Thursday, April 30, 2009

ลำดับ๖๒๓ยุทธการภูผาที(๒๔)

บทที่๒๔ โจมตี

ที่อุดรฯ เจ้าหน้าที่ระดับหัวหน้านอนขดตัวเบียดกันอยู่ในห้องนอนขนาดเล็กบนชั้นสองของศูนย์ฯ๔๘๐๒ ต่างจดจ่อรอฟังข่าวข้าศึกเข้าโจมตี ก่อนหน้านี้แลร์ได้เลื่อนการประชุมสำคัญกับพวกเจ้าหน้าที่คนไทยในกรุงเทพฯ ในช่วงเวลาสำคัญนี้ พวกเขาต่างรอคอยด้วยใจระทึก

ในตอนค่ำของวันที่ ๙ มีนาคมเจ้าหน้าที่บนภูผาทีรายงานการปะทะกับทหารข้าศึก นักบินนำเครื่องทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าทันที แต่ปรากฏว่าข้าศึกไม่ได้นำกำลังหลักเข้าโจมตี เป็นเพียงการปะทะขนาดเล็ก นักบินจึงนำเครื่องบินกลับฐาน

แลร์ไม่สามารถเลื่อนภารกิจในกรุงเทพฯออกไปได้อีก เขาจึงต้องเดินทางลงไปกรุงเทพฯ ในตอนเช้าของวันที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๑๑ เพื่อสะสางธุระ

ต่อมาในวันเดียวกันนั้นเอง กองลาดตระเวนม้งรายงานว่ามีชาวบ้านเริ่มอพยพหนีออกมาจากภูผาที ขณะนั้นอากาศเริ่มปิดเมฆหนาปกคลุมพื้นที่ จากเครื่องบินที่กำลังบินอยู่เหนือสนามบินและลานจอดเฮลิคอปเตอร์ รวมถึงจุดอื่นๆในช่วงบ่ายวันนั้น นักบินไม่สามารถมองเห็นตัวอักษรสัญญาณทิ้งร่มบนพื้นดินเบื้องล่างได้ ชาวบ้านในพื้นที่ต่างเริ่มหวาดกลัวและกระวนกระวายอย่างเห็นได้ชัด

เจ้าหน้าที่ซีไอเอที่อาวุโสสูงสุดบนนั้นคือ โฮเวอร์ด ฟรีแมน เกือบจะทันทีที่ดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าฟรีแมนได้วิทยุติดต่ออุดรฯ รายงานว่าพวกเขาได้รับความเสียหายอย่างหนัก จากกระสุนปืนใหญ่และจรวดที่ข้าศึกระดมยิงเข้าใส่อย่างไม่ยั้ง จากนั้นสัญญาณวิทยุก็ขาดหายไป เพียงพักเดียวจากนั้นฟรีแมนก็ติดต่อกลับมาอีกครั้ง เขารายงานว่ากระสุนปืนใหญ่ข้าศึกได้สร้างความเสียหายแก่สายไฟหลัก,ที่ตั้งปืนใหญ่โฮวิทเซอร์,บริเวณเรือนพักเจ้าหน้าที่เทคนิค และบังค์เกอร์หลบภัย โดยเฉพาะบังค์เกอร์หลบภัยนั้นถูกกระสุนเข้าอย่างจัง จนไม่เหลือชิ้นดี แต่โชคดีที่ไม่มีใครอยู่ภายในตอนที่ถูกกระสุนปืนใหญ่ ฟรีแมนยังคงสามารถวิทยุติดต่อกับเจ้าหน้าที่กองทัพอากาศ ที่ได้ล่าถอยจากสถานีเรดาห์ไปยังบริเวณชะง่อนหิน ติดกับหน้าผาด้านหลังฐานที่มั่น ดูเหมือนว่าไม่มีใครเสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด

เมื่อแลร์ติดภารกิจในกรุงเทพฯ แพท แลนดรี้จึงเป็นผู้ควบคุมสั่งการในศูนย์ฯ๔๘๐๒ โดยมีเซ็กคอร์ด ทอม ไคลน์ และเจ้าหน้าที่คนอื่นมากหน้าหลายตาคอยช่วยเหลือ พวกเขาได้วิทยุติดต่อกองทัพอากาศและได้เครื่องบินใบพัดแบบเอ-26 จำนวนหนึ่ง ซึ่งขณะนั้นบังเอิญทำการบินอยู่แล้วบริเวณโฮจิมินห์ เทรล เข้าไปช่วยกู้สถานการณ์ในภูผาที

No comments: