บทที่๑๙ ติดอาวุธรอบศูนย์
การจัดวางแนวป้องกันได้ถูกจัดการอย่างรีบเร่ง ซีไอเอ ได้ส่งทหารหน่วยรบพิเศษของไทยจำนวน ๘๐ คน ไปช่วยเสริมแนวรับของทหารม้งบนภูผาที มีเจ้าหน้าที่ภาคพื้นดินของแอร์ คอมมานโด ไปสมทบเพื่อทำหน้าที่ประสานการโจมตีทางอากาศ สนามเพลาะ และบังค์เกอร์ถูกขุดขึ้นทุกหนแห่ง กับระเบิดถูกวางตามแนวป้องกันรอบฐานที่มั่น ไม่เว้นกระทั่งด้านหลังของฐานเผื่อไว้ในกรณีข้าศึกอาจพยายามปีหน้าผาสูงชันเกือบ ๙๐ องศาขึ้นมา
อาวุธอานุภาพร้ายแรงที่สุดที่ชอปเปอร์สามารถลำเลียงขึ้นมาได้ คือ ปืนโฮวิทเชอร์ ขนาด ๑๐๕ มม.และปืนครกขนาด ๔.๒นิ้ว ได้ถูกนำไปติดตั้งตรงจุดสูงสุดบนยอดเขา แต่ถึงแม้ว่าจะมีความพยายามวางแนวป้องกันฐานที่มั่นอย่างดีที่สุดเท่าที่เวลาจะอำนวยแล้วก็ตาม ก็ยังคงมีช่องโหว่อันเป็นจุดอ่อนของการตั้งรับบนภูผาที จุดอ่อนที่ว่าคือในฐานแห่งนี้ไม่มีทหารราบที่มีประสบการณ์เลยสักคนเดียว และก็ไม่มีใครมีคุณสมบัติเพียงพอจะทำหน้าที่ผู้บัญชาการการรบในฐานแห่งนี้ด้วย
จริงๆ แล้วสถานีเรดาห์แห่งนี้เป็นของกองทัพอากาศ ทว่าซีไอเอมีหน้าที่ป้องกันมันจากข้าศึกแต่ซีไอเอ ไม่สามารถเลือกวิธีการป้องกันเพราะเอกอัครราชทูตไม่ต้องการให้กองทัพยุ่งเกี่ยวในเรื่องนี้มากนัก เมื่อไม่ได้รับผิดชอบโดยตรง กองทัพอากาศจึงไม่ให้ความสนใจต่อสถานีเรดาห์ และเจ้าหน้าที่ของตนที่ถูกส่งขึ้นไปประจำข้างบน แม้ว่ามันจะเป็นโครงการที่พวกเขาริเริ่มขึ้นก็ตาม
เมื่อไม่มีใครให้ความสนใจจริงจังกับความอยู่รอดของสถานีเรดาห์และเจ้าหน้าที่บนนั้น จึงมีคนไม่กี่คนที่เป็นกังวลเมื่อเจ้าหน้าที่แปลภาพถ่ายทางอากาศตรวจพบเส้นตรงสีอ่อนบางๆที่เพิ่งเกิดขึ้นใหม่ ตัดกับสีเขียวของป่าทึบ โดยเส้นดังกล่าวขีดตรงไปยังภูผาที เจ้าหน้าที่ในศูนย์ฯ๔๘๐๒ ตั้งชื่อถนนสายใหม่นี้ว่าถนนหมายเลข ๖๐๒
“ผมสั่งให้เจ้าหน้าที่แปลภาพถ่ายเฝ้าดูมันอยู่อย่างใกล้ชิด” เช็กคอร์ดกล่าว “ผมพยายามหยุดยั้งการเติบโตของเส้นทางสายนั้น แต่ก็ไม่รับความร่วมมือจากกองทัพอากาศอย่างเพียงพอ หากคุณต้องการหยุดยั้งข้าศึกไม่ให้สร้างถนนคุณจะต้องเล่นงานมันอย่างต่อเนื่องและกองบินที่ ๗ ก็ไม่สามารถจัดสรรกำลังทางอากาศที่จำเป็นพอเพียงในการทำงานนั้น มันน่าหงุดหงิดและผิดหวังอย่างมากที่ได้เห็นถนนสายนี้เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว”
การจัดวางแนวป้องกันได้ถูกจัดการอย่างรีบเร่ง ซีไอเอ ได้ส่งทหารหน่วยรบพิเศษของไทยจำนวน ๘๐ คน ไปช่วยเสริมแนวรับของทหารม้งบนภูผาที มีเจ้าหน้าที่ภาคพื้นดินของแอร์ คอมมานโด ไปสมทบเพื่อทำหน้าที่ประสานการโจมตีทางอากาศ สนามเพลาะ และบังค์เกอร์ถูกขุดขึ้นทุกหนแห่ง กับระเบิดถูกวางตามแนวป้องกันรอบฐานที่มั่น ไม่เว้นกระทั่งด้านหลังของฐานเผื่อไว้ในกรณีข้าศึกอาจพยายามปีหน้าผาสูงชันเกือบ ๙๐ องศาขึ้นมา
อาวุธอานุภาพร้ายแรงที่สุดที่ชอปเปอร์สามารถลำเลียงขึ้นมาได้ คือ ปืนโฮวิทเชอร์ ขนาด ๑๐๕ มม.และปืนครกขนาด ๔.๒นิ้ว ได้ถูกนำไปติดตั้งตรงจุดสูงสุดบนยอดเขา แต่ถึงแม้ว่าจะมีความพยายามวางแนวป้องกันฐานที่มั่นอย่างดีที่สุดเท่าที่เวลาจะอำนวยแล้วก็ตาม ก็ยังคงมีช่องโหว่อันเป็นจุดอ่อนของการตั้งรับบนภูผาที จุดอ่อนที่ว่าคือในฐานแห่งนี้ไม่มีทหารราบที่มีประสบการณ์เลยสักคนเดียว และก็ไม่มีใครมีคุณสมบัติเพียงพอจะทำหน้าที่ผู้บัญชาการการรบในฐานแห่งนี้ด้วย
จริงๆ แล้วสถานีเรดาห์แห่งนี้เป็นของกองทัพอากาศ ทว่าซีไอเอมีหน้าที่ป้องกันมันจากข้าศึกแต่ซีไอเอ ไม่สามารถเลือกวิธีการป้องกันเพราะเอกอัครราชทูตไม่ต้องการให้กองทัพยุ่งเกี่ยวในเรื่องนี้มากนัก เมื่อไม่ได้รับผิดชอบโดยตรง กองทัพอากาศจึงไม่ให้ความสนใจต่อสถานีเรดาห์ และเจ้าหน้าที่ของตนที่ถูกส่งขึ้นไปประจำข้างบน แม้ว่ามันจะเป็นโครงการที่พวกเขาริเริ่มขึ้นก็ตาม
เมื่อไม่มีใครให้ความสนใจจริงจังกับความอยู่รอดของสถานีเรดาห์และเจ้าหน้าที่บนนั้น จึงมีคนไม่กี่คนที่เป็นกังวลเมื่อเจ้าหน้าที่แปลภาพถ่ายทางอากาศตรวจพบเส้นตรงสีอ่อนบางๆที่เพิ่งเกิดขึ้นใหม่ ตัดกับสีเขียวของป่าทึบ โดยเส้นดังกล่าวขีดตรงไปยังภูผาที เจ้าหน้าที่ในศูนย์ฯ๔๘๐๒ ตั้งชื่อถนนสายใหม่นี้ว่าถนนหมายเลข ๖๐๒
“ผมสั่งให้เจ้าหน้าที่แปลภาพถ่ายเฝ้าดูมันอยู่อย่างใกล้ชิด” เช็กคอร์ดกล่าว “ผมพยายามหยุดยั้งการเติบโตของเส้นทางสายนั้น แต่ก็ไม่รับความร่วมมือจากกองทัพอากาศอย่างเพียงพอ หากคุณต้องการหยุดยั้งข้าศึกไม่ให้สร้างถนนคุณจะต้องเล่นงานมันอย่างต่อเนื่องและกองบินที่ ๗ ก็ไม่สามารถจัดสรรกำลังทางอากาศที่จำเป็นพอเพียงในการทำงานนั้น มันน่าหงุดหงิดและผิดหวังอย่างมากที่ได้เห็นถนนสายนี้เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว”
No comments:
Post a Comment