ในปี ๒๕๐๘ เป็นปีที่สหรัฐฯได้เข้าไปดำเนินการขยายฐานที่มั่นที่สำคัญของวังเปาที่ล่องแจ้งและซำทองให้ใหญ่ขึ้น พวกอเมริกันเริ่มเบื่อหน่ายการอาศัยอยู่ในกระท่อมหลังคาสังกะสี ที่มีหนูวิ่งยั้วเยี้ยตามพื้น ระหว่างซำทองและล่องแจ้งไม่มีเส้นทางถนนที่เชื่อมต่อกัน ซึ่งหมายถึงการสัญจรจะต้องใช้ทางเครื่องบินเป็นหลัก ทำให้ต้องสูญเสียค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นถึงหลายพันเหรียญต่อวัน นอกจากนั้นสนามบินพื้นฝุ่นของล่องแจ้ง ก็มักถูกสายหมอกเข้าปกคลุมหนาทึบอยู่ชั่วนาตาปี สร้างความยากลำบากในการนำเครื่องขึ้นลงอย่างยิ่ง
กลางปี ๒๕๐๘ การเปลี่ยนแปลงชนิดพลิกโฉมกำลังดำเนินอยู่ ล่องแจ้งตอนนี้มีสายลับมาอยู่มากขึ้น เพียงเฉพาะเจ้าหน้าที่จากซีไอเอก็มีอยู่ถึง ๖ คน และบ้านพักก็ทันสมัยขึ้นกว่าเดิม มีนักบินแอร์อเมริกา และเจ้าหน้าที่กองทัพอากาศอเมริกันหน้าใหม่ๆมาเพิ่มเติมอีกหลายคน มีการสร้างถนนขึ้นสายหนึ่ง เพื่อเชื่อมซำทองและล่องแจ้งเข้าด้วยกันและรถบูโดเซอร์คันหนึ่งก็กำลังไถหน้าดินส่งเสียงหนวกหูอยู่บริเวณเชิงเขาใกล้ๆ วิศวกรยังได้ทำการระเบิดชะง่อนผาหินปูนบางส่วนที่ยื่นออกมาบริเวณก้นหุบล่องแจ้งเพื่อสร้างรันเวย์สนามบินแห่งใหม่ บริเวณสุดปลายด้านหนึ่งของทางวิ่งของสนามบินแห่งใหม่นี้ ตั้งอยู่ในจุดที่มักปลอดจากสายหมอกปกคลุมในตอนเช้า ส่วนปลายอีกด้านหนึ่งหักเป็นมุมฉากเข้ายังบริเวณลานกว้างหน้าโกดังตรงเชิงผาหินปูน เศษหินบางส่วนจากการระเบิดหน้าผาถูกนำมาใช้ก่อสร้างบ้านหินสองชั้นหลังใหม่ของวังเปา
โทนี โพไม่เห็นด้วยกับความก้าวหน้าทางวัตถุที่ถูกนำเข้ามาในล่องแจ้ง เขามองไม่เห็นว่ามันจะมีประโยชน์อะไร ยกเว้นก็เพียงปรับปรุงรันเวย์สนามบินที่ทำให้ชีวิตของพวกนักบินเป็นเรื่องง่ายขึ้น โพคิดว่าสิ่งจำเป็นคือการพัฒนาด้านการทหาร ไม่ใช่ความสะดวกสบายในตัวเมืองล่องแจ้ง เขาไม่ได้ต้องการให้มีการก่อสร้างโกดังเพิ่มขึ้น ไม่ต้องการถนน รถบรรทุก หรือรถจิ๊ปใหม่ๆไว้ใช้ เขาไม่อยากเห็นชาวเขาพากันอพยพเข้ามาในล่องแจ้ง
โพโกรธเป็นฟืนเป็นไฟเมื่อทราบข่าวว่าวังเปามีแผนจะซื้อบ้านในเวียงจันทน์ให้เหล่าภรรยาทั้งหลายของเขา ผู้ที่ติดใจแสงสีและความสบายของชีวิตเมืองและมีธุรกิจอยู่ที่นั่นด้วยความช่วยเหลือของลอว์เรนซ์ โพเข้าขัดขวางภรรยาของวังเปาคนหนึ่งที่พยายามจะยึดเอาธุรกิจของแอร์อเมริกาเที่ยวบินระหว่างเวียงจันทน์และล่องแจ้งมาเป็นของตนเอง “ต่อมาวังเปาอยากได้เครื่องบินส่วนตัว” โพย้อนความหลังให้ฟัง “เมื่อวังเปาได้เครื่องบินส่วนตัวสมใจ เครื่องบินเหล่านั้นถูกนำไปใช้ในการขนส่งบรรดาญาติๆและสมบัติส่วนตัว แล้วคุณว่ามันน่าขำไหมล่ะ”
“ภรรยาคนที่สองและสามต้องจ่ายเงินให้กับภรรยาคนที่หนึ่ง เพื่อนำเครื่องบินไปใช้ขนเสบียงอันเป็นของใช้และอาหารในบ้านของวังเปาเอง แต่วังเปาไม่คิดจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวในเรื่องนี้”
“เราต้องหยุดมันเสียตอนนี้ เราควรหยุดเรื่องทั้งหมดนี่ แค่ทิ้งมันออกมาเหมือนกับที่ผมพยายามจะทำอยู่หลายครั้งแล้ว เราควรบอกให้พวกวีไอพีไปตายซะให้หมด”
“ทุกวันปีใหม่พวกม้งจะใช้กระสุนสัก ๕,๐๐๐ นัดเห็นจะได้ ยิงขึ้นใส่ดวงจันทร์ เรื่องนี้ทำให้ผมโมโหจริงๆ ผมถามวังเปาว่า คุณให้ลูกกระสุนพวกเขาไปทำไม เขาก็ตอบกลับมาว่า ก็คุณไม่ได้ห้ามผมไว้นี่ แล้ววินท์ ลอว์เรนซ์ก็เป็นคนให้กระสุนผมมา”
โพ จึงพกความโมโหสุดขีดไปหาลอว์เรนซ์ โดยลอว์เรนซ์อธิบายว่า เขาพยายามให้ความสำคัญกับธรรมเนียมและความเชื่อของพวกชาวเขา ปรากฏว่ามันเป็นพระจันทร์ของคืนข้างขึ้น หาใช่ปรากฏการณ์จันทรคราสไม่ แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร อาจเป็นเรื่องดีเสียด้วยซ้ำ ชาวเขาจะได้เห็นว่าอเมริกันนั้นเคารพต่อวิถีชีวิตของพวกเขา แต่โพกลับรู้สึกสะอิดสะเอียน
“ยิงปืนในดวงจันทร์เนี่ยนะ” เขาย้อนลอว์เรนซ์ “เฮงซวยสิ้นดี” ถ้าอยากจะยิงกันจริงๆทำไมไม่เอาหน้าไม้ของพวกเองมาใช้ยิงล่ะ คุณว่าไหม พวกเขาไม่ควรนำกระสุนจริงๆและอาวุธที่พวกเรามอบให้มาใช้อย่างสิ้นเปลืองเช่นนี้”
No comments:
Post a Comment