Wednesday, April 29, 2009

ลำดับ๖๑๑.ยุทธการภูผาที(๑๒)

บทที่๑๒ อุปกรณ์เริ่มทำงาน

ถึงตอนนี้คอมมานโดคลับได้เริ่มปฏิบัติการแล้ว จากยอดภูผาทีที่ต้นฝิ่นแข่งกันออกดอกเบ่งบานไหวอยู่ในสายลมโชย คลื่นสัญญาณอิเล็คทรอนิกส์จากคอมมานโดคลับถูกส่งออกไปยังเวิ้งอากาศภายนอก

เหนือขึ้นไปบนท้องฟ้าสูงลิบจนไม่มีใครมองเห็น นักบินเครื่องบินไอพ่นความเร็วเหนือเสียงของกองทัพอากาศ และกองทัพเรืออเมริกันนำเครื่องล่องตามคลื่นสัญญาณอิเล็คทรอนิกส์มุ่งหน้าสู่เป้าหมายบริเวณหุบเขาของนครฮานอยที่มีกลุ่มเมฆปกคลุมอยู่หนาทึบ เมื่ออยู่เหนือเป้าหมายลูกระเบิดถูกทิ้งลงมาจากความสูง ๒๐,๐๐๐ ฟิต ผ่านกลุ่มเมฆหนาของฤดูหนาวลงสู่เป้าหมายขนาดเท่าสนามฟุตบอลอย่างแม่นยำ ซึ่งเป็นผลจากสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์ชี้เป้าควบคุมจังหวะปล่อยลูกระเบิด ไม่มีประเทศใดสามารถพัฒนาศักยภาพการทิ้งระเบิดระดับสูงทุกกาลอากาศแบบนี้ได้มาก่อน

นอกจากคอมมานโดคลับแล้ว มีอุปกรณ์ลักษณะเดียวกันนี้ถูกติดตั้งอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย สำหรับนำร่องเครื่องบินเข้าโจมตีเป้าหมายบริเวณโฮจิมินห์ เทรล และยังมีอยู่ในบริเวณเวียดนามใต้สำหรับฝูงบินทิ้งระเบิดที่ปฏิบัติการอยู่ทางตอนล่างของเวียดนามเหนือ วิถีการปฏิบัติการของอุปกรณ์ดังกล่าวมีระยะทางประมาณ ๒๐๐ ไมล์ ทำให้ไม่สามารถใช้นำร่องเครื่องบินไปโจมตีทิ้งระเบิดในพื้นที่เลยไปจากทางเหนือของฮานอยได้ มีเพียงคอมมานโดคลับเพียงที่เดียวที่สามารถทำได้ เนื่องจากมันตั้งอยู่บนยอดดอยสูง ห่างจากชายแดนเวียดนามเหนือเพียงไม่เท่าไร

แม้ว่าเทคโนโลยีของอุปกรณ์ด้งกล่าวนี้จะทำงานได้อย่างสมบูรณ์แบบแต่ในช่วงสองเดือนแรกที่เริ่มนำมาใช้งานคือระหว่างเดือนพฤศจิกายนและธันวาคม ๒๕๑๐ เครื่องบินอเมริกันได้ใช้การนำร่องจากคอมมานโดคลับไม่มากนัก

ปัญหาใหญ่ก็คือเรื่องของบุคลากร นักบินส่วนใหญ่ไม่ชอบปล่อยการควบคุมเครื่องบินให้ตกเป็นหน้าที่ของระบบคอมพิเวตอร์ที่พวกเขาไม่รู้จักดีนัก พวกนักบินมักบ่นให้ได้ยินว่า ช่วงนาทีสุดท้ายก่อนปล่อยลูกระเบิดลงสู่เป้าหมาย เมื่อพวกเข้าต้องการรักษาระดับและทิศทางของเครื่อง ขณะที่คอมพิวเตอร์ทำการคำนวณพิกัด ความเร็ว และระยะทางสู้เป้าหมายเป็นครั้งสุดท้าย นั้นเป็นช่วงเวลาที่น่าอึดอัดที่สุด ช่วงนาทีนั้นสำหรับพวกเขาแล้วมันยาวนานเหมือนเป็นชั่วโมงและตลอดเวลาดังกล่าวพวกเขาก็ต้องหวาดเสียวระทึกขวัญ ว่าเมื่อไหร่จรวดแซมของข้าศึกจะทะลวงหมู่เมฆพุ่งตรงมาไล่ล่าพวกเขา

พวกเขายังไม่สบายใจนักที่ไม่สามารถมองเห็นเป้าหมายใต้หมู่เมฆเบื้องล่าง และมองไม่เห็นกับตาว่าเป้าหมายถูกทำลายไปแล้วหรือไม่ เจ้าหน้าที่ระดับนโยบายไม่ได้ติดตามประเมินผลลัพธ์ของโครงการนี้และรายงานของการโจมตีโดยอุปกรณ์ชิ้นใหม่จากเจ้าหน้าที่ภาคสนามก็ไม่น่าเชื่อถือนัก

No comments: