Monday, March 2, 2009

บทความที่๔๕๕.การอภิวัฒน์ของประชาชนลาว(๔)

การอภิวัฒน์ของประชาชนลาว
บทที่ ๔ การเข้ามาของญี่ปุ่น

ในเดือนมกราคม พ.ศ.๒๔๘๘ กองทัพญี่ปุ่นได้ทะยอยเสริมกำลังทหารจากกองทัพภาคใต้ เข้ามาเพิ่มในอินโดจีน เพื่อขับไล่กองทหารฝรั่งเศสออกไปจากดินแดนภาคเหนือของลาว และยึดครองพื้นที่ในภาคเหนือของอินโดจีน กำลังทหารญี่ปุ่นที่ยกพลขึ้นบกได้เดินทางเข้าไปยึดมลายูและสิงคโปร์ กำลังทหารภายใต้การนำของนายพลยามาชิตะ สามารถยึดมลายูและสิงคโปร์ไว้ได้ในที่สุด ส่วนกำลังทหารที่ยึดครองอินโดจีนได้รับคำสั่งให้เคลื่อนพลไปยึดครองสิบสองจุไท

ช่วงเดือนมกราคม กองทหารญี่ปุ่นได้ตั้งฐานบัญชาการขึ้นที่สะหวันะเขด กองกำลังฝ่ายสัมพันธมิตรโดยนายพล ลอร์ดหลุยส์ เมาท์แบทเตน ผู้บัญชาการกองกำลังเอเชียตะวันออก ได้สั่งการให้เครื่องบิน บี-๒๙ ซึ่งเรียกว่า “ป้อมบินยักษ์” (Super-Fortress) บินจากอินเดียไปทิ้งระเบิดถล่มฐานทหารญี่ปุ่นที่ไซ่ง่อนและอีกหลายจุดในอินโดจีน 

ต้นเดือนกุมภาพันธ์มีการตั้งฐานบัญชาการที่เชียงขวาง ช่วงนี้หน่วยเคมเปไต (Kempetai) ได้จัดส่งคนเข้าไปในพื้นที่ต่างๆของลาวในฐานะของการเป็นนักสำรวจแร่ธาตุและตัวแทนการค้าของบริษัทชิโอวะ ประจำเมืองหลวงพระบางและเมืองท่าแขก โดยมีวัตถุประสงค์หลักคือรวบรวมข้อมูลทางด้านการเมือง-การทหารในลาว เพื่อวางแผนเตรียมการที่จะยึดครอง

วันที่ ๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๔๘๘ กองทหารญี่ปุ่นส่งกำลังเข้าไปในกรุงเวียงจันทน์เพื่อเตรียมบุกเข้ายึด ล่วงเข้าถึงคืนวันที่ ๙ มีนาคม พ.ศ.๒๔๘๘ กองทหารญี่ปุ่นจากกองพันที่ ๑ ได้เคลื่อนพลเข้ายึดกรุงเวียงจันทน์ กองทหารฝรั่งเศสหนีไปทางหลวงพระบางนำชาวฝรั่งเศสจากเวียดนามและเวียงจันทน์เดินทางหลบหนีทหารญี่ปุ่นเข้ามาอยู่ในหลวงพระบาง ก่อนจะหนีเข้าไปยังดินแดนของประเทศจีน อีกส่วนหนึ่งหนีข้ามแม่น้ำโขงมายังหนองคาย

กองพันที่ ๘๓ ของญี่ปุ่นได้เข้ายึดเมืองสะหวันนะเขด เมืองท่าแขกและส่งกองพลที่ ๔ เข้ายึดปากเซ จากนั้นในวันที่ ๑๒ มีนาคมก็เข้ายึดเมืองเซโปนและเมืองสาละวัน

ในช่วงที่กองทัพญี่ปุ่นเตรียมเคลื่อนพลมายึดเมืองหลวงพระบาง ไทโช วาตานาเบ้ กงสุลญี่ปุ่นประจำกรุงไซ่ง่อน เดินทางมาเข้าพบเจ้าเพ็ดชะลาดที่หลวงพระบางแจ้งว่า มีจดหมายจากเจ้าสุภานุวงศ์ที่ทำงานกองทางอยู่ในเวียดนามมาถึงเจ้าเพ็ดชะลาด ใจความว่า “เจ้าสุภานุวงศ์จะร่วมมือกับญี่ปุ่นประกาศเอกราช” พร้อมกันนี้ก็บอกว่า ญีปุ่นจะให้เอกราชแก่ลาว

วันที่ ๕ เมษายน พ.ศ.๒๔๘๘ เวลาประมาณ ๑๔.๐๐ น.กองกำลังทหารญี่ปุ่นเคลื่อนกำลังมาถึงบ้านหลวง ห่างจากตัวเมืองหลวงพระบาง ๑ กิโลเมตร เจ้าเพ็ดชะลาดสั่งให้เสนาบดี ๒ ท่าน พร้อมด้วยเจ้าแขวงและเจ้าเมืองออกไปเชิญให้กองทหารญี่ปุ่นเข้ามาโดยไม่มีการใช้กำลังต่อต้าน วันรุ่งขึ้นเวลา ๐๘.๐๐ น. มีการชักธงชาติญี่ปุ่นขึ้นสู่เสาแทนธงชาติของฝรั่งเศส เคียงคู่ธงล้านช้างร่มขาวหลวงพระบาง ที่หน้าหอคำ

เจ้าเพ็ดชะลาดมิได้มุ่งที่จะฝากความหวังในการกู้ชาติไว้ที่กองทหารญี่ปุ่นแต่อย่างใด การสร้างความสัมพันธ์อันดีกับกองทหารญี่ปุ่นเป็นการพลิกสถานการณ์ให้เกิดประโยชน์แก่ประเทศชาติและประชาชนลาวให้มากที่สุด โดยยืมมือกองทหารญี่ปุ่นที่เคลื่อนพลเข้ามายังเวียงจันทน์และหลวงพระบาง กดดันขับไล่กองทัพฝรั่งเศสให้ออกไปพ้นจากประเทศ

เจ้าเพ็ดชะลาดตะหนักดีว่า การเคลื่อนพลของกองทัพญี่ปุ่นเข้ายึดเมืองหลวงพระบาง รวมทั้งเวียงจันทน์และเมืองอื่นๆ เป็นการแสดงแสนยานุภาพทางทหารเพื่อขับไล่กองทหารฝรั่งเศสออกไปจากดินแดนลาว อีกทั้งญี่ปุ่นได้แผ่แสนยานุภาพทางทหารเข้ามาครอบครองดินแดนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อมุ่งแสวงหาความร่วมมือกับฝ่ายตนในการ “ร่วมวงไพบูลย์มหาเอเชียบูรพา” และร่วมกับมิตรประเทศทำสงครามกับฝ่ายสัมพันธมิตร

สำหรับเป้าหมายการยึดครองของกองทัพญี่ปุ่นมิใช่มีเพียงแค่จีน พม่า สิงคโปร์ หรือมาเลเซียที่เป็นดินแดนอาณานิคมของอังกฤษเท่านั้น หากแต่ยังรวมถึงเวียดนาม ลาว กัมพูชา ซึ่งเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศส ฟิลิปปินส์อาณานิคมของสหรัฐอเมริกา และอินโดนีเซียอาณานิคมของเนเธอร์แลนด์ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใดที่ญี่ปุ่นใช้ยุทธวิธีขุดบ่อล่อปลา โหมโฆษณาชวนเชื่อในเรื่องการปลดปล่อยประเทศให้เป็นเอกราช โดยประกาศว่า จะสนับสนุนช่วยเหลือให้ประเทศอาณานิคมในอินโดจีนที่เข้าร่วมวงไพบูลย์มหาเอเชียบูรพาได้รับเอกราช มีอธิปไตย และมีอิสรภาพอย่างแท้จริง โดยมุ่งเน้นชูคำขวัญ “เอเชียเพื่อคนเอเชีย"

No comments: