Sunday, March 29, 2009

ลำดับ๕๒๐.แหกคุกโพนเค็งบันลือโลก(๘)

บทที่ ๘ แผนแหกคุก

ด้วยการประเมินเหตุการณ์ที่ภูมี หน่อสวัน จะสร้างขึ้นดังนี้ เจ้าสุภานุวงศ์ได้กล่าวแก่คณะว่า “ถ้าหากจะมีการยิงเป้า เราเองจะออกหน้าก่อน เพราะเราอยู่ในนามของผู้เป็นหัวหน้า”

ทอเสย โคตรวงศา อดีตสารวัตรทหารที่เคยเฝ้ายามคุกโพนเค็ง ได้เขียนไว้ในหนังสือของเขาชื่อ “แหกคุก” ว่า

“ข้าพเจ้าไม่เคยเห็นทัศนะแบบนี้จากผู้นำใดๆ นอกจากลุงประธานสุภานุวงศ์ ท่านตื่นแต่เช้า ออกกำลังกายด้วยท่าทีแข็งแรง ด้วยการเล่นหลายๆอย่าง เช่น ชกลม เต้นเชือก ข้าพเจ้ามีความรู้สึกต่อท่านหลายอย่าง ท่าทางท่านน่าเกรงขาม ตัดผมจอนไว้หนวด ไม่ค่อยพูดจากับใคร แต่ดูรู้สึกว่าท่านมีความอิ่มอกอิ่มใจ มีลักษณะเด็ดเดี่ยวอันเป็นแบบอย่างอันดีงามให้แก่ลูกหลาน มองอีกด้านหนึ่ง ท่าทีของท่านก็สมกับที่เป็นบิดาของประเทศ”

วันคืนผ่านไป การสร้างความมักคุ้นเป็นกันเอง และการให้การศึกษาอบรมกับพวกสารวัตรทหารที่มาอยู่เวรยามได้รับผล การเตรียมแผนการหนีได้เป็นไปอย่างเรียบร้อย สหายทิดม่วน สาวจันทรา กรรมการศูนย์กลางพรรคและเลขาธิการพรรคแขวงเวียงจันทน์ในขณะนั้นเล่าว่า ก่อนหน้านั้นทางคณะพรรคแขวงเวียงจันทน์ได้ให้หน่วยจู่โจมพิเศษเข้าไปในคุกโพนเค็งครั้งหนึ่งแล้ว เพื่อซ้อมในการจะลักเอาสหายสุภานุวงศ์และบางคนออกจากคุก แต่ต่อมาแผนการนี้ได้ยกเลิกไป เพราะอาจเป็นอันตรายให้แก่บรรดาสหายที่ยังเหลืออยู่ในคุกก ภายหลังที่ได้มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันระหว่างสหายหนูฮัก ภูมิสวรรค์ ที่อยู่ในคุกกับสหายไกสอน พรมวิหาน ที่อยู่เขตฐานที่มั่น วันเวลาแห่งการแหกคุกครั้งประวัติศาสตร์ก็ใกล้เข้ามา

ด้วยการประเมินเหตุการณ์ที่ภูมี หน่อสวันจะสร้างและลงมือดังกล่าวมานี้ คณะกรรมการหน่วยพรรคภายในคุก จึงมอบหมายให้สหายสิงกะโปติดต่อกับท้าวหวา-นายทหารที่นับถือสหายสิงกะโปเป็นอาจารย์ ว่าต้องการหลบหนีออกจากคุก และชี้ให้ท้าวหวาได้ทราบถึงแผนการอุบาทว์ของภูมี หน่อ สวัน ดังที่ได้ประเมินกันไว้

ขณะที่สหายสิงกะโปเจรจากับท้าวหวา เขาก็สังเกตดูปฏิกิริยาของท้าวหวาอย่างจดจ่อ เมื่อกล่าวจบท้าวหวาก็ตอบรับให้ความช่วยเหลือทันที ท่าทางและวาจาของเขาที่แสดงออกมาเป็นความจริงใจ ทำให้สหายสิงกะโปปราศจากความสงสัยเคลือบแคลง

แผนการแหกคุกบันลือโลกครั้งนี้จึงเป็นเรื่องที่ตื่นเต้นหวาดเสียวสำหรับผู้ถูกคุมขังทั้ง ๑๖ คน เพราะได้ฝากชะตาชีวิตความเป็นความตายไว้กับทหารเวรยามของท้าวหวา และไหนจะต้องหลบหนีจากการตามไล่ล่า จึงมีอยู่ ๒ พยางค์เท่านั้นสำหรับพวกเขาคือ รอด หรือ ตาย

ในเวลาเดียวกันนั้นพรรคของแนวลาวรักชาติที่เวียงจันทน์ที่มีสหายคำม่วน สาวจันทรา และสหายสาลี วงศ์คำซาว เป็นแกนนำ ได้ประสานแผนการแหกคุกกับหน่วยพรรคในคุกอย่างใกล้ชิด โดยผ่านท้าวหวาเป็นคนกลางและจัดการให้ทหารสารวัตร ๑๐ คน ร่วมแหกคุกให้ความคุ้มครองติดตามออกไปด้วย กำหนดวันแหกคุกคือวันที่ ๒๓ พฤษภาคม ๒๕๐๓.

No comments: