Monday, March 16, 2009

ลำดับ๕๐๐.สงครามลับของCIAในลาว(๑๒)

สงครามลับของ CIA ในลาว
บทที่ ๑๒ สหรัฐฯเริ่มแผนปฏิบัติการสงครามลับในอินโดจีน

ขอย้อนกลับไปลำดับเหตุการณ์ต่อจากวันที่ ๒๑ กรกฎาคม ๒๔๙๗ ณ กรุงเจนีวา การเจรจาสงบศึกในอินโดจีนก็ผ่านพ้นไปโดยในส่วนของประเทศลาวนั้นท้าวกุ วรวงศ์ได้ลงนามยอมรับให้มีการตั้งรัฐบาลผสมระหว่างฝ่ายขวานิยมกษัตริย์ร่วมกับฝ่ายซ้ายของขบวนการปเทดลาว และต่อมาไม่กี่วันเขาก็ถูกลอบสังหารขณะไปร่วมทานอาหารค่ำที่บ้านท้าวผุย ชนะนิกรผู้ซึ่งถูกท้าวกุ วรวงศ์เปิดโปงในรัฐสภาว่ารับเงินสกปรกจากสหรัฐอเมริกาจำนวน ๑ ล้านดอลล่าร์เข้าบัญชีที่สวิตเซอร์แลนด์

ความยุ่งเหยิงวุ่นวายทางการเมืองเกิดขึ้นตามมาทันที แต่เมื่อเจ้าสุวรรณภูมาได้ลาออกจากนายกรัฐมนตรีของคณะรัฐบาลรักษาการชั่วคราว(ที่ซึ่งฝรั่งตั้งขึ้นมาในช่วงเวลาที่ยังไม่มีรัฐบาลผสมตามข้อตกลงในสัญญาเจนีวา)ความวุ่นวายก็ยุติลงและท้าวกระต่าย โตนสโสฤทธิ์ ผู้ที่ได้รับใช้ฝรั่งเศสมาอย่างซื่อสัตย์ได้ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี

ท้าวกระต่ายผู้นี้ เป็นผู้ที่วอชิงตันได้เลือกสรรมาแล้วว่าจะทำทุกอย่างในอันที่ขัดขวางไม่ให้มีการตั้งรัฐบาลผสม และโดยที่ภรรยาคนที่ ๒ ของท้าวกระต่ายเป็นน้องสาวของเจ้าบุญอุ้ม ณ จำปาศักดิ์ สหรัฐอเมริกาจึงเล็งที่จะผลักดันให้เจ้าบุญอุ้มได้เป็นเจ้าชีวิตองค์ต่อไปแทนเจ้าศรีสว่างวงศ์ที่กำลังประชวรอยู่ (ราชตระกูลในลาวมี ๓ สายคือ สายเจ้าศรีสว่างวงศ์กษัตริย์องค์ปัจจุบัน สายเจ้าบุญคงพระบิดาของเจ้าพี่สุวรรณภูมิเจ้าน้องสุภานุวงศ์ และสายเจ้าบุญอุ้ม ณ จำปาศักดิ์)

เมื่อท้าวกระต่ายคุมอำนาจอยู่ในเวียงจันทน์ มีเงินดอลล่าร์หลั่งไหลมาให้ใช้ตามความต้องการไม่จำกัดจำนวน ฟอสเตอร์ ดัลเลส ก็พร้อมแล้วที่ดำเนินการตามแผนอีกขั้นหนึ่งในอันที่จะบ่อนทำลายสัญญาสงบศึกเจนีวาให้จงได้ เพื่อที่สหรัฐอเมริกาจะได้เข้าแทนที่ใน “ช่องว่างของอำนาจ” ซึ่งจะต้องเกิดขึ้นเมื่อกองทหารฝรั่งเศสถอนตัวออกไป

การสมคบคิดกันได้เริ่มขึ้นระหว่าง ดัลเลส, สำนัก CIA, และคณะเสนาธิการผสมอเมริกัน ซึ่งต่อมาภายหลังพลจัตวาเจมส์ กาวินได้เปิดเผยเรื่องแผนการนี้ไว้ว่า หลังจากที่ฝรั่งเศสม้วนเสื่อกลับไปโดยไม่สนใจถึงประโยชน์ของโลกเสรีที่จะได้รับผลกระทบจากการที่ฝ่ายคอมมิวนิสต์ได้มีโอกาสมาร่วมตั้งรัฐบาลผสมลาว ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของสหรัฐอเมริกาที่จะเข้ารับภาระในการสู้รบกับลัทธิคอมมิวนิสต์ในอินโดจีน(โดยเริ่มจากการแทรกแซงไม่ให้การตั้งรัฐบาลผสมในลาว)

เมื่อการประชุมที่เจนีวาสิ้นสุดลง คณะเสนาธิการผสมก็เริ่มเรื่องที่ถือว่าเป็นเรื่องเร่งด่วนก่อนเรื่องใดทั้งหมดคือการพิจารณาข้อเสนอที่ให้มีการส่งกำลังรบเข้าไปในบริเวณสามเหลี่ยมแม่น้ำแดงของเวียดนามเหนือ ริดจ์เวย์ได้ส่งเจมส์ กาวินและทีมงานผู้เชี่ยวชาญเข้าไปสำรวจและประเมินสถานการณ์ในเวียดนามใต้ว่าจะต้องใช้กำลังขนาดไหน

กาวินและทีมได้รายงานกลับมาว่า กองทัพเรือสหรัฐจะต้องยึดเกาะไหหลำไว้ ก่อนที่จะส่งเรือรบเข้าไปในบริเวณไฮฟองและนั่นก็มีความเป็นไปได้ที่จะต้องทำสงครามกับจีน และถ้าจีนจะตอบโต้กรณีที่สหรัฐฯยึดเกาะไหหลำโดยการเปิดแนวรบด้านเกาหลีขึ้น สหรัฐก็ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบว่าจะรอให้ถูกจีนโจมตีในเกาหลีก่อน หรือว่าสหรัฐฯจะเปิดแนวรบเกาหลีขึ้นมาอีกครั้ง

เพื่อที่จะยึดครองบริเวณสามเหลี่ยมแม่น้ำแดง,ไฮฟอง,และฮานอย ทั้งนี้กาวินประมาณว่า จะต้องใช้ทหาร ๘ กองพล ด้วยการสนับสนุนจากกองพันทหารช่าง ๓๕ กองพัน พร้อมทั้งปืนและการส่งกำลังบำรุงที่จำเป็น และนั่นจะต้องเป็นจำนวนมหึมามหาศาล

พลเรือเอกแรดฟอร์ดชื่นชอบในแผนการนี้เช่นเดียวกับดัลลัสและ ซี.ไอ.เอ. แรดฟอร์ดได้รับการสนับสนุนอย่างแข็งแรงจากเสนาธิการกองทัพอากาศและหัวหน้าฝ่ายยุทธการกองทัพเรือ แต่กาวินเห็นคัดค้านกับแผนการนี้ เพราะกองทัพบกจะตกอยู่ในอันตรายเพราะไป “ติดหล่ม”อยู่ในสงครามภาคพื้นดินในอินโดจีน มิหนำซ้ำยังต้องเข้าพัวพันในสงครามกับจีนอีก

ริดจ์เวย์เห็นด้วยกับกาวินและได้ “ข้ามหัว” แรดฟอร์ดไปเจรจากับไอเซนฮาวเออร์ให้ยับยั้งแผนการนี้ไว้ แล้วใช้แผนใหม่โดยหันมาสนับสนุนรัฐบาลเวียดนามใต้ผ่านประธานาธิบดี โงดินห์เดียม ให้ตั้งกองทหารให้เข้มแข็ง ยิ่งใหญ่เกรียงไกรเพื่อภารกิจ “ยกทัพขึ้นเหนือแล้วบดขยี้เวียดมินห์”

ไอเซนฮาวเออร์เอาด้วยกับริดจ์เวย์ ดังนั้นแรดฟอร์ด ดัลเลส และ ซี.ไอ.เอ.จึงรับไม้ต่อแผนการนี้โดยการส่งสัญญาณให้โงดินห์เดียมบุกเข้ายึดเวียดนามเหนือให้ได้ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งเพื่อรวมเวียดนามเหนือและใต้เข้าด้วยกันตามสัญญาสงบศึกเจนีวาซึ่งกำหนดให้รวมเวียดนามให้เสร็จ ก่อนกรกฎาคม ๒๔๙๙

No comments: