สงครามลับของ CIA ในลาว
บทที่ ๕ ปลดปล่อยท่าแขกและกำเนิดแนวลาวรักชาติ
การโจมตีซำเหนือหรือแขวงหัวพันในครั้งนั้นใช้กำลังทหารลาวมากกว่า ๕ กองร้อยและกองหลอกจำนวนหนึ่ง กำลังทหารอาสาสมัครเวียดนาม ๕ กองพันและต้องใช้เวลาถึง ๒๐ วัน ๒๐ คืน จึงปลดปล่อยแขวงทั้งสองได้อย่างสมบูรณ์ และ “นับแต่นั้นมาพวกเราจึงได้แผ่นดินอาศัยเป็นของตนเองคือแผ่นดินลาว เป็นเขตปลดปล่อยแห่งแรกของการปฏิวัติลาว” นายพลสิงกะโปเล่าให้ฟังเหตุการณ์ที่ภาคภูมิใจเมื่อครั้งกระโน้น
การรบครั้งนี้ได้สร้างความสูญเสียให้กับฝ่ายศัตรูเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะสูญเสียชีวิตในสนามรบร่วม ๓ กองพัน และที่ถูกจับเป็นเชลยก็มีจำนวนมาก ในจำนวนเชลยที่ถูกจับนี้หลังจากได้รับการอบรมศึกษาอยู่ชั่วระยะหนึ่งแล้ว จำนวนหนึ่งขอร่วมชีวิตรับใช้ชาติบ้านเมืองอยู่กับกองทัพลาวอิสระ อีกส่วนหนึ่งขอกลับบ้านเพราะคิดถึงพ่อแม่และลูกเมีย
หลังจากปลดปล่อยซำเหนือแล้ว สำนักงานศูนย์กลางทั้งหมดทางทหารและการเมืองรวมทั้งครอบครัวของพนักงานก็ได้ขยายจากโดเลื่อง(ดินแดนเวียดนาม)เข้าสู่ซำเหนือด้วยความเบิกบานม่วนชื่น ท่ามกลางการให้การต้อนรับด้วยความปิติยินดีของพี่น้องประชาชนชาวซำเหนือ
ต่อมาในวันที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๔๙๖ เมืองท่าแขกก็ได้รับการปลดปล่อยอีกครั้งหนึ่งเป็นครั้งที่ ๒ หลังอยู่ภายใต้การปกครองของนักล่าเมืองขึ้นฝรั่งเศสร่วม ๘ ปี นับแต่วันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๔๘๘ ซึ่งได้สร้างความยินดีปรีดาให้กับนายพลสิงกะโปเป็นอย่างยิ่ง และเมื่อล่วงเข้าปี ๒๔๙๘ รัฐบาลลาวต่อต้านและแนวลาวอิสระภายใต้การนำของเจ้าสุภานุวงศ์ ได้เข้าควบคุมเนื้อที่ถึง ๑ ใน ๒ ของเนื้อที่ทั้งประเทศ
โดยที่พรรคคอมมิวนิสต์อินโดจีน ซึ่งเป็นองค์กรชี้นำสูงสุดในการต่อสู้เพื่อเอกราชของอินโดจีน ซึ่งหมายถึงสามชาติอินโดจีน คือเวียดนาม กัมพูชา และลาวได้เปลี่ยนชื่อเป็นพรรคลาวดง(คนงาน) หรือพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม โดยที่ประชุมคองเกรสพรรคคอมมิวนิสต์อินโดจีนครั้งที่ ๒ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ๒๔๘๔ นั่นก็หมายถึงว่าคนลาวและคนกัมพูชาที่เคยร่วมอยู่ในพรรคคอมมิวนิสต์อินโดจีนก็ตั้งพรรคคอมมิวนิสต์ขึ้นมาใหม่เพื่อนำพาการต่อสู้กู้ชาติของตนต่อไป
ชาวคอมมิวนิสต์ลาวจึงได้จัดตั้งพรรคประชาชนลาว หรือพรรคคอมมิวนิสต์ลาวขึ้นเมื่อวันที่ ๒๒ มีนาคม ๒๔๙๗ โดยมีท่านไกสร พรหมวิหาร เป็นเลขาธิการพรรค สืบต่อจากท่านมหาคำแสน หลังจากที่พรรคคอมมิวนิสต์อินโดจีนได้ยุบเลิกไปแล้ว ซึ่งบัดนี้ก็คือ พรรคประชาชนปฏิวัติลาว เป็นการสืบต่อมูลเชื้อของคณะพรรคแคว้นลาว ที่ได้จัดตั้งขึ้นเมื่อปี ๒๔๗๙
และต่อมาในวันที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๔๙๙ แนวลาวอิสระอันเป็นแนวร่วมแห่งชาติที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของพันธมิตรกรรมกรชาวนาก็ได้รับการเปลี่ยนชื่อมาเป็นแนวลาวรักชาติ รวมทั้งกองทัพปลดปล่อยประชาชนลาวก็ได้รับการปรับปรุงให้มีสมรรถภาพสูงขึ้น
