สิ่งหนึ่งที่โทนี โพไม่พอใจพวกม้งเหล่านี้รวมถึงวังเปาด้วย ก็คือการฉ้อราษฎรบังหลวงที่เกิดขึ้นอย่างกว้างขวาง เดือนละครั้งจะมีเที่ยวบินมาลงยังล่องแจ้งและฐานปฏิบัติการสำคัญอื่นๆ เที่ยวบินดังกล่าวจะขนเงินเดือนมาแจกจ่ายแก่พวกทหารม้ง วังเปาจะหยิบธนบัตรเงินกีบจากล่องแล้วนับเอามาตามจำนวนที่คิดว่าตนเองควรได้รับ โดยมีคนสนิท และผู้บัญชาการทหารคนอื่นๆ ห้อมล้อมและทำอย่างเดียวกันกับเขา
การหักยอดไป ๒๐-๓๐ เปอร์เซ็นต์ถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติทั่วไปของคนแถบเอเชียโดยไม่ถือเป็นการทุจริตตามมาตรฐานของชาวตะวันตก แม้จะเป็นอย่างที่ว่า ก็มีพวกทหารเลวบางคนที่ต่อคิวรับเงินเดือนอยู่ไม่ได้รับส่วนแบ่งที่เขาควรได้รับเนื่องจากมีพวกทหาร “ผี” มารับเอาไปก่อนแล้ว การหักเปอร์เซ็นต์เงินเดือนที่ไม่เท่าเทียมกันของแต่ละหน่วยรบ และการกินเล็กกินน้อย ดังกล่าวเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างกว้างขวางในหมู่ชาวม้ง
อเมริกันผู้รู้ตื้นลึกหนาบางเรื่องนี้อย่างดีคนหนึ่ง ยอมรับว่ามีปัญหาที่ว่านี้อยู่จริง แต่ก็ชี้ว่าการทุจริตของพวกชาวเขานั้นยังงถือว่าเล็กน้อย เมื่อเทียบกับอิทธิพลมืดและความละโมบของพวกลาวลุ่ม โครงการชาวเขาดำเนินไปได้เติบโตขึ้น และได้รับการสนับสนุนจากหลายฝ่ายมันเป็นความสำเร็จที่สวยงาม ทำไมต้องเข้าไปทำให้มันยุ่งขึ้นด้วยการแก้ปัญหาทุจริตในพวกม้ง เพราะการเข้าไปแก้จะทำให้ยิ่งยุ่งขึ้นไปอีก
โทนี โพมีความไม่พอใจวังเปาจนเป็นความขัดแย้งและโต้เถียงกัน การหารือนำไปสู่การโต้แย้งถกเถียงและลงเอยด้วยปัญหาใหญ่ คือ ใครใหญ่กว่าใคร วังเปาหรือโทนี โพ
ความขัดแย้งรุนแรงที่สุดเกิดขึ้นระหว่างภารกิจทางทหารที่ล่องแจ้ง ชอปเปอร์ ๒๖ เครื่องได้มาลงจอดที่รันเวย์ของสนามบินล่องแจ้ง พร้อมที่จะพาพวก เอสจียูไปปฏิบัติภารกิจ ซึ่งเป็นภารกิจที่วางแผนมาร่วมเดือน แต่เมื่อรุ่งเช้า ชอปเปอร์มาจอดรอพร้อมแล้วแต่ไม่มีทหารเอสจียูโผล่มาให้เห็นสักคน โทนี โพ เดินไปที่บ้านหลังใหญ่ของวังเปา ตะโกนถามไปว่า “เกิดอะไรขึ้นโว้ย” วังเปาในชุดคลุมสีขาวที่แพทย์ชอบใส่มีเครื่องตรวจฟังคล้องคออยู่ ดูคล้ายเขากำลังจะฉีดยาให้คนไข้คนหนึ่งอยู่
มันเป็นวิถีแบบชาวเขา ที่อาจจะยากเกินกว่าพวกอเมริกันจะเข้าใจได้ อเมริกันได้สร้างโรงพยาบาลที่ล่องแจ้ง มีแพทย์ชาวไทยมาประจำ แต่ด้วเหตุผลบางประการ วังเปาสั่งให้พวกชาวเขาเข้ามาฉีดยาที่บ้านเขา โดยเขาจะเป็นคนลงมือฉีดยาด้วยตนเอง โทนี โพอ้างว่าเขาได้เห็นวังเปาพยายามฉีดยาให้ทารกเพศหญิงคนหนึ่งแต่ปลายเข็มไปทิ่มเข้าตรงกระดูกสันหลังพอดี ทำให้เด็กชาวเขาโชคร้ายรายนั้นถึงกับเป็นอัมพาต
“ผมก็ได้แต่หัวเราะอย่างเศร้าๆ และพูดออกไปว่า วังเปาคุณรู้ไหมว่าเราต้องจ่ายเงินเดือนให้พวกหมอชาวไทยไปเท่าไร เราสร้างโรงพยาบาลที่แสนสวยและถ้าฉันเล่าเรื่องนี้ให้บิลและแพทฟังล่ะก้อ สองคนนั้นต้องมาต่อว่าฉันแน่”
วังเปาตอบกลับมาว่า “ฉันต้องการเรียนรู้เกี่ยวกับการรักษาคนป่วย”
“นั่นคือข้อเสียของวังเปา เขาต้องการจะเป็นทุกอย่าง ผมบอกเขาไปว่า มันไม่ใช่หน้าที่ของคุณ คุณเป็นคนสำคัญคุณควรจะออกไปสู้รบและก็ไม่ควรปล่อยให้พวกนักบินต้องรอเก้ออยู่อย่างนั้น รีบนำทหารของคุณขึ้นเครื่องไปซะ คนของคุณจะได้กลับไปทำมาหากินเหมือนก่อน อย่ามาแสดงบทคุณหมออยู่เลย คนพวกนี้เขาร่ำเรียนกันเป็นสิบปี และคุณก็ทำให้เด็กนั่นพิการไปแล้ว”
โพเล่าว่า เขายื่นคำขาดแก่วังเปา ไม่มีข้าวสาร ไม่มีอาวุธ ไม่มีเครื่องบินจนกว่าคุณจะนำทหารขึ้นสู่ ชอปเปอร์ไป วังเปายืนกรานปฏิเสธ และไม่พอใจที่ถูกโพหักหน้า จากนั้นสงครามเย็นระหว่างทั้งสองคนก็เกิดขึ้น โพจึงวิทยุติดต่อให้มีการยกเลิกเที่ยวบินส่งเสบียงอาหารเป็นเวลา ๑ สัปดาห์ เมื่อหลายๆคนพยายามเข้ามาช่วยเจรจาหย่าศึก วังเปาจึงยอมตกลงตามที่โพต้องการ เมื่อภารกิจเริ่มดำเนินไป โพจึงจัดการให้เที่ยวบินส่งเสบียงมาส่งอีกครั้ง
“ผมชนะ พวกเขาทุกคนต่างรู้ดี” โพย้อนความหลัง “มันช่างไร้สาระสิ้นดี จากนั้นอะไรๆก็แย่ลงอีก แย่ลงมากๆ”
No comments:
Post a Comment