บทที่ ๗ แผนลวงไปฆ่าทิ้ง
นโยบายของภูมี หน่อสวันไม่มีอะไรแตกต่างจากรัฐบาลของผุย ชนะนิกร ที่ผ่านมามีแต่เพิ่มดีกรีของความทารุณโหดร้ายป่าเถื่อนมากยิ่งขึ้น ส่วนท่าทีต่อผู้นำแนวลาวรักชาติที่คุกโพนเค็งก็ร้ายแรงยิ่งขึ้นเช่นกัน พวกเขาพยายามสร้างประชามติขึ้นมาในเวียงจันทน์เพื่อเรียกร้องให้ประหารชีวิตเจ้าสุภานุวงศ์และพวก แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จเพราะไม่ได้รับความร่วมมือจากประชาชน จะมีก็เพียงส่วนน้อยที่พวกเขาจ้างวานมาเท่านั้น
ในขณะเดียวกันบรรดากำลังติดอาวุธและกึ่งติดอาวุธฝ่ายแนวลาวรักชาติก็ได้จัดตั้งรวบรวมขึ้นอย่างรวดเร็วมีถึง ๓๐๐ หมวด ทำหน้าที่โฆษณาติดอาวุธอยู่ในทุกแขวงของประเทศ และขบวนการประชาชนลาวที่ได้เคลื่อนไหวเรียกร้องให้ปล่อยตัวเจ้าสุภานุวงศ์และคณะนับวันจะเพิ่มมากขึ้น ในขอบข่ายทั่วโลกก็ได้มีการกดดันให้รัฐบาลราชอาณาจักรลาวปล่อยตัวเจ้าสุภานุวงศ์และคณะเช่นเดียวกัน
ในช่วงเวลาที่เจ้าสุภานุวงศ์และคณะถูกรัฐบาลภูมี หน่อสวันกักขังไว้กว่า ๓๐๐ วัน การเคลื่อนไหวเรียกร้องให้ปล่อยตัวเจ้าสุภานุวงศ์และคณะก็มีมากขึ้นทั้งภายในประเทศและองค์การนอกประเทศ ภูมี หน่อสวันจึงคิดหาทางออกโดยการเดินตามรอยตีนตำรวจไทยในยุคอัศวินผยอง ที่ย้ายห้องขัง ๔ รัฐมนตรีไปยิงทิ้งที่บางเขน แล้วอ้างว่าโจรจีนคอมมิวนิสต์มาลายูมาแย่งตัว
สหายสิงกะโป สีโคตจุนนะมาลี พูดถึงเรื่องนี้ไว้ว่า
“มีข่าวหนึ่งเหมือนกับฟ้าผ่าลงมาบนหัว เมื่อท้าวหวาแจ้งให้ทราบว่าทางการจะย้ายพวกเราไปขังไว้ที่อื่น”
คณะกรรมการหน่วยพรรคภายในคุกพร้อมด้วยพวกเราได้ปรึกษาหารือกันและสรุปว่ามันเป็นแผนการเอาเสือออกไปฆ่า โดยที่พวกเขาไม่เคยนำพาต่อคำเรียกร้องของประชาชนลาว และคำเรียกร้องของชาวโลกที่ขอให้ปลดปล่อยพวกเรา
พวกเราประเมินสถานการณ์ว่ามันเป็นแผนการอุบาทว์ของภูมี หน่อสวันเพื่อสร้างฉากละครสังหารขึ้นฉากหนึ่ง โดยแต่งทหารขึ้นสองหมวด หมวดหนึ่งคือทหารราชอาณาจักรลาว อีกหมวดหนึ่งแต่งแบบทหารแนวลาวรักชาติ ทหารราชอาณาจักรมีหน้าที่ไปรับพวกเราออกจากคุกเพื่อย้ายไปขังคุกอื่น อาจเป็นเวลากลางวันหรือกลางคืน พอพวกเราไปถึงที่แห่งหนึ่งแห่งใดแล้ว ทหารที่แต่งเครื่องแบบทหารแนวลาวรักชาติที่พวกเขาเตรียมไว้แล้วก็จะจู่โจมเข้าชิงตัวนักโทษการเมือง ผลของการชิงตัวนักโทษก็คือ ปลายกระบอกปืนของทั้งสองพวกนั้นเล็งเป้าหมายใส่จุดเดียวกันคือพวกเรา!
แล้วภูมี ก็จะออกแถลงการณ์แสดงละครฉากต่อไปเพื่อลวงโลกว่า เป็นที่น่าเสียใจต่อการแย่งชิงตัวนักโทษทางการเมืองของฝ่ายแนวลาวรักชาติซึ่งทำให้แกนนำฝ่ายแนวลาวรักชาติทั้ง ๑๖ คนต้องเสียชีวิต
นโยบายของภูมี หน่อสวันไม่มีอะไรแตกต่างจากรัฐบาลของผุย ชนะนิกร ที่ผ่านมามีแต่เพิ่มดีกรีของความทารุณโหดร้ายป่าเถื่อนมากยิ่งขึ้น ส่วนท่าทีต่อผู้นำแนวลาวรักชาติที่คุกโพนเค็งก็ร้ายแรงยิ่งขึ้นเช่นกัน พวกเขาพยายามสร้างประชามติขึ้นมาในเวียงจันทน์เพื่อเรียกร้องให้ประหารชีวิตเจ้าสุภานุวงศ์และพวก แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จเพราะไม่ได้รับความร่วมมือจากประชาชน จะมีก็เพียงส่วนน้อยที่พวกเขาจ้างวานมาเท่านั้น
ในขณะเดียวกันบรรดากำลังติดอาวุธและกึ่งติดอาวุธฝ่ายแนวลาวรักชาติก็ได้จัดตั้งรวบรวมขึ้นอย่างรวดเร็วมีถึง ๓๐๐ หมวด ทำหน้าที่โฆษณาติดอาวุธอยู่ในทุกแขวงของประเทศ และขบวนการประชาชนลาวที่ได้เคลื่อนไหวเรียกร้องให้ปล่อยตัวเจ้าสุภานุวงศ์และคณะนับวันจะเพิ่มมากขึ้น ในขอบข่ายทั่วโลกก็ได้มีการกดดันให้รัฐบาลราชอาณาจักรลาวปล่อยตัวเจ้าสุภานุวงศ์และคณะเช่นเดียวกัน
ในช่วงเวลาที่เจ้าสุภานุวงศ์และคณะถูกรัฐบาลภูมี หน่อสวันกักขังไว้กว่า ๓๐๐ วัน การเคลื่อนไหวเรียกร้องให้ปล่อยตัวเจ้าสุภานุวงศ์และคณะก็มีมากขึ้นทั้งภายในประเทศและองค์การนอกประเทศ ภูมี หน่อสวันจึงคิดหาทางออกโดยการเดินตามรอยตีนตำรวจไทยในยุคอัศวินผยอง ที่ย้ายห้องขัง ๔ รัฐมนตรีไปยิงทิ้งที่บางเขน แล้วอ้างว่าโจรจีนคอมมิวนิสต์มาลายูมาแย่งตัว
สหายสิงกะโป สีโคตจุนนะมาลี พูดถึงเรื่องนี้ไว้ว่า
“มีข่าวหนึ่งเหมือนกับฟ้าผ่าลงมาบนหัว เมื่อท้าวหวาแจ้งให้ทราบว่าทางการจะย้ายพวกเราไปขังไว้ที่อื่น”
คณะกรรมการหน่วยพรรคภายในคุกพร้อมด้วยพวกเราได้ปรึกษาหารือกันและสรุปว่ามันเป็นแผนการเอาเสือออกไปฆ่า โดยที่พวกเขาไม่เคยนำพาต่อคำเรียกร้องของประชาชนลาว และคำเรียกร้องของชาวโลกที่ขอให้ปลดปล่อยพวกเรา
พวกเราประเมินสถานการณ์ว่ามันเป็นแผนการอุบาทว์ของภูมี หน่อสวันเพื่อสร้างฉากละครสังหารขึ้นฉากหนึ่ง โดยแต่งทหารขึ้นสองหมวด หมวดหนึ่งคือทหารราชอาณาจักรลาว อีกหมวดหนึ่งแต่งแบบทหารแนวลาวรักชาติ ทหารราชอาณาจักรมีหน้าที่ไปรับพวกเราออกจากคุกเพื่อย้ายไปขังคุกอื่น อาจเป็นเวลากลางวันหรือกลางคืน พอพวกเราไปถึงที่แห่งหนึ่งแห่งใดแล้ว ทหารที่แต่งเครื่องแบบทหารแนวลาวรักชาติที่พวกเขาเตรียมไว้แล้วก็จะจู่โจมเข้าชิงตัวนักโทษการเมือง ผลของการชิงตัวนักโทษก็คือ ปลายกระบอกปืนของทั้งสองพวกนั้นเล็งเป้าหมายใส่จุดเดียวกันคือพวกเรา!
แล้วภูมี ก็จะออกแถลงการณ์แสดงละครฉากต่อไปเพื่อลวงโลกว่า เป็นที่น่าเสียใจต่อการแย่งชิงตัวนักโทษทางการเมืองของฝ่ายแนวลาวรักชาติซึ่งทำให้แกนนำฝ่ายแนวลาวรักชาติทั้ง ๑๖ คนต้องเสียชีวิต
No comments:
Post a Comment