร์
“รบเพื่อธรรม เพื่อความถูกต้อง เสร็จศึกแล้วค่อยมาบวชใหม่ก็ยังได้” ท่านอาจารย์คูนกล่าวกับศิษย์ของท่าน
แล้วเวลาแห่งการหลบหนีก็มาถึง ท้าวแวว สารวัตรทหารคนหนึ่งที่จะร่วมหลบหนีไปกับคณะ ซึ่งเป็นหัวหน้ารักษาคลังอาวุธ ได้ไขประตูคลังเอาปืนมาแจกจ่ายให้พวกเรา มีปืนคาร์บิน ๑๐ กระบอก ปืนสั้น ๓ กระบอก แจกจ่ายให้แต่ละชุดเหมือนๆกัน ส่วนทางท้าวอุดร กับท้าวทองเสยได้แจกจ่ายเกือกที่ซื้อไว้ ๑๖ คู่
การตระเตรียมเป็นไปอย่างเร่งรีบและเคร่งเครียด พวกเราเฝ้ารอคอยเวลาอยู่ในห้องของแต่ละคนภายใต้ความมืดและเงียบสงัด
ที่ปากทางเข้าออกค่ายโพนเค็ง โดยปรกติจะเป็นที่รวมหัวกันเล่นไพ่ของพวกนายทหารที่ไม่ได้เข้าเวรหรือออกจากเวรแล้ว ในคืนนี้ก็เช่นกัน พวกเขากำลังเล่นไพ่กันอยู่ ปากก็ฮัมเพลงไปอย่างสบายใจ แต่สำหรับผู้ถูกคุมขังทั้ง ๑๖ หัวใจของพวกเขาเต้นแรงโครมๆ เพราะไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าพวกเขาก็จะต้องออกไปเสี่ยงตาย
เมื่อถึงเวลา ๒๔.๐๐ น.ผลัดของสารวัตรทหารชุดที่จะแหกคุกไปด้วยก็เข้าทำหน้าที่แทนผลัดที่ออกเวร พลันนั้นเองท้องฟ้าที่โปร่งโล่ง ก็กลับครึ้มไปด้วยเมฆฝน ลมพัดกระโชกแรงพร้อมด้วยเม็ดฝนโปรยปรายลงมา
รถมอเตอร์ไซด์ของพวกทหาร ๒-๓ คันได้กลับมาจากไปเที่ยวในตัวเมือง ท้าวบุญทองคว้าเสื้อกันฝนขึ้นสวมแล้วออกไปโบกให้พวกนั้นหลบไป ขณะที่พวกทหารที่เล่นไพ่กันอยู่ก็กระเจิดกระเจิงหลบฝนกับเข้าค่ายไปหมด
สหายสิงกะโปเล่าถึงเหตุการณ์ก่อนวันแหกคุกไว้ว่า
“ท้าวหวาได้จัดสารวัตรทหารทั้ง ๑๐ คนที่จะร่วมแหกคุกไปกับพวกเรา ให้เข้าเวรยามในผลัดระหว่าง ๒๔.๐๐น.ถึง ๐๖.๐๐ น. ส่วนคณะของพวกเราแบ่งเป็น ๓ ชุด
ชุดที่ ๑ มีเจ้าสุภานุวงศ์,ท่านภูมี วงศ์วิจิตร,ท่านสีชนะ สีสาน,ท่านหนูฮัก ภูมิสวัน,ท่านสีทน กมมะดำ
ชุดที่ ๒ ท่านมา ไชยคำพิทูน,ท่านคำผาย บุบผา,ท่านมหา สมบูรณ์,ท่านเพ้า พิมมะจันทร์,ท่านบัวศรี เฉิลมศุภ,ท่านพูน สีประเสริฐ,ท่านคำเพ็ชร
ชุดที่ ๓ เป็นชุดกล้าตายและสู้ตายที่จะต้องออกหลังสุด มีเรา(สหายสิงกะโป),ท่านภูเขา,ท่านมานะ, ท่านสมเพ็ชรและกลุ่มทหารสารวัตรคือ ท้าวคำแวว,ท้าวอุดร,ท่านอ่อนสา(น้องชายท้าวหวา),ท้าวสำลี,ท้าวทองเสย,ท้าวบุญมี,ท้าวกองคำ,ท้าวบุญแปง,ท้าวบุญทอนและท้าวบัวพัน
มีคนเข้ามาเพิ่มเติมคือท้าวเชียงสม ซึ่งหน่วยพรรคที่เวียงจันทน์โดยท่านสาลี วงศ์คำซาวส่งเข้ามาเป็นผู้นำทางในเส้นทางหลบหนี
ย่ำค่ำท้าวกองคำ ได้ไปกราบลาท่านพระอาจารย์คูนที่วัดพระธาตุหลวง ท่านอาจารย์ได้กล่าวเห็นดีที่ท้าวคำกองได้เปลี่ยนทัศนะมาร่วมกับแนวลาวรักชาติ ท่านอาจารย์คูนยังได้ส่งพระมหาอีก ๔ รูปที่จำพรรษาอยู่ที่วัดพระธาตุหลวงให้ลาสิกขาออกมาช่วยให้เจ้าสุภานุวงศ์และคณะได้แหกคุกหลบหนีไปอย่างปลอดภัยในคืนวันนี้ด้วย มหาทั้ง ๔ ท่านคือ มหาอำคา มหาอุดร มหาบัวลีและมหาสุภีร์
“รบเพื่อธรรม เพื่อความถูกต้อง เสร็จศึกแล้วค่อยมาบวชใหม่ก็ยังได้” ท่านอาจารย์คูนกล่าวกับศิษย์ของท่าน
แล้วเวลาแห่งการหลบหนีก็มาถึง ท้าวแวว สารวัตรทหารคนหนึ่งที่จะร่วมหลบหนีไปกับคณะ ซึ่งเป็นหัวหน้ารักษาคลังอาวุธ ได้ไขประตูคลังเอาปืนมาแจกจ่ายให้พวกเรา มีปืนคาร์บิน ๑๐ กระบอก ปืนสั้น ๓ กระบอก แจกจ่ายให้แต่ละชุดเหมือนๆกัน ส่วนทางท้าวอุดร กับท้าวทองเสยได้แจกจ่ายเกือกที่ซื้อไว้ ๑๖ คู่
การตระเตรียมเป็นไปอย่างเร่งรีบและเคร่งเครียด พวกเราเฝ้ารอคอยเวลาอยู่ในห้องของแต่ละคนภายใต้ความมืดและเงียบสงัด
ที่ปากทางเข้าออกค่ายโพนเค็ง โดยปรกติจะเป็นที่รวมหัวกันเล่นไพ่ของพวกนายทหารที่ไม่ได้เข้าเวรหรือออกจากเวรแล้ว ในคืนนี้ก็เช่นกัน พวกเขากำลังเล่นไพ่กันอยู่ ปากก็ฮัมเพลงไปอย่างสบายใจ แต่สำหรับผู้ถูกคุมขังทั้ง ๑๖ หัวใจของพวกเขาเต้นแรงโครมๆ เพราะไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าพวกเขาก็จะต้องออกไปเสี่ยงตาย
เมื่อถึงเวลา ๒๔.๐๐ น.ผลัดของสารวัตรทหารชุดที่จะแหกคุกไปด้วยก็เข้าทำหน้าที่แทนผลัดที่ออกเวร พลันนั้นเองท้องฟ้าที่โปร่งโล่ง ก็กลับครึ้มไปด้วยเมฆฝน ลมพัดกระโชกแรงพร้อมด้วยเม็ดฝนโปรยปรายลงมา
รถมอเตอร์ไซด์ของพวกทหาร ๒-๓ คันได้กลับมาจากไปเที่ยวในตัวเมือง ท้าวบุญทองคว้าเสื้อกันฝนขึ้นสวมแล้วออกไปโบกให้พวกนั้นหลบไป ขณะที่พวกทหารที่เล่นไพ่กันอยู่ก็กระเจิดกระเจิงหลบฝนกับเข้าค่ายไปหมด
No comments:
Post a Comment