การอภิวัฒน์ของประชาชนลาว-เจ้าชีวิตสว่างวงสละราชสมบัติ
บทที่ ๑๘ เจ้าชีวิตสว่างวงสละราชสมบัติ
หลัง “คณะกรรมการราษฎร” ประกาศเอกราชและอิสรภาพ ส่งผลให้ลาวมีรัฐบาลเอกราชเป็นครั้งแรก หลังจากนั้นรัฐบาลได้โทรเลขแจ้งไปยังนานาประเทศเพื่อให้รับรู้และรับรองการเป็นเอกราช ทว่ามีเพียงเวียดนามประเทศเดียวเท่านั้นที่ให้การรับรองในทันที นอกนั้นไม่มีประเทศอื่นใด
รัฐบาลฝรั่งเศสได้ออกมาแถลงคัดค้านการประกาศเอกราชและอิสรภาพโดยถือว่า เจ้าชีวิตสว่างวงผู้เป็นประมุขสูงสุดของประเทศ ได้ยินยอมให้ฝรั่งเศสกลับเข้ามามีอำนาจปกครองลาวดังเดิม จึงตอบโต้รัฐบาลเอกราชด้วยการถอนเงินในคลังออกไปเป็นจำนวนมาก จนส่งผลให้เกิดภาวะเงินฝืดขึ้นในประเทศ และเมื่อกองทัพญี่ปุ่นถอนตัวออกไปจากลาว ก็ได้ขนเงินออกไปอีกเป็นเป็นจำนวนมาก ช่วงนั้นมีเงินเหลือคงคลังไม่ถึงหนึ่งแสนกีบ ส่งผลให้ลาวต้องเผชิญกับวิกฤตด้านเศรษฐกิจการเงินอย่างรุนแรง
ต่อปัญหาดังกล่าว “สมาคมลาวเป็นลาว” ขบวนการชาตินิยม ที่แสดงจุดยืนว่าเป็นสมาคมของคนลาวผูรักชาติ ได้เข้ามามีบทบาทในการพยุงฐานะทางเศรษฐกิจของรัฐบาล ด้วยการขออนุญาตต่อรัฐบาลลาวอิสระ ทำการเรี่ยไรเงินจากประชาชนทั่วประเทศ เพื่อนำมาใช้จ่ายในภาครัฐและใช้ในการซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ป้องกันประเทศ พร้อมกันนี้ทางด้านรัฐบาลลาวอิสระได้ติดต่อขอความช่วยเหลือไปยังประเทศเวียดนามขอแบ่งเงินงบประมาณที่รวมกันอยู่ทั้งสามประเทศ ตามที่ฝรั่งเศสได้จัดสรรงบประมาณไว้ให้ลาวทั้งสิ้น ๔ ล้านกีบ ทว่าคำร้องขอดังกล่าวไม่เป็นผล ด้วยเหตุนี้รัฐบาลลาวอิสระจึงคิดหาทางออกด้วยการพิมพ์ธนบัตรออกมาใช้เองใบละ ๕๐ อัฐและ ๑๐ กีบ
นอกเหนือจากปัญหาภาวะวิกฤตด้านการคลังแล้ว ลาวยังต้องเผชิญกับปัญหาที่หนักหน่วงไม่แพ้กัน นั่นก็คือ รัฐบาลไม่มีกำลังทหารและไม่มีอาวุธยุทโธปกรณ์มากพอที่จะต่อต้านฝรั่งเศส ซึ่งหวนกลับมาเป็นเจ้าอาณานิคมใหม่
ด้านคณะกรรมการราษฎรได้ยุบตัวเองและยุติบทบาทลงโดยปริยาย ตามมาตรา ๑๔ แห่งรัฐธรรมนูญชั่วคราว ทั้งนี้เนื่องจากในการตั้งสภาผู้แทนราษฎร ผู้ได้รับเลือกให้เข้ามาส่วนใหญ่เนสมาชิกในคณะกรรมการราษฎรนั่นเอง
หลังจากตั้งรัฐบาลอิสระขึ้นเป็นทางการเรียบร้อยแล้ว เกิดปัญหามีรัฐบาลซ้ำซ้อนสองรัฐบาล คือ รัฐบาลหลวงพระบาง ซึ่งมีเจ้าเพ็ดชะลาดเป็นนายกรัฐมนตรีหลังถูกเจ้าชีวิตปลดออกจากตำแหน่งมหาอุปราช ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่งวันที่ ๑๐ ตุลาคม พ.ศ.๒๔๘๘ และรัฐบาลลาวอิสระ ซึ่งมีพญาคำม้าวเป็นนายกรัฐมนตรี
รัฐบาลอิสระได้เสนอลู่ทางการแก้ปัญหาดังกล่าว โดยโทรเลขไปยังเจ้าชีวิตสว่างวง ขอให้รับรองว่า รัฐบาลลาวอิสระเป็นของพระองค์เพียงรัฐบาลเดียวและในการดำเนินการดังกล่าว รัฐบาลลาวอิสระได้ขอให้เจ้าชีวิตสว่างวงตอบกลับภายใน ๒๔ ชั่วโมง หากว่าเลยกำหนดนี้แล้วมิได้รับคำตอบประการใด รัฐบาลลาวอิสระก็จะดำเนินงานทุกอย่างเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ
ทว่าไม่มีคำตอบใดๆ จากเจ้าชีวิตสว่างวง รัฐบาลลาวอิสระจึงได้ส่งกำลังทหารจำนวนหนึ่งพร้อมกับคณะกรรมการพิเศษ ลงเรือเดินทางไปยังหลวงพระบางเพื่อกราบทูลทำความเข้าใจ แต่ยังไม่ทันเดินทางไปถึงเมืองหลวงพระบาง บรรดาประชาชนซึ่งมีเจ้าบุนยะวัติ เจ้าแขวงหลวงพระบางเป็นหัวหน้า ได้พากันเข้ากราบทูลให้ทราบถึงการประกาศเอกราชและอิสรภาพ เจ้าชีวิตสว่างวงจึงได้ประกาศสละราชสมบัติ โดยให้เหตุผลว่า สุขภาพไม่สมบูรณ์เนื่องจากทรงดำเนินการกิจมานาน ทำหน้าที่เป็นเจ้าชีวิตสืบราชสมบัติแทน
จากนั้นในวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๘๘ เจ้าสีสว่างวง อดีตเจ้าชีวิตก็ได้ส่งบันทึกลงวันที่ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๔๘๘ ให้คำมั่นสัญญาแก่รัฐบาลลาวอิสระ ซึ่งมีพญาคำม้าวเป็นนายกรัฐมนตรี ๓ ข้อ มีใจความสำคัญดังนี้
๑. ข้าพเจ้าสีสว่างอยู่ภายใต้การปกครองของประเทศลาวอย่างแท้จริง
๒. ช่วงที่ข้าพเจ้าเป็นเจ้าชีวิตอยู่นั้น มิได้ลงนามในสัญญากับทูตฝรั่งเศสผู้หนึ่งผู้ใด เกี่ยวกับประเทศชาติลาว และ
๓. รัฐบาลใหม่นี้ตั้งขึ้นโดยประการใดก็ดี ข้าพเจ้ามิได้ผูกอาฆาตพยาบาทต่อคณะกรรมการราษฎรแต่อย่างใด ขอให้อโหสิกรรมเลิกแล้วต่อกัน ดังนั้นข้าพเจ้าจึงได้ทำหนังสือนี้ไว้เป็นสำคัญ”
No comments:
Post a Comment