Sunday, September 16, 2007

บทความที่๒๙๕.ชีวิตที่ผันผวนและ ๒๑ปีที่ลี้ภัย ๓

ชีวิตผันผวนของข้าพเจ้า และ ๒๑ ปีที่ลี้ภัยในสาธารณรัฐราษฎรจีน
ปรีดี พนมยงค์
-๔-
ในช่วงวันสุดสัปดาห์ระหว่างวันที่ ๑๗-๑๘ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๑๓ ข้าพเจ้าและภรรยาได้รับเชิญจากท่านลอร์ดเมานท์แบตเตน (Lord Mountbatten อดีตผู้บัญชาการสูงสุดแห่งกองทัพสัมพันธมิตรภาคเอเชียอาคเนย์)ไปที่ปราสาทบรอดแลนด์ ที่ตำบลรอมเซย์ เมืองแฮมป์เชียร์ และระหว่างที่ข้าพเจ้าพักอยู่ที่ลอนดอน ข้าพเจ้าได้รับเชิญจากนักเรียนไทยไปให้ร่วมอภิปรายเมื่อวันที่ ๑๘ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๑๓ หลังจากพบปะครั้งนี้ นักเรียนคนหนึ่งได้เขียนบทความชื่อ รายงานการประชุมพบปะระหว่างปรีดี พนมยงค์กับนักเรียนในกรุงลอนดอน (บทความดังกล่าวได้รับรางวัลจากสมาคมแองโกล-ไทย)ตีพิมพ์ในสามัคคีสาร ประจำฤดูหนาว (พ.ศ.๒๕๑๓-๒๕๑๔) ต่อมาวารสาร จตุรัส ได้ตีพิมพ์คำแปลบทความดังกล่าวเป็นภาษาไทย แต่ถูกสันติบาลซึ่งมีอำนาจในการควบคุมสิ่งตีพิมพ์ที่เกี่ยวกับการเมือง ยึดวารสารดังกล่าว โดยอ้างว่าวารสารนี้ตีพิมพ์ในกรุงเทพฯไม่ใช่ในต่างจังหวัดตามที่ระบุไว้ในปกด้านใน และตามที่ได้รับอนุญาตจากกรมตำรวจนอกจากนี้ยังได้กล่าวหาว่าหัวข้อเรื่องไม่เหมาะสม กองบรรณาธิการ สามัคคีสาร ณ กรุงลอนดอน ซึ่งคุ้นเคยกับลัทธิเสรีภาพในการพิมพ์หนังสือในประเทศอังกฤษ ได้ประท้วงข้อกล่าวหาอย่างแข็งขัน

อย่างไรก็ตาม บุคคลผู้มีวิจารณาญาณย่อมเข้าใจดีถึงสาเหตุที่วารสารดังกล่าวถูกยึด กล่าวคือ มีบุคคลบางจำพวกไม่ยอมรับและไม่ประสงค์ให้เป็นที่รู้กันว่า มีการใส่ร้ายข้าพเจ้า

-๕-
ส่วนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลเดชนั้น ข้าพเจ้าได้ทราบถึงพระราชกระแสของพระองค์จากรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศหลังจากออกคำสั่งให้เอกอัครราชทูต ณ กรุงปารีสออกหนังสือเดินทางใหม่ให้ข้าพเจ้าแล้ว ก็ได้นำความกราบบังคมทูล มีพระราชกระแสรับสั่ง “ดีแล้ว”

นอกจากนี้หม่อมเจ้าหญิงอัปภัศราภา เทวกุล ซึ่งทรงรับใช้ใกล้ชิดพระพันวสาอัยยิกาเจ้า ได้เสด็จมาเยี่ยมเยียนข้าพเจ้าที่บ้านพักชานกรุงปารีส ได้นำหนังสือ สมเด็จพระศรีสวรินทรา มาประทานข้าพเจ้า ในหนังสือเล่มนั้น มีตอนหนึ่งที่ท่านหญิงฯ ได้ประทานเล่าเรื่องไว้เกี่ยวกับข้าพเจ้าและเสรีไทยบางคนที่ถวายความปลอดภัยแด่สมเด็จพระองค์นั้น และพระบรมวงศานุวงศ์หลายพระองค์ในระหว่างที่ญี่ปุ่นยึดครองประเทศไทย ท่านหญิงฯกล่าวไว้ในคำนำหนังสือเล่มนั้นว่า ก่อนที่จะทรงเล่าให้ผู้จัดพิมพ์นำไปลงพิมพ์นั้น ท่านหญิงฯได้มีโอกาสเข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระราชกระแสรับสั่งว่า “ถ้าเป็นความจริงก็เล่าได้”

No comments: