บทที่ ๓
๑๓ สิงหาคม ๒๕๐๓ เจ้าสุวรรณภูมาเดินทางกลับมาจากฝรั่งเศสตามคำเชิญของคณะรัฐประหารภายใต้การนำของร้อยเอกกองแล และในวันเดียวกันนั้น นายพลจัตวา อ้วน ราทิกุล เสนาธิการทหารกับคณะเดินทางไปพบเจ้าสมสนิท นายกรัฐมนตรีที่หลวงพระบาง พร้อมกับมติล้มรัฐบาลของสภาผู้แทนราษฎร
๑๔ สิงหาคม คณะรัฐประหารของกองแลได้ออกแถลงการณ์มีความว่าดังนี้
“คณะรัฐประหารขอแจ้งให้ประชาชนทั่วหน้าทราบว่า คณะผู้แทนที่ได้เดินทางไปหลวงพระบางเมื่อเช้านี้เพื่อเสนอญัตติของสภาผู้แทนราษฎรเกี่ยวกับการยุบรัฐบาล บัดนี้ได้รับโทรเลขจากหลวงพระบางว่า รัฐบาลของเจ้าสมสนิททั้งคณะได้ยื่นใบลาออกต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้ามหาชีวิตแล้ว แต่ ๑๖ น.วันที่ ๑๓ สิงหาคมนี้ เป็นไปตามความประสงค์ของคณะรัฐประหารและประชาชน เดี๋ยวนี้คณะผู้แทนของเรากำลังขอเข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้ามหาชีวิต คณะผู้แทนราษฎรพร้อมด้วยรัฐมนตรีทุกท่านที่อยู่หลวงพระบางจะเดินทางกลับมาเวียงจันทน์ในวันนี้”
ในเวลาเดียวกันเจ้ามหาชีวิตก็แต่งตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่โดยเจ้าสุวรรณภูมา เป็นนายกรัฐมนตรี,เจ้าบุญอุ้ม ณ จำปาศักดิ์เป็น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงป้องกันประเทศ,ท้าวกีนิน พลเสนาเป็น รมต.มหาดไทย
สำหรับนายพลภูมี หน่อสวัน ทันทีที่รู้ข่าวกองแลทำรัฐประหารในเวียงจันทน์ เขาบินกลับสวันเขตและเตรียมการต่อต้านรัฐประหารกลับทันที โดยการสนับสนุนจากสหรัฐอเมริกาและเผด็จการสฤษดิ์ ธนะรัชต์ผู้มีศักดิ์เป็นน้า ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของไทย
ภูมี ได้ตั้งสถานีวิทยุกระจายเสียงขึ้นในสวันเขตและได้ออกอากาศในวันที่ ๑๗ สิงหาคม ๒๕๐๓ ปฏิเสธรัฐบาลของเจ้าสุวรรณภูมา อ้างว่าเป็นรัฐบาลหุ่น ขณะเดียวกันเขาได้ตั้ง “คณะรัฐบาลประจำการสวันเขต” หรือคณะกรรมการปราบคณะรัฐประหารของกองแลที่มีตัวเขาเป็นหัวหน้าคณะ ซึ่งต่อมาได้ส่งกองกำลังเข้าไปโอบล้อมเวียงจันทน์
ต่อมาได้มีการปะทะกันระหว่างกองทหารของกองแลกับทหารสวันเขตที่ปากกระดิ่ง แถบน้ำงึม ห่างจากเวียงจันทน์ไปทางทิศตะวันออก ๕๐ กิโลเมตร
เจ้าบุญอุ้ม ณ จำปาศักดิ์ ได้ออกประกาศขอร้องไม่ให้มีการปะทะกันระหว่างกองทัพลาว และได้แต่งตั้งพลจัตวาอ้วน ราทิกุล เป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุด
๒๓ สิงหาคม ๒๕๐๓ รัฐบาลลาวต่อต้านภายใต้การนำของเจ้าสุภานุวงศ์ได้ออกแถลงการณ์ผ่านสถานีวิทยุกระจายเสียงซำเหนือสนับสนุนแนวทางสันติภาพเป็นกลางและปรองดองแห่งชาติของรัฐบาลเจ้าสุวรรณภูมา
ต่อมานายเกรแฮม พาร์สัน อดีตเอกอัครราชทูตอเมริกันประจำประเทศลาว ขณะนั้นดำรงตำแหน่งเป็นผู้ช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศด้านตะวันออกไกล ถูกส่งตัวมาจากวอชิงตันมาพบเจ้าสุวรรณภูมาโดยด่วน เพื่อขัดขวางการเจรจาระหว่างเจ้าพี่สุวรรณภูมากับเจ้าน้องสุภานุวงศ์ไม่ให้เกิดขึ้น และขอให้เจ้าสุวรรณภูมาหันไปจับมือกับฝ่ายของนายพลภูมี หน่อสวัน และย้ายที่ตั้งรัฐบาลไปอยู่เสียที่เมืองหลวงพระบาง
๑๓ สิงหาคม ๒๕๐๓ เจ้าสุวรรณภูมาเดินทางกลับมาจากฝรั่งเศสตามคำเชิญของคณะรัฐประหารภายใต้การนำของร้อยเอกกองแล และในวันเดียวกันนั้น นายพลจัตวา อ้วน ราทิกุล เสนาธิการทหารกับคณะเดินทางไปพบเจ้าสมสนิท นายกรัฐมนตรีที่หลวงพระบาง พร้อมกับมติล้มรัฐบาลของสภาผู้แทนราษฎร
๑๔ สิงหาคม คณะรัฐประหารของกองแลได้ออกแถลงการณ์มีความว่าดังนี้
“คณะรัฐประหารขอแจ้งให้ประชาชนทั่วหน้าทราบว่า คณะผู้แทนที่ได้เดินทางไปหลวงพระบางเมื่อเช้านี้เพื่อเสนอญัตติของสภาผู้แทนราษฎรเกี่ยวกับการยุบรัฐบาล บัดนี้ได้รับโทรเลขจากหลวงพระบางว่า รัฐบาลของเจ้าสมสนิททั้งคณะได้ยื่นใบลาออกต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้ามหาชีวิตแล้ว แต่ ๑๖ น.วันที่ ๑๓ สิงหาคมนี้ เป็นไปตามความประสงค์ของคณะรัฐประหารและประชาชน เดี๋ยวนี้คณะผู้แทนของเรากำลังขอเข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้ามหาชีวิต คณะผู้แทนราษฎรพร้อมด้วยรัฐมนตรีทุกท่านที่อยู่หลวงพระบางจะเดินทางกลับมาเวียงจันทน์ในวันนี้”
ในเวลาเดียวกันเจ้ามหาชีวิตก็แต่งตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่โดยเจ้าสุวรรณภูมา เป็นนายกรัฐมนตรี,เจ้าบุญอุ้ม ณ จำปาศักดิ์เป็น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงป้องกันประเทศ,ท้าวกีนิน พลเสนาเป็น รมต.มหาดไทย
สำหรับนายพลภูมี หน่อสวัน ทันทีที่รู้ข่าวกองแลทำรัฐประหารในเวียงจันทน์ เขาบินกลับสวันเขตและเตรียมการต่อต้านรัฐประหารกลับทันที โดยการสนับสนุนจากสหรัฐอเมริกาและเผด็จการสฤษดิ์ ธนะรัชต์ผู้มีศักดิ์เป็นน้า ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของไทย
ภูมี ได้ตั้งสถานีวิทยุกระจายเสียงขึ้นในสวันเขตและได้ออกอากาศในวันที่ ๑๗ สิงหาคม ๒๕๐๓ ปฏิเสธรัฐบาลของเจ้าสุวรรณภูมา อ้างว่าเป็นรัฐบาลหุ่น ขณะเดียวกันเขาได้ตั้ง “คณะรัฐบาลประจำการสวันเขต” หรือคณะกรรมการปราบคณะรัฐประหารของกองแลที่มีตัวเขาเป็นหัวหน้าคณะ ซึ่งต่อมาได้ส่งกองกำลังเข้าไปโอบล้อมเวียงจันทน์
ต่อมาได้มีการปะทะกันระหว่างกองทหารของกองแลกับทหารสวันเขตที่ปากกระดิ่ง แถบน้ำงึม ห่างจากเวียงจันทน์ไปทางทิศตะวันออก ๕๐ กิโลเมตร
เจ้าบุญอุ้ม ณ จำปาศักดิ์ ได้ออกประกาศขอร้องไม่ให้มีการปะทะกันระหว่างกองทัพลาว และได้แต่งตั้งพลจัตวาอ้วน ราทิกุล เป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุด
๒๓ สิงหาคม ๒๕๐๓ รัฐบาลลาวต่อต้านภายใต้การนำของเจ้าสุภานุวงศ์ได้ออกแถลงการณ์ผ่านสถานีวิทยุกระจายเสียงซำเหนือสนับสนุนแนวทางสันติภาพเป็นกลางและปรองดองแห่งชาติของรัฐบาลเจ้าสุวรรณภูมา
ต่อมานายเกรแฮม พาร์สัน อดีตเอกอัครราชทูตอเมริกันประจำประเทศลาว ขณะนั้นดำรงตำแหน่งเป็นผู้ช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศด้านตะวันออกไกล ถูกส่งตัวมาจากวอชิงตันมาพบเจ้าสุวรรณภูมาโดยด่วน เพื่อขัดขวางการเจรจาระหว่างเจ้าพี่สุวรรณภูมากับเจ้าน้องสุภานุวงศ์ไม่ให้เกิดขึ้น และขอให้เจ้าสุวรรณภูมาหันไปจับมือกับฝ่ายของนายพลภูมี หน่อสวัน และย้ายที่ตั้งรัฐบาลไปอยู่เสียที่เมืองหลวงพระบาง
No comments:
Post a Comment