Friday, April 3, 2009

ลำดับ๕๒๙.ภูมีหน่อสวันปฏิวัติซ้อน(๑)

บทที่๑

สหายสิงกะโป สีโคตจุนนะมาลี ผู้บัญชาการรักษาเมืองเวียงจันทน์ ได้เล่าถึงเหตุการณ์ในคราวนั้นไว้ว่า
“วันที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๐๓ ทหารของภูมี หน่อสวัน ได้ยกกำลังเข้ามาโจมตีกองกำลังของเราที่เมืองปากซันแต่ได้รับการตอบโต้จนเสียหายหนักจึงถอนหนีกลับไป ต่อมาเขาได้เคลื่อนย้ายทหารจากสวันเขตผ่านดินแดนไทยขึ้นมาทางหนองคาย มีทหารไทยแต่งเครื่องแบบทหารลาวเข้าร่วมด้วย

วันที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๐๓ พันตรีบุญแต่ง อินศรีเชียงใหม่ ผู้บัญชาการทหารภาคที่ ๓ ที่หลวงพระบาง ได้ประกาศแข็งข้อต่อรัฐบาลเจ้าสุวรรณภูมา และประกาศสนับสนุนกลุ่มบุญอุ้ม-ภูมี

ต่อมาวันที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๐๓ กุประสิทธ์ อภัย ผู้บัญชาการทหารภาค ๕ ได้ก่อกบฏยึดค่ายจินายโม้อันเป็นค่ายทหารที่ตั้งอยู่บนเส้นทางเวียงจันทน์-ท่าเดื่อ เพื่อเปิดทางให้ทหารของภูมี และทหารไทยข้ามฟากจากหนองคายบุกเข้าเวียงจันทน์”

นายพลภูมี หน่อสวัน ได้ทำปฏิวัติซ้อนที่สวันเขตและได้ลอบส่งคนไปติดต่อ พันเอกกุประสิทธิ์ อภัยที่ค่ายจินายโม้ ขอให้ร่วมปฏิวัตซ้อน ขอให้จู่โจมจับตัวร้อยเอกกองแลและคณะ แต่ด้วยเหตุผลบางประการดูเหมือนว่าจะเป็นความริษยาระหว่าง ๒ สกุล คือสกุลหน่อสวันกับสกุลอภัย ทำให้พันเอกกุประสิทธิ์ อภัย ลังเลอยู่นาน ที่จะร่วมปฏิวัติซ้อน และเมื่อยอมร่วมด้วยกับภูมี ข่าวก็รั่วออกไปแล้ว

พันเอกกุประสิทธิ์ ได้ส่งทหารส่วนหนึ่งเข้ายึดตัวเมืองเวียงจันทน์ อีกส่วนหนึ่งเข้าตีค่ายทหารด้วยพลร่มของ ร.อ.กองแลที่วัดไต เมื่อตอนบ่ายของวันที่ ๑๔ ธันวาคม ๒๕๐๓ จนทหารของกองแลต้องถอยออกจากค่ายไปตามถนนสายหลวงพระบาง แต่พอตกค่ำทหารของกองแล ก็ตีโต้อย่างรวดเร็วจนผ่านตัวเมืองได้และพุ่งเข้าใส่ค่ายจินายโม้ แต่ก็ถูกแนวหลังของพ.อ.กุประสิทธิ์สกัดอย่างหนักหน่วงตรงปากทางออกจากตัวเมืองคุ้มศรีเมืองไปค่ายจินายโม้ ตรงนี้เป็นจุดนองเลือดที่สุด ทำให้ฝ่ายกองแลต้องล่าถอยอีก แต่ก็ทำให้พ.อ.กุประสิทธิ์ ต้องเผ่นออกจากค่ายไปอยู่ที่ท่าแล้งเตรียมตัวหนีเข้าหนองคาย

แต่พอสายวันรุ่งขึ้นคือ ๑๕ ธันวาคม ฝ่ายกองแลก็พยายามเข้าตีโต้อีก แต่ถูกระดมยิงด้วยปืนครกและปืนใหญ่อย่างแม่นยำ จนได้รับการสูญเสียต้องล่าถอยไปบ้านวิไลและเมืองโพนชงในที่สุด

ร้อยเอกกองแลได้แถลงผ่านวิทยุกระจายเสียงของรัฐบาลลาวต่อต้าน(แนวลาวรักชาติ)ในเวลาต่อมาว่า ที่ค่ายจินายโม้ไม่เคยมีปืนใหญ่ขนาด ๑๐๕ ม.ม.และไม่มีทหารที่สามารถยิงปืนใหญ่ชนิดนี้ได้ แต่เมื่อวันที่ ๑๕ ธันวาคม พวกเขาถูกยิงด้วยปืนใหญ่ขนาด ๑๐๕ ม.ม.เขามีหลักฐานที่จะแสดงว่าต่างชาติได้ส่งทหารเข้ามาแทรกแซงในลาว เขาขอแจ้งให้โลกรับรู้และช่วยประณามการแทรกแซงของต่างชาติ

บันทึกของสหายสิงกะโปกล่าวถึงช่วงเวลาเดียวกันไว้ว่า

“ในตอนเที่ยงของวันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๐๓ เวลา ๑๓ โมง ๑๒ นาทีเสียงปืนใหญ่บุกโจมตีจากทหารกุประสิทธิ์-ภูมี ที่มีทหารไทยเข้าร่วมไม่น้อยกว่า ๒,๐๐๐ คน ได้ขึ้นจากค่ายจินายโม้ ทหารต่างชาติที่เข้าร่วมโจมตีเวียงจันทน์ไม่มีเพียงทหารไทยเท่านั้น แต่ยังมีทหารเวียดนามใต้ ทหารเลวรับจ้างฟิลิปปินส์ ภายใต้การบัญชาการโดยตรงของทหารอเมริกันที่อยู่ในคราบของที่ปรึกษา

ในวันเดียวกันนั้นเอง วิทยุกระจายเสียงสวันเขตประกาศว่ารัฐบาลใหม่ได้จัดตั้งขึ้นแล้ว มีบุญอุ้ม ณ จำปาศักดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี ภูมี หน่อสวันเป็นรองนายก เพื่อเตรียมตัวเข้าสู่นครหลวงเวียงจันทน์"

No comments: