บทที่๒
แตรงกุยเยต้องการฝึกทหารและติดอาวุธให้กับชาวเขาเพื่อจะให้เป็นกำลังรบกับฝ่ายคอมมิวนิสต์เวียดนามเหนือแต่เขาไม่ได้รับอนุมัติจากผู้บังคับบัญชาและไม่มีงบประมาณในเรื่องนี้ ทางออกของเขาคือ เขาเข้าไปซื้อฝิ่นจากโทบี้ ลายฟอง และจากผู้นำเผ่าอื่นๆในเขตแดนเวียตนามเหนือ จากนั้นจึงขนฝิ่นดิบขึ้นเครื่องบินไปยังอ่าวเซนท์ จ้าคส์ บนฝั่งทะเลเวียดนามใต้ แล้วลำเลียงต่อโดยรถบรรทุกไปให้กับกลุ่มโจรกลุ่มของบินห์ เหยียน ซึ่งดำเนินกิจการโรงฝิ่นอยู่ในไซ่ง่อน กลุ่มโจรจะแบ่งกำไรที่ได้รับจากแตรงกุยเย โดยแตรงกุยเยนำเงินนั้นมาแบ่งให้โทนี ลายฟองผู้ที่ร่ำรวยขึ้นมาจากการขายฝิ่นดิบ
ด้วยเงินจากการขายฝิ่นนี้ แตรงกุยเยนำพวกแม้ว ๕๐๐ คนบินไปยังอ่าวเซนต์ จ้าคส์ เพื่อทำการฝึกทหาร และเดินทางกลับเข้ามาในลาวอีกครั้ง ไม่ว่าการกระทำของเขาจะขัดกับศีลธรรมอันดีหรือไม่ การค้ายาเสพติดและอาวุธของพวกฝรั่งเศสก็ไม่ก่อให้เกิดผลอะไรมากนัก กองกำลังชาวเขา ๕๐๐ คนที่มีเพียงอาวุธประจำกายไม่สามารถหยุดยั้งการโจมตีของเวียดนามเหนือจำนวน ๗,๐๐๐ คนที่เกิดขึ้นในปี ๒๔๙๗ ได้ กองทหารเวียดนามลุกไล่เข้ามาประชิดหลวงพระบางเพื่อขยายแนวตั้งรับของทหารฝรั่งเศสออกไป
ขณะนั้นวังเปาประจำการอยู่ในที่มั่นเล็กๆ แห่งหนึ่ง แต่เขาไม่มีความสุขในชีวิตที่นั่นนัก เพราะชาวเขาและทหารลาวลุ่มไม่ลงรอยกันเท่าไร และพวกเขายังไม่เป็นที่ต้อนรับของชาวบ้านในพื้นที่อีกด้วย เมื่อทหารเวียดนามรุกมาใกล้ฐาน พวกทหารก็เริ่มวิ่งหนี โดยต้องหลบหนีฝ่าการซุ่มโจมตีของข้าศึกหลายต่อหลายครั้ง และเพราะความขัดแย้งในหมู่ทหารเพราะเรื่องเชื้อชาติทำให้ผู้บัญชาการที่มั่นชาวฝรั่งเศสสั่งยุบหน่วย ให้พวกลาวลุ่มแยกตัวหลบหนีข้าศึกไปแต่ลำพัง ส่วนนายทหารฝรั่งเศสหลบหนีไปกับพวกม้งที่อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของวังเปา ทหารของวังเปาปกปิดร่องรอยการถอยหนีอย่างระมัดระวังและได้เข้าหลบซ่อนในถ้ำ แม้ว่าจะหิยโหยแต่พวกเขาก็อาศัยเก็บหน่อไม้และปลีกล้วยกินประทังชีวิต
หลายอาทิตย์ต่อมาวังเปานำพรรคพวกมาถึงบริเวณเนินหญ้าสุดสายตาบนทุ่งไหหิน เหล่ากองทหารเวียดนามเหนือได้ปรากฏออกมาบนท้องทุ่งที่ไกลออกไป แต่ถูกกองบินของฝรั่งเศสกราดยิงและถล่มด้วยระเบิดจนล้มตายไปจำนวนมาก
ดังนั้นเองวังเปาจึงได้เห็นกำลังทางอากาศของฝรั่งเศสมีประสิทธิภาพในการทำลายกองทัพข้าศึกได้เพียงไร เขาจึงต้องการมีกองทัพอากาศ รวมทั้งรถถังและปืนใหญ่ของเขาเอง แม้ว่าความสามารถของเขาจะควบคุมสั่งการได้เพียงแค่กองทหารจำนวนเล็กๆเท่านั้น แต่วังเปาก็ไม่สนใจ กองโจรไม่สามารถหยุดยั้งกองกำลังขนาดใหญ่ได้ด้วยตัวเอง มีแต่กำลังทางอากาศและกองทัพขนาดใหญ่เท่านั้นที่จะสามารถหยุดยั้งทหารเวียดนามเหนือได้
นับจากวันนั้นมา วังเปาก็เฝ้ารอวันที่จะได้ลงจากภูเขา มาเป็นนักรบตามแบบแผนพร้อมด้วยเครื่องบินและอาวุธทรงประสิทธิภาพ แต่วังเปาไม่มีโอกาสจะได้ดังใจหวังภายใต้พวกฝรั่งเศส และขณะนั้นเวลาของฝรั่งเศสในอินโดจีนกำลังจะหมดลง
ด้วยเงินจากการขายฝิ่นนี้ แตรงกุยเยนำพวกแม้ว ๕๐๐ คนบินไปยังอ่าวเซนต์ จ้าคส์ เพื่อทำการฝึกทหาร และเดินทางกลับเข้ามาในลาวอีกครั้ง ไม่ว่าการกระทำของเขาจะขัดกับศีลธรรมอันดีหรือไม่ การค้ายาเสพติดและอาวุธของพวกฝรั่งเศสก็ไม่ก่อให้เกิดผลอะไรมากนัก กองกำลังชาวเขา ๕๐๐ คนที่มีเพียงอาวุธประจำกายไม่สามารถหยุดยั้งการโจมตีของเวียดนามเหนือจำนวน ๗,๐๐๐ คนที่เกิดขึ้นในปี ๒๔๙๗ ได้ กองทหารเวียดนามลุกไล่เข้ามาประชิดหลวงพระบางเพื่อขยายแนวตั้งรับของทหารฝรั่งเศสออกไป
ขณะนั้นวังเปาประจำการอยู่ในที่มั่นเล็กๆ แห่งหนึ่ง แต่เขาไม่มีความสุขในชีวิตที่นั่นนัก เพราะชาวเขาและทหารลาวลุ่มไม่ลงรอยกันเท่าไร และพวกเขายังไม่เป็นที่ต้อนรับของชาวบ้านในพื้นที่อีกด้วย เมื่อทหารเวียดนามรุกมาใกล้ฐาน พวกทหารก็เริ่มวิ่งหนี โดยต้องหลบหนีฝ่าการซุ่มโจมตีของข้าศึกหลายต่อหลายครั้ง และเพราะความขัดแย้งในหมู่ทหารเพราะเรื่องเชื้อชาติทำให้ผู้บัญชาการที่มั่นชาวฝรั่งเศสสั่งยุบหน่วย ให้พวกลาวลุ่มแยกตัวหลบหนีข้าศึกไปแต่ลำพัง ส่วนนายทหารฝรั่งเศสหลบหนีไปกับพวกม้งที่อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของวังเปา ทหารของวังเปาปกปิดร่องรอยการถอยหนีอย่างระมัดระวังและได้เข้าหลบซ่อนในถ้ำ แม้ว่าจะหิยโหยแต่พวกเขาก็อาศัยเก็บหน่อไม้และปลีกล้วยกินประทังชีวิต
หลายอาทิตย์ต่อมาวังเปานำพรรคพวกมาถึงบริเวณเนินหญ้าสุดสายตาบนทุ่งไหหิน เหล่ากองทหารเวียดนามเหนือได้ปรากฏออกมาบนท้องทุ่งที่ไกลออกไป แต่ถูกกองบินของฝรั่งเศสกราดยิงและถล่มด้วยระเบิดจนล้มตายไปจำนวนมาก
ดังนั้นเองวังเปาจึงได้เห็นกำลังทางอากาศของฝรั่งเศสมีประสิทธิภาพในการทำลายกองทัพข้าศึกได้เพียงไร เขาจึงต้องการมีกองทัพอากาศ รวมทั้งรถถังและปืนใหญ่ของเขาเอง แม้ว่าความสามารถของเขาจะควบคุมสั่งการได้เพียงแค่กองทหารจำนวนเล็กๆเท่านั้น แต่วังเปาก็ไม่สนใจ กองโจรไม่สามารถหยุดยั้งกองกำลังขนาดใหญ่ได้ด้วยตัวเอง มีแต่กำลังทางอากาศและกองทัพขนาดใหญ่เท่านั้นที่จะสามารถหยุดยั้งทหารเวียดนามเหนือได้
นับจากวันนั้นมา วังเปาก็เฝ้ารอวันที่จะได้ลงจากภูเขา มาเป็นนักรบตามแบบแผนพร้อมด้วยเครื่องบินและอาวุธทรงประสิทธิภาพ แต่วังเปาไม่มีโอกาสจะได้ดังใจหวังภายใต้พวกฝรั่งเศส และขณะนั้นเวลาของฝรั่งเศสในอินโดจีนกำลังจะหมดลง
No comments:
Post a Comment