การโจมตีซำเหนือหรือแขวงหัวพันในครั้งนั้นใช้กำลังทหารลาวมากกว่า ๕ กองร้อยและกองหลอกจำนวนหนึ่ง กำลังทหารอาสาสมัครเวียดนาม ๕ กองพันและต้องใช้เวลาถึง ๒๐ วัน ๒๐ คืน จึงปลดปล่อยแขวงทั้งสองได้อย่างสมบูรณ์ และ “นับแต่นั้นมาพวกเราจึงได้แผ่นดินอาศัยเป็นของตนเองคือแผ่นดินลาว เป็นเขตปลดปล่อยแห่งแรกของการปฏิวัติลาว” นายพลสิงกะโปเล่าให้ฟังเหตุการณ์ที่ภาคภูมิใจเมื่อครั้งกระโน้น
การรบครั้งนี้ได้สร้างความสูญเสียให้กับฝ่ายศัตรูเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะสูญเสียชีวิตในสนามรบร่วม ๓ กองพัน และที่ถูกจับเป็นเชลยก็มีจำนวนมาก ในจำนวนเชลยที่ถูกจับนี้หลังจากได้รับการอบรมศึกษาอยู่ชั่วระยะหนึ่งแล้ว จำนวนหนึ่งขอร่วมชีวิตรับใช้ชาติบ้านเมืองอยู่กับกองทัพลาวอิสระ อีกส่วนหนึ่งขอกลับบ้านเพราะคิดถึงพ่อแม่และลูกเมีย
หลังจากปลดปล่อยซำเหนือแล้ว สำนักงานศูนย์กลางทั้งหมดทางทหารและการเมืองรวมทั้งครอบครัวของพนักงานก็ได้ขยายจากโดเลื่อง(ดินแดนเวียดนาม)เข้าสู่ซำเหนือด้วยความเบิกบานม่วนชื่น ท่ามกลางการให้การต้อนรับด้วยความปิติยินดีของพี่น้องประชาชนชาวซำเหนือ
ต่อมาในวันที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๔๙๖ เมืองท่าแขกก็ได้รับการปลดปล่อยอีกครั้งหนึ่งเป็นครั้งที่ ๒ หลังอยู่ภายใต้การปกครองของนักล่าเมืองขึ้นฝรั่งเศสร่วม ๘ ปี นับแต่วันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๔๘๘ ซึ่งได้สร้างความยินดีปรีดาให้กับนายพลสิงกะโปเป็นอย่างยิ่ง และเมื่อล่วงเข้าปี ๒๔๙๘ รัฐบาลลาวต่อต้านและแนวลาวอิสระภายใต้การนำของเจ้าสุภานุวงศ์ ได้เข้าควบคุมเนื้อที่ถึง ๑ ใน ๒ ของเนื้อที่ทั้งประเทศ
โดยที่พรรคคอมมิวนิสต์อินโดจีน ซึ่งเป็นองค์กรชี้นำสูงสุดในการต่อสู้เพื่อเอกราชของอินโดจีน ซึ่งหมายถึงสามชาติอินโดจีน คือเวียดนาม กัมพูชา และลาวได้เปลี่ยนชื่อเป็นพรรคลาวดง(คนงาน) หรือพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม โดยที่ประชุมคองเกรสพรรคคอมมิวนิสต์อินโดจีนครั้งที่ ๒ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ๒๔๘๔ นั่นก็หมายถึงว่าคนลาวและคนกัมพูชาที่เคยร่วมอยู่ในพรรคคอมมิวนิสต์อินโดจีนก็ตั้งพรรคคอมมิวนิสต์ขึ้นมาใหม่เพื่อนำพาการต่อสู้กู้ชาติของตนต่อไป
ชาวคอมมิวนิสต์ลาวจึงได้จัดตั้งพรรคประชาชนลาว หรือพรรคคอมมิวนิสต์ลาวขึ้นเมื่อวันที่ ๒๒ มีนาคม ๒๔๙๗ โดยมีท่านไกสร พรหมวิหาร เป็นเลขาธิการพรรค สืบต่อจากท่านมหาคำแสน หลังจากที่พรรคคอมมิวนิสต์อินโดจีนได้ยุบเลิกไปแล้ว ซึ่งบัดนี้ก็คือ พรรคประชาชนปฏิวัติลาว เป็นการสืบต่อมูลเชื้อของคณะพรรคแคว้นลาว ที่ได้จัดตั้งขึ้นเมื่อปี ๒๔๗๙
และต่อมาในวันที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๔๙๙ แนวลาวอิสระอันเป็นแนวร่วมแห่งชาติที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของพันธมิตรกรรมกรชาวนาก็ได้รับการเปลี่ยนชื่อมาเป็นแนวลาวรักชาติ รวมทั้งกองทัพปลดปล่อยประชาชนลาวก็ได้รับการปรับปรุงให้มีสมรรถภาพสูงขึ้น
No comments:
Post a Comment