กลางปี ๒๕๑๐ รัฐบาลอเมริกันพยายามทุ่มเททุกทางยกเว้นเพียงการใช้กำลังทหารราบเข้าหยุดยั้งการแทรกซึมผ่านโฮจิมินห์ เทรลเท่านั้น กำลังทหารราบขณะนั้น มีทั้งพวกชาวเขาในลาว ชาวไทย (ทั้งพวกพารู และหน่วยรบพิเศษของกองทัพบกไทย) พวกเวียดนามใต้ ทหารรับจ้างชาวเอเชียอื่นๆ และหน่วยกรีนแบเรต์ของอเมริกา ส่วนแสนยานุภาพด้านอาวุธนั้น มีทั้งการทิ้งระเบิดจากเครื่องบินรบกองทัพอากาศ กองทัพเรือ รวมทั้งอุปกรณ์ที่คิดค้นขึ้นมาใหม่สำหรับสงครามลาวโดยเฉพาะ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอเมริกัน โรเบิร์ต แมคนามาร่า ได้มอบหมายให้กลุ่มนักวิทยาศาสตร์ในอเมริกาสำรวจความเป็นไปได้ในการสร้างสิ่งที่คล้ายรั้วไฟฟ้า ที่สามารถนำไปติดตั้ง เพื่อใช้ขวางเส้นทางสัญจรบริเวณโฮจิมินห์ เทรล ปรากฏว่าแนวคิดที่ถูกเรียกขานต่อมาว่า “รั้วของแมคนามาร่า” ไม่สามารถนำไปใช้ได้จริงในทางปฏิบัติ
อย่างไรก็ตาม มีการทุ่มเทเงินทุนในการวิจัยและพัฒนาจำนวนหลายพันล้านเหรียญ เพื่อค้นคิดสิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆหลายๆอย่างเพื่อนำมาใช้ในสงคราม สิ่งประดิษฐ์เหล่านั้นหลายอย่างถูกนำมาทดสอบที่อุดรฯ เช่น เครื่องตรวจวัดระยะไกล ที่อาศัยหลักทฤษฎีหลายอย่างประกอบกันทั้งจับความเคลื่อนไหว แรงสั่นสะเทือนจากเสียง กระทั่งตรวจหาคลื่นสนามแม่เหล็ก มีจุดประสงค์เพื่อหาที่ตั้งของขบวนรถบรรทุกข้าศึก
นอกจากนี้ยังมีการคิดค้นกล้องมองเวลากลางคืนจากเครื่องบินอีกหลายชนิด เช่น กล้องทีวีที่ต้องการแสงต่ำ รวมทั้งอุปกรณ์อัลฟาเรดรุ่นแรกๆ ที่ถูกคิดค้นขึ้นในช่วงนั้นเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีโครงการทำฝนเทียม โดยการนำเครื่องบินลำเลียงแบบซี-130 มาติดตั้งอุปกรณ์พิเศษ ที่สามารถโปรยผลึกเงินเฮไลด์ และสารเคมีตัวอื่นๆ ลงยังกลุ่มเมฆเพื่อให้เกิดเป็นฝนโปรยปรายทำความเฉอะแฉะแก่เส้นทางถนน
เซ็กคอร์ดและเพื่อนร่วมงานของเขาพบว่า นวัตกรรมที่ถูกนำมาใช้นี้แท้จริงแล้วไม่ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ ตัวอย่างเช่น โครงการฝนเทียมที่ถูกกล่าวขานว่าได้ทำให้เกิดฝนตกหนักลงบนที่ตั้งทหารพวกเดียวกันเอง จำนวนน้ำฝนที่ตกลงมาวัดได้ถึง ๖ ฟุตภายในเวลาเพียง ๑ ชั่วโมง ถล่มลงมาเหมือนฟ้ารั่ว ใส่หน่วยกรีนแบเรต์ทีมหนึ่งจนโงหัวไม่ขึ้น
โครงการพิเศษอีกโครงการหนึ่งคือการนำสารคัลกอน ดีเทอร์เจนท์น้ำหนักราว ๑๕๐,๐๐๐ ปอนด์มาโปรยลงยังบริเวณชุมทางใหญ่ๆของโฮจิมินห์ เทรล นักวิทยาศาสตร์ในอเมริกาอ้างว่าส่วนผสมของสารเคมีที่หาได้ตามซุปเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป เมื่อผสมกับน้ำฝนแล้ว จะทำให้พื้นผิวดินเกิดความลื่นเป็นอย่างมาก โปรเจคนี้มีชื่อว่า “โปรเจคโคลน”
ครั้งแรกมีการทิ้งสารนี้ลงบนโฮจิมินห์ เทรล ขณะฝนตก ข้าศึกนึกว่าพวกเขาถูกเล่นงานด้วยสงครามสารเคมีเข้าให้แล้ว แต่จากนั้นพวกข้าศึกก็พบความจริงว่าหาได้เป็นเช่นนั้นไม่ และพื้นดินของถนนบริเวณนั้นก็ไม่ได้ลื่นไปกว่าที่อื่นๆที่ไม่ได้โรยสาร มันจึงเป็นเรื่องเหลวไหลทั้งเพ.
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอเมริกัน โรเบิร์ต แมคนามาร่า ได้มอบหมายให้กลุ่มนักวิทยาศาสตร์ในอเมริกาสำรวจความเป็นไปได้ในการสร้างสิ่งที่คล้ายรั้วไฟฟ้า ที่สามารถนำไปติดตั้ง เพื่อใช้ขวางเส้นทางสัญจรบริเวณโฮจิมินห์ เทรล ปรากฏว่าแนวคิดที่ถูกเรียกขานต่อมาว่า “รั้วของแมคนามาร่า” ไม่สามารถนำไปใช้ได้จริงในทางปฏิบัติ
อย่างไรก็ตาม มีการทุ่มเทเงินทุนในการวิจัยและพัฒนาจำนวนหลายพันล้านเหรียญ เพื่อค้นคิดสิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆหลายๆอย่างเพื่อนำมาใช้ในสงคราม สิ่งประดิษฐ์เหล่านั้นหลายอย่างถูกนำมาทดสอบที่อุดรฯ เช่น เครื่องตรวจวัดระยะไกล ที่อาศัยหลักทฤษฎีหลายอย่างประกอบกันทั้งจับความเคลื่อนไหว แรงสั่นสะเทือนจากเสียง กระทั่งตรวจหาคลื่นสนามแม่เหล็ก มีจุดประสงค์เพื่อหาที่ตั้งของขบวนรถบรรทุกข้าศึก
นอกจากนี้ยังมีการคิดค้นกล้องมองเวลากลางคืนจากเครื่องบินอีกหลายชนิด เช่น กล้องทีวีที่ต้องการแสงต่ำ รวมทั้งอุปกรณ์อัลฟาเรดรุ่นแรกๆ ที่ถูกคิดค้นขึ้นในช่วงนั้นเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีโครงการทำฝนเทียม โดยการนำเครื่องบินลำเลียงแบบซี-130 มาติดตั้งอุปกรณ์พิเศษ ที่สามารถโปรยผลึกเงินเฮไลด์ และสารเคมีตัวอื่นๆ ลงยังกลุ่มเมฆเพื่อให้เกิดเป็นฝนโปรยปรายทำความเฉอะแฉะแก่เส้นทางถนน
เซ็กคอร์ดและเพื่อนร่วมงานของเขาพบว่า นวัตกรรมที่ถูกนำมาใช้นี้แท้จริงแล้วไม่ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ ตัวอย่างเช่น โครงการฝนเทียมที่ถูกกล่าวขานว่าได้ทำให้เกิดฝนตกหนักลงบนที่ตั้งทหารพวกเดียวกันเอง จำนวนน้ำฝนที่ตกลงมาวัดได้ถึง ๖ ฟุตภายในเวลาเพียง ๑ ชั่วโมง ถล่มลงมาเหมือนฟ้ารั่ว ใส่หน่วยกรีนแบเรต์ทีมหนึ่งจนโงหัวไม่ขึ้น
โครงการพิเศษอีกโครงการหนึ่งคือการนำสารคัลกอน ดีเทอร์เจนท์น้ำหนักราว ๑๕๐,๐๐๐ ปอนด์มาโปรยลงยังบริเวณชุมทางใหญ่ๆของโฮจิมินห์ เทรล นักวิทยาศาสตร์ในอเมริกาอ้างว่าส่วนผสมของสารเคมีที่หาได้ตามซุปเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป เมื่อผสมกับน้ำฝนแล้ว จะทำให้พื้นผิวดินเกิดความลื่นเป็นอย่างมาก โปรเจคนี้มีชื่อว่า “โปรเจคโคลน”
ครั้งแรกมีการทิ้งสารนี้ลงบนโฮจิมินห์ เทรล ขณะฝนตก ข้าศึกนึกว่าพวกเขาถูกเล่นงานด้วยสงครามสารเคมีเข้าให้แล้ว แต่จากนั้นพวกข้าศึกก็พบความจริงว่าหาได้เป็นเช่นนั้นไม่ และพื้นดินของถนนบริเวณนั้นก็ไม่ได้ลื่นไปกว่าที่อื่นๆที่ไม่ได้โรยสาร มันจึงเป็นเรื่องเหลวไหลทั้งเพ.
No comments:
Post a Comment