บทที่ ๓
ภรรยาของท้าวกีนิน พลเสนา เล่าให้ วิลเฟรด เปอร์เช็ตต์ฟัง หลังจากที่ไปพบเธอเมื่อสามีเสียชีวิตแล้วและเธอก็ยังได้รับบาดเจ็บอยู่ ปรากฏว่าในคืนที่ถูกยิงนั้นเธอถูกทอดทิ้งนอนจมกองเลือดอยู่กับบันไดบ้านข้างศพสามีของเธอนั้นเอง ไม่มีใครดูแลให้การรักษาพยาบาลเลย จนกระทั่งเจ้าสุวรรณภูมีและภูมี วงศ์วิจิตร ฝ่าทหารของนายพลภูมี เข้ามาได้และสั่งให้เอาตัวไปส่งโรงพยาบาลโดยด่วน เธอบอกว่า ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ภูมี หน่อสวันกับเจ้าหน้าที่ซีไอเอ รวมกันวางแผนสังหารสามีเธอ
เบอร์เซ็ตต์เล่าว่า “เธอ(ภรรยาของท้าวกีนิน) พูดถึงเรื่องที่ท้าวกีนินเองเล่าให้ผมฟังเมื่อหลายเดือนก่อนหน้านี้ว่า ในโอกาสที่ได้เดินทางไปสหรัฐอเมริกากับเจ้าสุวรรณภูมา สายลับอเมริกันซึ่งดำรงตำแหน่งสูงๆได้พยายามเต็มความสามารถที่จะซื้อตัวท้าวกีนินให้จงได้ โดยทุ่มเงินทองอย่างไม่อั้น ครั้นเมื่อซื้อตัวไม่ได้ก็ข่มขู่ด้วยประการต่างๆ…”
“ความจริงมีอยู่ว่า ท้าวกีนินได้ยืนกรานว่า ตนในฐานะรัฐมนตรีต่างประเทศจะต้องเข้าร่วมด้วยในการเจรจาหารือระหว่างเจ้าสุวรรณภูมากับฝ่ายอเมริกันทุกครั้งตลอดเวลาที่อยู่ในสหรัฐอเมริการวมทั้งการเจรจาครั้งสำคัญกับประธานาธิบดีเคนเนดี้ด้วย เจ้าสุวรรณภูมาเดินทางไปสหรัฐอเมริกา หลังจากตั้งรัฐบาลได้หนึ่งเดือน ท่านได้รับรองกับเคนเนดี้ว่า ชาวลาวส่วนใหญ่นิยมสหรัฐอเมริกายิ่งกว่าฝ่ายปเทดลาวเป็นไหนๆ และก็ยอมตามเคนเนดี้ที่ตั้งเงื่อนไขไว้ว่าความช่วยเหลือของสหรัฐอเมริกาไม่ว่าจะเป็นทางทหารหรือเศรษฐกิจอย่าได้ปล่อยให้ตกไปถึงมือฝ่ายปเทดลาวเป็นอันขาด เป็นที่ตกลงกันโดยปริยายด้วยว่าเจ้าสุวรรณภูมาจะต้องดำเนินการทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อจำกัดอิทธิพลของฝ่ายปเทดลาว พยายามลิดรอนและผลที่สุดลบล้างออกไปให้หมด
การที่ท้าวกีนินได้ล่วงรู้เรื่องลับสุดยอดเช่นนี้เข้าย่อมไม่เหมาะสมด้วยประการทั้งปวง ดังนั้นการทุ่มเงินเพื่อซื้อท้าวกีนินอย่างชนิดไม่อั้น ระหว่างเดินทางกลับมาจากวอชิงตันจึงมีขึ้น แต่ความซื่อสัตย์มั่นคงของท้าวกีนิน ไม่มีอะไรซื้อได้ จึงเป็นอุปสรรคสำคัญสำหรับสหรัฐอเมริกาในอันที่จะแยกฝ่ายเป็นกลางออกมาเสียจากฝ่ายปเทดลาว เมื่อใช้เงินไม่ได้ผลก็จำเป็นต้องใช้กระสุนปืนแทน”
ผู้วางแผนสังหารท้าวกีนิน พลเสนา คือ นายพลสีโห ผู้บังคับบัญชาสารวัตรทหารของนายพลภูมี ในขณะนั้น สีโหผู้นี้ได้ตั้ง “สำนักร่วมมือเพื่อความมั่นคงแห่งชาติ” ขึ้น ความจริงคณะกรรมการของสำนักนี้มีหน้าที่เพียงอย่างเดียวคือ หาทางสังหารบุคคลสำคัญๆ ฝ่ายปเทดลาวและฝ่ายเป็นกลางที่ก้าวหน้า เหยื่อของเพชฌมาตกลุ่มนี้ในระยะตั้นๆ อีกคนหนึ่งก็ได้แก่ “กันที สีพานทอง” นายพันเอกผู้บัญชาการหน่วยรักษาความปลอดภัยของกองกำลังฝ่ายเป็นกลาง
ภรรยาของท้าวกีนิน พลเสนา เล่าให้ วิลเฟรด เปอร์เช็ตต์ฟัง หลังจากที่ไปพบเธอเมื่อสามีเสียชีวิตแล้วและเธอก็ยังได้รับบาดเจ็บอยู่ ปรากฏว่าในคืนที่ถูกยิงนั้นเธอถูกทอดทิ้งนอนจมกองเลือดอยู่กับบันไดบ้านข้างศพสามีของเธอนั้นเอง ไม่มีใครดูแลให้การรักษาพยาบาลเลย จนกระทั่งเจ้าสุวรรณภูมีและภูมี วงศ์วิจิตร ฝ่าทหารของนายพลภูมี เข้ามาได้และสั่งให้เอาตัวไปส่งโรงพยาบาลโดยด่วน เธอบอกว่า ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ภูมี หน่อสวันกับเจ้าหน้าที่ซีไอเอ รวมกันวางแผนสังหารสามีเธอ
เบอร์เซ็ตต์เล่าว่า “เธอ(ภรรยาของท้าวกีนิน) พูดถึงเรื่องที่ท้าวกีนินเองเล่าให้ผมฟังเมื่อหลายเดือนก่อนหน้านี้ว่า ในโอกาสที่ได้เดินทางไปสหรัฐอเมริกากับเจ้าสุวรรณภูมา สายลับอเมริกันซึ่งดำรงตำแหน่งสูงๆได้พยายามเต็มความสามารถที่จะซื้อตัวท้าวกีนินให้จงได้ โดยทุ่มเงินทองอย่างไม่อั้น ครั้นเมื่อซื้อตัวไม่ได้ก็ข่มขู่ด้วยประการต่างๆ…”
“ความจริงมีอยู่ว่า ท้าวกีนินได้ยืนกรานว่า ตนในฐานะรัฐมนตรีต่างประเทศจะต้องเข้าร่วมด้วยในการเจรจาหารือระหว่างเจ้าสุวรรณภูมากับฝ่ายอเมริกันทุกครั้งตลอดเวลาที่อยู่ในสหรัฐอเมริการวมทั้งการเจรจาครั้งสำคัญกับประธานาธิบดีเคนเนดี้ด้วย เจ้าสุวรรณภูมาเดินทางไปสหรัฐอเมริกา หลังจากตั้งรัฐบาลได้หนึ่งเดือน ท่านได้รับรองกับเคนเนดี้ว่า ชาวลาวส่วนใหญ่นิยมสหรัฐอเมริกายิ่งกว่าฝ่ายปเทดลาวเป็นไหนๆ และก็ยอมตามเคนเนดี้ที่ตั้งเงื่อนไขไว้ว่าความช่วยเหลือของสหรัฐอเมริกาไม่ว่าจะเป็นทางทหารหรือเศรษฐกิจอย่าได้ปล่อยให้ตกไปถึงมือฝ่ายปเทดลาวเป็นอันขาด เป็นที่ตกลงกันโดยปริยายด้วยว่าเจ้าสุวรรณภูมาจะต้องดำเนินการทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อจำกัดอิทธิพลของฝ่ายปเทดลาว พยายามลิดรอนและผลที่สุดลบล้างออกไปให้หมด
การที่ท้าวกีนินได้ล่วงรู้เรื่องลับสุดยอดเช่นนี้เข้าย่อมไม่เหมาะสมด้วยประการทั้งปวง ดังนั้นการทุ่มเงินเพื่อซื้อท้าวกีนินอย่างชนิดไม่อั้น ระหว่างเดินทางกลับมาจากวอชิงตันจึงมีขึ้น แต่ความซื่อสัตย์มั่นคงของท้าวกีนิน ไม่มีอะไรซื้อได้ จึงเป็นอุปสรรคสำคัญสำหรับสหรัฐอเมริกาในอันที่จะแยกฝ่ายเป็นกลางออกมาเสียจากฝ่ายปเทดลาว เมื่อใช้เงินไม่ได้ผลก็จำเป็นต้องใช้กระสุนปืนแทน”
ผู้วางแผนสังหารท้าวกีนิน พลเสนา คือ นายพลสีโห ผู้บังคับบัญชาสารวัตรทหารของนายพลภูมี ในขณะนั้น สีโหผู้นี้ได้ตั้ง “สำนักร่วมมือเพื่อความมั่นคงแห่งชาติ” ขึ้น ความจริงคณะกรรมการของสำนักนี้มีหน้าที่เพียงอย่างเดียวคือ หาทางสังหารบุคคลสำคัญๆ ฝ่ายปเทดลาวและฝ่ายเป็นกลางที่ก้าวหน้า เหยื่อของเพชฌมาตกลุ่มนี้ในระยะตั้นๆ อีกคนหนึ่งก็ได้แก่ “กันที สีพานทอง” นายพันเอกผู้บัญชาการหน่วยรักษาความปลอดภัยของกองกำลังฝ่ายเป็นกลาง
No comments:
Post a Comment