การต่อสู้ของลาวในสงครามอินโดจีน
บทที่ ๓ การสังหารหมู่และเมืองท่าแขกถูกตีแตก
เช้าตรู่ของวันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๔๘๙ เครื่องบินแบบใบพัดลำหนึ่งโปรยใบปลิวลงที่เมืองท่าแขก ข้อความในใบปลิวบอกให้ทหารกู้ชาติวางอาวุธและยอมจำนนต่อทหารฝรั่งเศส แต่หลังจากนั้นไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เครื่องบินขับไล่ ปืนใหญ่ ปืนครก ปืนกลหนักของฝ่ายฝรั่งเศสก็เปิดฉากบุกโจมตีเมืองท่าแขกอย่างหนักหน่วง เครื่องบินขับไล่ “สปีดไฟท์” ๒ ลำทิ้งระเบิด ๔ ลูกลงใส่ตลาดกลางเมืองที่มีชาวเมืองหนาแน่น พริบตานั้นเอง เหมือนฝันร้ายที่ปรากฏต่อหน้า ผู้คนจำนวนมากกระเด็นกระจัดกระจายปลิวไปในอากาศ หลายสิบคนทอดร่างเสียชีวิตอยู่กลางตลาด และหลายสิบคนบาดเจ็บสาหัส เหยื่อความโหดร้ายเหล่านี้ส่วนใหญ่คือผู้หญิงและเด็ก และในทันใดนั้นปืนใหญ่ของฝรั่งเศสที่ตั้งอยู่รอบเมืองท่าแขกก็โหมกระหน่ำยิงเข้ามา
ประชาชนชาวเมืองท่าแขกแตกฮือไหลหลั่งลงสู่ฝั่งโขง บางส่วนขึ้นเรือพาย บางส่วนก็ลอยคอไป ภาพจากมุมสูงปรากฏต่อสายตาเหมือนหนึ่งมดจำนวนมากลอยอยู่ในน้ำ ไม่ถึงชั่วโมงต่อมา สปีดไฟท์อีก ๒ ลำ ก็ทิ้งระเบิดลงใส่เรือหมากกระแชงจนไฟลุกท่วมไหลล่องไปตามน้ำ อึดใจต่อมาก็ยิงจรวดลงใส่เรือ และใส่ฝูงชนที่กำลังลอยคอและที่กำลังลุยข้ามนำโขงมายังฝั่งไทย ผู้หญิงและเด็กได้รับบาดเจ็บและล้มตาย ศพของผู้เสียชีวิตไหลล่องไปตามน้ำเป็นจำนวนมาก ผู้ที่รอดชีวิตมาถึงฝั่งไทยได้หันกลับไปมองญาติพี่น้องที่ไม่พ้นจากคราวเคราะห์ น้ำตาและเสียงโหยร่ำไห้ดังก้องระงมไปทั่วริมฝั่ง ก่อให้เกิดความสะเทือนใจและน่าเวทนาอย่างหาอันใดมาเปรียบได้
๑๐.๓๐ น. บรรดาแนวป้องกันของฝ่ายอภิวัฒน์ลาวก็ยังคงรักษาเมืองท่าแขกเอาไว้ได้ เจ้าสุภานุวงศ์เป็นผู้บัญชาการบรรดาแนวป้องกันกันเหล่านั้น และได้สู้รบกับข้าศึกอย่างไม่หวาดหวั่น อย่างไรก็ตามแม้ว่ากองทหารฝรั่งเศสจะได้รับความเสียหายอย่างหนัก แต่ก็ยังบุกคืบหน้าเข้ามาเรื่อยๆ ทุกบาทก้าวของกองทหารฝรั่งเศสได้รับการยิงคุ้มกันจากปืนใหญ่ รถหุ้มเกราะและการทิ้งระเบิดของเครื่องบินขับไล่ “สปีดไฟท์” เครื่องบินขับไล่ได้ทิ้งระเบิด ๘ ลูกและยิงปืนกลกราดลงใส่ทหารฝ่ายลาวที่แนวป้องกันทางด้านใต้ของตัวเมืองอย่างหนักจนทหารฝ่ายอภิวัฒน์ลาวต้องถอย แล้วแนวป้องกันทางด้านตะวันออกก็แตก ยังเหลือแต่แนวป้องกันด้านทิศเหนือ กองทหารฝรั่งเศสได้บุกเข้ามาถึงกลางเมือง สภาพการณ์ของกองทหารลาวอยู่ในความอลหม่านสาละวน.
๑๒ น.กองเสนาธิการร้องขอให้เจ้าสุภานุวงศ์ลงเรือยนต์ข้ามโขงไปฝั่งไทย แต่ท่านยังไม่ไปในทันที ยังคงรอฟังรายงานสถานการณ์จากแนวรบ ไม่ช้าก็ทราบว่าไม่อาจจะรักษาท่าแขกไว้ได้ เพราะทหารฝรั่งเศสบุกเข้ามาถึงกลางเมืองแล้ว กองทหารฝ่ายฝรั่งเศสยังคงระดมยิงปืนใหญ่ อีกทั้งยังใช้เครื่องบินขับไล่ทิ้งระเบิดและยิงปืนกลกราดลงมาใส่ ในที่สุดบรรดาแนวป้องกันทุกด้านของฝ่ายอภิวัฒน์ลาวก็แตกหมด
เช้าตรู่ของวันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๔๘๙ เครื่องบินแบบใบพัดลำหนึ่งโปรยใบปลิวลงที่เมืองท่าแขก ข้อความในใบปลิวบอกให้ทหารกู้ชาติวางอาวุธและยอมจำนนต่อทหารฝรั่งเศส แต่หลังจากนั้นไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เครื่องบินขับไล่ ปืนใหญ่ ปืนครก ปืนกลหนักของฝ่ายฝรั่งเศสก็เปิดฉากบุกโจมตีเมืองท่าแขกอย่างหนักหน่วง เครื่องบินขับไล่ “สปีดไฟท์” ๒ ลำทิ้งระเบิด ๔ ลูกลงใส่ตลาดกลางเมืองที่มีชาวเมืองหนาแน่น พริบตานั้นเอง เหมือนฝันร้ายที่ปรากฏต่อหน้า ผู้คนจำนวนมากกระเด็นกระจัดกระจายปลิวไปในอากาศ หลายสิบคนทอดร่างเสียชีวิตอยู่กลางตลาด และหลายสิบคนบาดเจ็บสาหัส เหยื่อความโหดร้ายเหล่านี้ส่วนใหญ่คือผู้หญิงและเด็ก และในทันใดนั้นปืนใหญ่ของฝรั่งเศสที่ตั้งอยู่รอบเมืองท่าแขกก็โหมกระหน่ำยิงเข้ามา
ประชาชนชาวเมืองท่าแขกแตกฮือไหลหลั่งลงสู่ฝั่งโขง บางส่วนขึ้นเรือพาย บางส่วนก็ลอยคอไป ภาพจากมุมสูงปรากฏต่อสายตาเหมือนหนึ่งมดจำนวนมากลอยอยู่ในน้ำ ไม่ถึงชั่วโมงต่อมา สปีดไฟท์อีก ๒ ลำ ก็ทิ้งระเบิดลงใส่เรือหมากกระแชงจนไฟลุกท่วมไหลล่องไปตามน้ำ อึดใจต่อมาก็ยิงจรวดลงใส่เรือ และใส่ฝูงชนที่กำลังลอยคอและที่กำลังลุยข้ามนำโขงมายังฝั่งไทย ผู้หญิงและเด็กได้รับบาดเจ็บและล้มตาย ศพของผู้เสียชีวิตไหลล่องไปตามน้ำเป็นจำนวนมาก ผู้ที่รอดชีวิตมาถึงฝั่งไทยได้หันกลับไปมองญาติพี่น้องที่ไม่พ้นจากคราวเคราะห์ น้ำตาและเสียงโหยร่ำไห้ดังก้องระงมไปทั่วริมฝั่ง ก่อให้เกิดความสะเทือนใจและน่าเวทนาอย่างหาอันใดมาเปรียบได้
๑๐.๓๐ น. บรรดาแนวป้องกันของฝ่ายอภิวัฒน์ลาวก็ยังคงรักษาเมืองท่าแขกเอาไว้ได้ เจ้าสุภานุวงศ์เป็นผู้บัญชาการบรรดาแนวป้องกันกันเหล่านั้น และได้สู้รบกับข้าศึกอย่างไม่หวาดหวั่น อย่างไรก็ตามแม้ว่ากองทหารฝรั่งเศสจะได้รับความเสียหายอย่างหนัก แต่ก็ยังบุกคืบหน้าเข้ามาเรื่อยๆ ทุกบาทก้าวของกองทหารฝรั่งเศสได้รับการยิงคุ้มกันจากปืนใหญ่ รถหุ้มเกราะและการทิ้งระเบิดของเครื่องบินขับไล่ “สปีดไฟท์” เครื่องบินขับไล่ได้ทิ้งระเบิด ๘ ลูกและยิงปืนกลกราดลงใส่ทหารฝ่ายลาวที่แนวป้องกันทางด้านใต้ของตัวเมืองอย่างหนักจนทหารฝ่ายอภิวัฒน์ลาวต้องถอย แล้วแนวป้องกันทางด้านตะวันออกก็แตก ยังเหลือแต่แนวป้องกันด้านทิศเหนือ กองทหารฝรั่งเศสได้บุกเข้ามาถึงกลางเมือง สภาพการณ์ของกองทหารลาวอยู่ในความอลหม่านสาละวน.
๑๒ น.กองเสนาธิการร้องขอให้เจ้าสุภานุวงศ์ลงเรือยนต์ข้ามโขงไปฝั่งไทย แต่ท่านยังไม่ไปในทันที ยังคงรอฟังรายงานสถานการณ์จากแนวรบ ไม่ช้าก็ทราบว่าไม่อาจจะรักษาท่าแขกไว้ได้ เพราะทหารฝรั่งเศสบุกเข้ามาถึงกลางเมืองแล้ว กองทหารฝ่ายฝรั่งเศสยังคงระดมยิงปืนใหญ่ อีกทั้งยังใช้เครื่องบินขับไล่ทิ้งระเบิดและยิงปืนกลกราดลงมาใส่ ในที่สุดบรรดาแนวป้องกันทุกด้านของฝ่ายอภิวัฒน์ลาวก็แตกหมด
No comments:
Post a Comment