Wednesday, March 18, 2009

ลำดับ๕๐๖.สงครามลับของCIAในลาว(๑๙)

สงครามลับของ CIA ในลาว
บทที่ ๑๙ เจ้าเพชรราชแถลงสนับสนุนให้ตั้งรัฐบาลผสม

มีนาคม ๒๕๐๐ เจ้าเพชรราช เจ้าพี่องค์โตของเจ้าบุญคง(พระบิดาเดียวกันกับเจ้าสุวรรณภูมา เจ้าสุภานุวงศ์) ก็ได้กลับมาลาวหลังจากลี้ภัยการเมืองไปอยู่ไทยเสีย ๑๑ ปี พอมาถึงก็ได้รับความกดดันจากสถานทูตอเมริกันและอังกฤษในทันที สถานทูตสองมหาอำนาจนี้หวังเป็นอย่างมากว่า จากการที่เจ้าเพชรราชไปอยู่ในกรุงเทพฯ เป็นเวลานานหลายปี คงจะมีนโยบายสนับสนุนซีอาโต้ตามแบบรัฐบาลไทย

แม้ว่าเจ้าเพชรราชจะแสดงความต้องการว่าอยากจะดำรงชีพอยู่อย่างสงบในฐานะ “สามัญชน” แต่เพียงเดือนเดียวหลังเดินทางกลับ เจ้าชีวิตก็ทรงแต่งตั้งให้เป็น “อุปราช” ตามเดิม ตำแหน่งนี้ในปัจจุบันมีความหมายน้อยมาก ไม่เหมือนสมัยก่อน แต่มันก็ทำให้ท่านมีเกียรติคุณในฐานะ “รัฐบุรุษอาวุโส” ซึ่งสถานทูตทั้งหลายที่สนับสนุนซีอาโต้แน่ใจว่าจะสามารถใช้เจ้าเพชรราชให้เป็นประโยชน์แก่ฝ่ายตนได้

แต่ถ้อยแถลงของท่านที่ออกสู่สาธารณะเป็นครั้งแรกยังผลให้เกิดความตกอกตกใจกันขึ้น เพราะท่านให้ความเห็นชอบอย่าง “สุดชีวิตจิตใจ” ต่อการจัดตั้งรัฐบาลผสมขึ้นและก็ได้เรียกร้อง ”ความเป็นกลางอย่างสมบูรณ์, ชัดแจ้ง ไม่มีการใช้เล่ห์กระเท่ชนิดต่อหน้าอย่างหนึ่งลับหลังอย่างหนึ่ง” และเพื่อให้การเรียกร้องต้องการที่กล่าวมานี้ได้เป็นจริงในทางปฏิบัติ เจ้าเพชรราชก็เสนอให้ลาวสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับรัฐบาลเวียดนามเหนือและรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีน

ที่น่าสนใจอีกด้านหนึ่งของท่านก็คือ ท่านได้นำเอาเครื่องพิมพ์สมัยใหม่เข้ามาในลาวด้วยความหวังที่ว่า จะสร้างหนังสือพิมพ์รายวันขึ้นเป็นฉบับแรกของเวียงจันทน์

ด้วยการใช้วิธีขัดขวางต่างๆนานา การจัดตั้งรัฐบาลผสมจึงล่าช้าไปถึงเดือนสิงหาคม ๒๕๐๐ แต่ไม่ว่าจะเป็นสินบนหรือการข่มขู่บีบบังคับอย่างใดๆ ก็ไม่สามารถทำให้สภาผู้แทนราษฎรของลาวออกเสียงคัดค้านสัญญาสงบศึกได้ “เจ้าพี่” สุวรรณภูมาคงเป็นนายกรัฐมนตรีและยังเป็นรัฐมนตรีกลาโหมด้วยอีกตำแหน่งหนึ่ง “เจ้าน้อง” สุภานุวงศ์เป็นรัฐมนตรีกระทรวงวางแผนทางเศรษฐกิจ ท้าวกระต่ายเป็นรัฐมนตรีมหาดไทย และท้าวผุย ชนะนิกรเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ

พอถึงเดือนพฤศจิกายน ๒๕๐๐ เจ้าสุภานุวงศ์ก็ยุบเลิกระบบปกครองที่ซำเหนือและพงสาลีตามสัญญาเจนีวา เข้าอยู่ในระบบปกครองของราชอาณาจักรลาวและโยกย้ายกำลังประกอบอาวุธที่ประจำอยู่ในแขวงต่างๆ ทั่วประเทศกลับคืนไปซำเหนือ รวมทั้งสลายกำลังทหารกลับคืนภูมิลำเนา ยังคงเหลือไว้เพียง ๒ กองพันจำนวนกองพันละ ๗๕๐ คนเพื่อเข้าร่วมในกองทัพแห่งชาติ

กำลัง ๒ กองพันที่เข้าร่วมในกองทัพแห่งชาติ กองพันที่๑ ผบ.คือ พ.ต.อุ่นเรือน ขาวพันธ์ มีกำลัง ๗๕๐ คนไปตั้งอยู่ที่เมืองเชียงเงินแขวงหลวงพระบาง กองพันที่๒ ผบ.พัน คือ พันตรีจำเนียร บุญรักษา มีกำลัง ๗๕๐ คนไปตั้งอยู่ที่ทุ่งไหหิน แขวงเชียงขวาง กำลังทั้ง ๒ กองพันอยูในบังคับบัญชาของ พ.ท.เก ปานมาลัยทอง และ พ.ท.ท้าวตู้

การสลายกำลังทหารให้เหลือเพียง ๒ กองพันที่จะนำเข้าร่วมกับกองกำลังแห่งชาตินั้น ได้สร้างความเสียใจ สะเทือนใจให้กับนักรบปฏิวัติที่รักชาติ ต่อเมื่อเจ้าสุภานุวงศ์ได้กล่าวทำความเข้าใจกับบรรดานักรบเหล่านั้นแล้ว ทุกคนจึงโล่งใจ
คำปราศรัยของเจ้าสุภานุวงศ์ต่อนักรบทั้งหลายโปรดอ่านใน

No comments: