Tuesday, March 17, 2009

ลำดับ๕๐๕.สงครามลับของCIAในลาว(๑๘)

สงครามลับของ CIA ในลาว
บทที่๑๘ แผนสังหารของ ซี.ไอ.เอ.

เบอร์เซ็ตต์ นักหนังสือพิมพ์ชาวออสเตรเลียได้กล่าวต่อไปในหนังสือของเขาว่า

“มีการผ่อนปรนในคำสั่งขับผมออกจากลาวด้วยการยืดเวลาให้ไปเครื่องบินเที่ยวต่อไป จึงทำให้ผมมีเวลาพบกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหลายคนซึ่งได้เล่าให้ฟังว่า มีการติดสินบน “ซื้อเสียง” จำนวนมหึมาเพื่อให้ออกเสียงไม่เห็นด้วยกับสัญญาสงบศึกที่กรุงเจนีวา การช่วยเหลือทางการเงินถูกยับยั้งเพื่อให้สอดคล้องกับคำขู่ของทูตอเมริกันที่ว่า รัฐสภาอเมริกันจะไม่ยอมอนุมัติการให้เงินรัฐบาลลาวที่มีคอมมิวนิสต์ร่วมอยู่ด้วย ร้อนถึงเนห์รูต้องเข้าแทรกแซงโดยติดต่อถึงประธานาธิบดีไอเซนฮาวเออร์โดยตรง ดอลล่าร์จึงไหลมาอย่างเดิม”

“ก่อนผมจะออกเดินทาง มีเหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้น ผมกับภรรยาซึ่งเดินทางมาด้วยในเที่ยวนี้ แวะเข้าไปในบาร์เล็กๆ เพื่อดื่มเครื่องดื่มก่อนจะออกเดินทางในตอนบ่าย เมื่อเข้าไปในร้านมีลูกค้านั่งอยู่แล้วคนหนึ่ง แม้ว่าจะมีโต๊ะว่างอยู่หลายโต๊ะ แต่ลูกค้าคนนี้ก็เดินแอ๋มาที่โต๊ะเรา พูดด้วยสำเนียงอเมริกันชัดเจนขอร่วมโต๊ะด้วย ผมตอบว่า “อย่าเลย เรามาที่นี่เพื่อจะคุยกันเงียบๆ แล้วโต๊ะว่างก็มีอยู่ตั้งเยอะ” เขาก็เดินแอ๋ส่งเสียงโอ้กอ้ากไปโต๊ะอื่น อีกครู่เดียวก็ออกไปล้มตัวลงบนสามล้อคันหนึ่งนอกบาร์ ทำท่าเหมือนหลับไป

ผมเรียกบริกรซึ่งเป็นชาวฝรั่งเศสมาเก็บเงิน เขาก็พูดขึ้นด้วยเสียงกระซิบว่า

“มันไม่เมาหรอก มันเป็นสาย ซี.ไอ.เอ. ผมรู้ เพราะผมอยู่ เดอเซียม เบอโร(สำนักสืบงานลับของฝรั่งเศส) อย่าให้มันหลอกได้ ระวังรถของมัน—มีเครื่องพิเศษอยู่ข้างใน”

ถึงตอนนี้ อเมริกันคนนั้นขยับตัวลงมาจากรถสามล้อแล้วขึ้นไปนั่งรถจิ๊ปที่ๆคนขับ ดูเหมือนจะควานหาเกียร์อยู่ พอเราออกมาที่ทางเดินเท้า รถจิ๊ปคันนั้นก็พุ่งเข้าใส่เราราวกับจรวด ถ้าผมไม่กระโดดหลบแล้วเหวี่ยงแขนปัดภรรยาผงะไปข้างหลัง เราทั้งสองคนก็จะถูกชนไปติดกำแพงหินซึ่งเป็นผนังด้านนอกของบาร์ รถจิ๊ปคันนั้นหักเลี้ยวกลับออกถนนไปอย่างบ้าบิ่นส่งเสียงกระหึ่มไปตามถนนจนลับตา

ถ้าหากมี “อุบัติเหตุ” เกิดขึ้น มันก็จะกลายเป็นเรื่องคนขับ “เมาเหล้า” แล้วก็มีเอกสิทธิ์ได้รับความคุ้มครองทางการทูตด้วย อย่างดีก็จะบินออกไปนอกประเทศเพื่อไม่ต้องถูกนำตัวขึ้นพิจารณาคดีในศาล”

“เช้าวันรุ่งขึ้นก่อนเครื่องบินจะออก เราแวะไปที่บาร์นั้นอีกครั้ง เพื่อขอบใจชาวฝรั่งเศสประจำบาร์คนนั้น “ผมไม่รู้ว่าคุณพูดเรื่องอะไร” ชาวฝรั่งเศสผู้นั้นพูด “ผมไม่เคยเห็นหน้าคุณมาก่อน”

ไม่ว่าชายผู้นี้จะเป็นสายของ “เดอเซียม เบอโร” จริงหรือไม่ ผมไม่มีวันจะรู้ได้และถ้าเขาเป็นจริง ทำไมเขาจึงมาเปิดเผยตัวในเวลาที่ผิดธรรมดาเช่นนี้ บางที เขาต้องการจะให้เราได้ตระหนักถึงคำเตือนของเขาว่าเป็นเรื่องรีบด่วนร้ายแรงก็เป็นได้

ในตอนนั้นจนกระทั่งถึงบัดนี้ฝรั่งเศสเป็นปฏิปักษ์อย่างร้ายแรงต่อความพยายามของอเมริกันที่จะเข้าครอบครองลาวทั้งประเทศและเมื่อคำกล่าวหาของอเมริกันทีว่า ผมเป็นตัวการสำคัญในการ “นำเจ้าพี่ เจ้าน้องมารวมกัน” และสนับสนุนนโยบายเป็นกลางมีขึ้น ฝรั่งเศสจึงอาจมีความสนใจไม่ต้องการเห็นผมถูก ซี.ไอ.เอ. ใช้รถชนตายก็เป็นได้

อเมริกันคนนั้นคาดหมายได้ว่าผมและภรรยาจะต้องมาที่บาร์ในตอนนั้น เพราะผมมีนัดกับนักหนังสือพิมพ์อเมริกันอีกคนหนึ่งซึ่งไม่ได้มาตามนัดเช่นเดียวกับ “อุบัติเหตุรถจิ๊ป” ซึ่งมีขึ้นเมื่อสอง-สามสัปดาห์ก่อนในกรุงเอเธนส์ นครหลวงของกรีซ แลมบรากีส ผู้นำฝ่ายซ้ายถูกรถยนต์ชนตายโดยสาย ซี.ไอ.เอ. เป็นผู้ขับ

เราถือว่าโชคดีที่รอดมาได้ ถ้าเราไม่ถูกเตือนเสียก่อนคงจะออกเดินจากบาร์ตรงไปถนนซึ่งเป็นทางออกตามปกติของคนที่ออกจากบาร์นี้ แล้วเราก็คงจะถูกชนจนไปปะทะเข้ากับรถบรรทุกคันใหญ่ ซึ่งจอดอยู่ข้างหน้ารถจิ๊ปห่างกันเพียงสองสามหลาเท่านั้น แต่หลังจากเหตุการณ์ครั้งนี้แล้วจนกระทั่งเราไปถึงฮานอยก็ไม่มีเหตุการณ์ใดๆเกิดขึ้นอีก”

No comments: