Thursday, April 2, 2009

ลำดับ๕๒๒.แหกคุกโพนเค็งบันลือโลก(๑๐)

บทที่ ๑๐.เรื่องวุ่นๆ ที่จุดนัดพบ

การเตรียมตัวหนีจากคุกโพนเค็งได้เริ่มขึ้น ทุกคนอยู่ในสภาพพร้อม และเพื่อความคล่องตัวทุกคนจึงไม่มีเป้หรือสิ่งของใดติดตัวไป เพียงแต่สวมเสื้อสารวัตรทหารซ้อนไว้ แต่เจ้าสุภานุวงศ์เท่านั้นที่มีเสื้อกันฝน ท้าวเชียงสมที่ท่านสาลี วงศ์คำซาวส่งเข้ามานำทางแหกคุก ได้นำอาหารอย่างง่ายๆมาแจกจ่ายแก่ทุกคนเพื่อเป็นอาหารกลางทางช่วงที่หลบหนี

ลมยังคงพัดแรง ฝนเบาลงกลายเป็นพรำๆ คณะชุดที่ ๑ เริ่มก้าวขาออกจากประตูคุก ตามด้วยชุดที่ ๒ แล้วก็ชุดของสหายสิงกะโปที่มีอาวุธครบมือเตรียมพร้อมจะลั่นทันทีที่มีอะไรเกิดขึ้น พวกเขาเดินผ่านหน้ารถถังไป พลันนั้นทหารนายหนึ่งโผล่หัวขึ้นมาจากรถถังแล้วก็ผลุบลงไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น.

คณะผู้แหกคุก หมอบๆ คลานๆ เลาะเลียบไปตามริมรั้วและแยกกันออกเป็นหลายจุด เพื่อสะดวกแก่การข้ามรั้ว สหายสิงกะโปเหยียบลงไปที่สุนัขตัวหนึ่งที่นอนอยู่ใต้เรือนทหารผู้คุม มันส่งเสียงร้องและวิ่งหนีไป คณะจึงต้องรีบลอดรั้วออกไป ไปยังห้วยร่องแชง และนัดหมายจุดรวมตัวกันที่ป่าไม้ฉำฉาใกล้ห้วยร่องแชง

ได้มีการกำหนดสัญญาณถามตอบเพื่อให้รู้ว่าเป็นพวกเดียวกันหรือไม่ คือ สัญญาณว่า ถ้า ถาม "เดือน"ให้ตอบว่า "ดาว" และถ้าถาม "ดาว" ก็ให้ตอบว่า "เดือน" และเพื่อความแน่นอนจึงได้กำหนดไว้ว่าคนที่ถามก่อน จะต้องถามว่า “เดือน” และตอบว่า “ดาว” ไม่ให้ถามดาวก่อน

แล้วคณะหลบหนี ก็ทะยอยไปถึงจุดนัดหมายที่ป่าไม้ฉำฉาที่ปกคลุมมืดมิดเหมือนอยู่ในถ้ำ เมื่อสำรวจตรวจนับดูว่ามากันครบทั้งคณะแล้วหรือยัง ทุกคนในที่นั่นก็ต้องตกใจอย่างยิ่ง เพราะผู้ที่ยังมาไม่ถึงจุดนัดหมายคือ เจ้าสุภานุวงศ์ และสหายสีชนะ สีสาน!

ทั้งหมดจึงพากันเดินย้อนกลับไปตามทางที่หลบหนีมา จนพบเจ้าสุภานุวงศ์และท่านสีชนะ อยู่ในร่องแชง ไม่สามารถจะปีนขึ้นมาได้ เมื่อช่วยทั้ง ๒ ท่านขึ้นมาแล้ว ทั้งหมดจึงกลับไปที่จุดนัดพบที่ป่าไม้ฉำฉา

แต่ทั้งคณะก็ยังคงต้องรอคอยท้าวกองคำที่ไปรับ มหา ๔ ท่านที่ลาสิกขาออกมาช่วยต่อสู้ การรอคอยจึงเต็มไปด้วยความกระวนกระวายเป็นอย่างยิ่ง เพราะไม่ช้าค่ายทหารก็จะรู้ว่าผู้ถูกคุมขังได้แหกคุกหลบหนีและจะต้องออกตามล่าอย่างแน่นอน

สักครู่ต่อมาที่ยาวนานเหมือนเป็นปี ปรากฏแสงไฟฉายปรากฏมาจากที่ไกลๆ ทั้งหมดตื่นตัวขึ้นมาจากการหยุดพักเพราะอาจจะเป็นฝ่ายตามล่ากำลังใกล้เข้ามา และเพื่อความปลอดภัยจึงได้ขอให้เจ้าสุภานุวงศ์และผู้นำท่านอื่นๆหลบเข้าที่กำบัง เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ไม่ชอบมาพากล คณะที่ถืออาวุธก็จะลงมือก่อน

เมื่อแสงไฟฉายเข้ามาใกล้ก็ดับลง และเสียงหนึ่งก็ถามขึ้นว่า “ดาว” ซึ่งผิดจากที่ตกลงกันว่าจะต้องถามว่า “เดือน” สหายสิงกะโปจึงสั่งให้ทุกคนเตรียมพร้อม และสหายก็ร้องถามไปว่า “เดือน” เสียงจากฝ่ายนั้นตอบกลับว่า “ดาว” จึงเป็นอันโล่งใจได้ว่าเป็นพวกเดียวกัน เพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้นเกือบจะต้องยิงกันเองอยู่แล้ว.

No comments: