บทที่ ๑
เมื่อรัฐบาลใหม่จากการทำรัฐประหารของนายพลกุประสิทธิ์ อภัยได้ตั้งขึ้นมาโดยมีเจ้าสุวรรณภูมาที่ซีไอเอกลั่นกรองแล้วว่าจะรับใช้ต่อผลประโยชน์ของสหรัฐอเมริกาอย่างแน่วแน่เป็นนายกรัฐมนตรี อีก ๑๐ วันต่อมาเครื่องบินไอพ่นอเมริกันก็ออกโรงทิ้งระเบิดและนาปาล์มลงตามฐานทัพสำคัญๆของฝ่ายปเทดลาวทั้งในทุ่งไหหิน, ซำเหนือ,และทางใต้ซึ่งความจริงก็คือหมู่บ้านต่างๆ ตามชนบทของชาวลาวทั่วไปนั่นเอง
ในขณะเดียวกัน กองทหารของภูมีก็ออกปฏิบัติการอีกโดยเปิดฉากการรบขึ้นหลายด้าน มีเครื่องบินอเมริกันสนับสนุน การโจมตีทางอากาศของอเมริกันนี้หน้าฉากว่าไปทิ้งระเบิดโจมตี “เส้นทางโฮจิมินห์” ที่เคยอ้างอยู่เสมอว่าเวียดนามเหนือส่งกำลังคนและอาวุธแทรกซึมเข้ามาในเวียดนามใต้โดยเส้นทางนี้ แต่ความเป็นจริงแล้วอเมริกันออกปฏิบัติการนี้ก็เพื่อช่วยเหลือทหารภูมี หน่อสวันในการโจมตีฝ่ายปเทดลาวเท่านั้น ต่อมาซีไอเอ เสนอให้ใช้เครื่องบิน บินลาดตระเวนในระยะต่ำ เพื่อหาจุดยุทธศาสตร์ของฝ่ายปเทดลาว ถ้าพบหรือถูกยิงขึ้นมาก็ให้ทิ้งระเบิดลงไปทันที นี่ก็ไม่เป็นปัญหาว่า ฝ่ายปเทดลาวจะต้องยิงขึ้นมาแน่นอน
ขณะเดียวกัน ความขัดแย้งระหว่างนายทหารฝ่ายขวานิยมกษัตริย์ด้วยกันเองซึ่งต่างก็พยายามเสนอตนให้อเมริกันช่วงใช้ก็รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ในเมื่อ ภูมี หน่อสวัน ไม่เป็นที่โปรดปรานเสียแล้ว ต่อมาเมื่อจอมพลสฤษดิ์ ธนรัชต์ น้าของภูมี หน่อสวัน ลงนรกอเวจีไปแล้ว ภูมีก็เลยขาด “เจ้านาย” คุ้มหัวเลยไม่เป็นที่เกรงใจของนายพลลาวอื่นๆ อีกต่อไป ในเดือนมีนาคม ๒๕๐๘ กำลังของภูมีกับผุย ชนะนิกรก็ปะทะกัน ยังผลให้ภูมีต้องลี้ภัยการเมืองมาอยู่ในไทยไม่มีทางที่จะกลับไปได้อีก
สำหรับเหตุการณ์การปะทะกันเพื่อล้มอำนาจของนายพลภูมี จนต้องหนีตายมาอยู่เมืองไทยนั้น มีบันทึกของ พ.ต.อ.พุฒ บูรณสมภพ อดีตอัศวินของ พลตำรวจเอกเผ่า ศรียานนท์ ในยุคอัศวินผยองในช่วงปี ๒๔๙๐-๒๕๐๐ เขาเป็นผู้ต้องหาคดีฆ่า ๔ อดีตรัฐมนตรีพรรคสหชีพ และยังต้องลี้ภัยหนีตายจากการยึดอำนาจของสฤษดิ์ ธนรัชต์ในปี ๒๕๐๐ ไปยังสวิสเซอร์แลนด์และต่อมาก็ลี้ภัยมายังลาวในช่วงทศวรรษ ๒๕๐๐ เพื่อรออายุความคดีฆาตกรรมให้หมดลงเพื่อกลับประเทศไทย เขาได้บันทึกเหตุการณ์การปะทะกันไว้ดังนี้
“…แล้วก็จริงอย่างที่คิด หลังจากนั้นอีกสองสามวัน นายพลกุปะสิด ก็ซัดกับนายพลภูมีเข้าให้จริงๆ ยกกำลังออกจากค่ายจินายโม้ มุ่งเข้าสู่ตัวเมือง ชาวบ้านร้านช่องต่างปิดประตูบ้านกันโครมครามเพราะทหารพวกนี้(ทหารฝ่ายขวานิยมกษัตริย์)เวลาเข้าร้านรวมไม่เข้าเปล่า ชอบหยิบข้าวของในร้านติดไม้ติดมือไปด้วย แล้วก็ไม่ได้เข้าไปเพียงสองสามคน เขาเข้าไปกันเป็นหมู่เป็นหมวด แล้วอะไรในร้านมันจะเหลือ
No comments:
Post a Comment