Sunday, April 5, 2009

ลำดับ๕๓๒.เจ้าสุวรรณภูมาเปลี่ยนจุดยืน


ย้อนไปในช่วงต้นเดือนกันยายน ๒๕๐๓ หลังจากกองแลทำรัฐหารได้ไม่กี่สัปดาห์ ภูมี หน่อสวันก็ได้ตั้งคณะกรรมการปฏิวัติโดยให้เจ้าบุญอุ้ม ณ จำปาศักดิ์มาเป็นผู้นำ และยกพลเพื่อจะยึดเวียงจันทน์คืนจากกองแล เจ้าสุวรรณภูมาซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีของรัฐบาลที่กองแลตั้งขึ้นเลยต้องหันมาพึ่งกองกำลังฝ่ายปเทดลาวของเจ้าน้องสุภานุวงศ์โดยขอให้เข้าร่วมรัฐบาลด้วย

ดังนั้นเองในเดือนตุลาคม ๒๕๐๓ เกรแฮม พาร์สันผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างเทศด้านตะวันออกไกลก็ถูกส่งมายังลาวโดยพกเอาความคิดทางการเมืองแบบสมัยบรรพกาลมาด้วย เขาคิดเพียงว่า กองแลซึ่งเป็นผลิตผลที่อเมริกันสร้างขึ้นโดยสมบูรณ์ บัดนี้กลายเป็นคอมมิวนิสต์ไปเสียแล้วและเจ้าสุวรรณภูมาก็กำลังจะเป็นคอมมิวนิสต์ไปด้วย และเพื่อให้ทางลาวได้ตระหนักถึงความสำคัญของตน พอพาร์สันมาถึงเวียงจันทน์ก็พอดีกับที่มีการระงับจ่ายเงินของสหรัฐอเมริกาเป็นรายเดือนที่เคยให้เป็นประจำกับกองทัพบกลาว

พาร์สันจึงบงการให้เจ้าสุวรรณภูมายุติการเจรจากับเจ้าสุภานุวงศ์เสีย แล้วผูกมิตรกับภูมี หน่อสวัน จัดการย้ายเมืองหลวงไปอยู่หลวงพระบาง เพื่อเปิดโอกาสให้กองทัพภูมี หน่อสวันโดยความร่วมือกับไทยได้เข้าโจมตีเวียงจันทน์ในข้ออ้างว่าเป็น “ฐานทัพแดง”

ในที่สุดเจ้าสุวรรณภูมาผู้ถูกบีบคั้นก็ได้ย้ายคณะรัฐบาลไปตั้งที่หลวงพระบาง พาร์สันจึงจากไปด้วยความตั้งใจมั่นอันเป็นที่ทราบกันอยู่ว่า แม้แต่เจ้าสุวรรณภูมาเองถ้าขัดขืนดึงดันก็จะต้องถูกทำลายไปพร้อมกับเวียงจันทน์ ในเมื่อได้พูดกันดีๆ มาก็มากแล้ว แล้วยังขืนไม่ฟังกันอีก วินท็อบ บราวน์ เอกอัครราชทูตอเมริกันประจำลาว ได้ติดตามพาร์สันไปถึงกรุงเทพฯ พยายามขอร้องให้ลดความรุนแรงลงเสียบ้างจะได้ทำความตกลงกับเจ้าสุวรรณภูมาได้

เมื่อบราวน์กลับมายังเวียงจันทน์ก็ได้บอกกับเจ้าสุวรรณภูมาว่า ในขณะที่กำลังฝ่ายที่ไม่ใช่คอมมิวนิสต์มัวแต่วิวาทวาทากันเองอยู่นั้น ลาวทั้งประเทศคงจะต้องตกเป็นของฝ่ายปเทดลาวอย่างแน่แท้ เพราะลาวฝ่ายซ้ายยังคงใช้ยุทธวิธีกองโจรลิดรอนกำลังฝ่ายรัฐบาลกษัตริย์อยู่ร่ำไป ทั้งๆ ที่การเจรจากำลังดำเนินอยู่ บราวน์รับรองว่าสหรัฐอเมริกาจะให้เงินช่วยเหลือใหม่ ถ้าเจ้าพี่ไม่คัดค้านการส่งกำลังอาวุธเข้ามาช่วยนายพลภูมี หน่อสวัน เพราะสหรัฐอเมริกาได้รับคำมั่นเป็นประกันจากภูมี หน่อสวัน แล้วว่า จะไม่ใช้อาวุธและกำลังทหารฝ่ายเป็นกลางเพื่อโค่นล้มเจ้าสุวรรณภูมา หากแต่อาวุธดังกล่าวนั้นเอาไว้ปราบทหารปเทดลาวฝ่ายเดียว

ทั้งเจ้าพี่สุวรรณภูมาและนายพลภูมี หน่อสวัน แสดงบทบาทไปดังที่ได้คาดหมายไว้ จุดมั่นเดิมของเจ้าพี่จึงค่อยๆ เปลี่ยนจาก เสรีนิยม-ชาตินิยม-โปรฝรั่งเศสจนกลายมาเป็นแอนตี้ชาตินิยม-โปรสหรัฐอเมริกา โดยที่ขณะนั้นผู้นำทางฝ่ายปเทดลาวและกองแลยังไม่อาจทราบได้เลยว่า เจ้าสุวรรณภูมาถูกสหรัฐอเมริกาชักใยได้แล้ว

No comments: