Monday, March 24, 2008

บทความที่๓๗๔.ภารกิจเสรีไทย (๔)

ภารกิจเสรีไทย
จากบันทึกของ ร.ต.อ.เฉียบ อัมพุนันทน์(ชัยสงค์)

เย็นวันนั้นข้าพเจ้าก้าวเข้าสู่วังปารุสกวัน เมื่อข้ามสะพานเล็กๆ ก็พบกับตำรวจอารักขาของข้าพเจ้า ๒-๓ คน เขาชะโงกหน้ามาถามข้าพเจ้าว่า

“ผู้กองมาพบท่านอธิบดีหรือครับ ?”

ข้าพเจ้าพยักหน้าแทนคำตอบ

นายสิบโทแห่งแผนกอารักขายิ้มย่องและบอกให้ข้าพเจ้ารออยู่ก่อน ตัวเขาเองได้เข้าไปรายงานต่อท่านอธิบดีเพื่อขอรับอนุมัติ ก่อนชั่วเวลาไม่ถึง ๕ นาที เขาก็กลับมาบอกข้าพเจ้าว่า

“ท่านอธิบดีบอกว่าเชิญครับ”

ข้าพเจ้าดึงชายเสื้อให้เครื่องแบบตึงเป๊ะ สายคันชีพของข้าพเจ้าถูกจัดให้ตรงแหล่ง ลูกกระดุมทุกเม็ดถูกสำรวจว่าได้เข้าไปอยู่ในรังดุมเรียบร้อยแล้วหรือ ตลอดจนขอคอจะต้องไม่หลุด หัวเกือกของข้าพเจ้าจะต้องมันวาวไม่มีผงอะไรมาทำให้เลอะเทอะ เหล่านี้ข้าพเจ้าจะต้องสำรวจอีกเป็นครั้งที่สองถัดจากครั้งแรกที่ได้สำรวจแล้วที่หน้าวังปารุสกวัน ข้าพเจ้าทราบดีว่าท่านอธิบดีผู้นี้ชอบในสิ่งที่เป็นระเบียบงดงาม..ทุกอย่างด้วยวินัย

เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ข้าพเจ้าก็ก้าวตรงไปยังตึกสองชั้นเล็กๆ ด้วยอาการอกตั้งมองเห็นนายตำรวจ เอก อดุล อดุลเดชจรัสนั่งทำงานอยู่ที่ห้องชั้นล่าง วันนั้นสวมเสื้อเชิร์ตแขนยาวสีขาวอย่างเรียบร้อย สวมกางเกงสีกากีขายาว ส่วนเสื้อเครื่องแบบนั้นแขวนไว้ที่พนักเก้าอี้ตัวที่ท่านนั่งอยู่นั้นเอง เมื่อเข้าไปในห้องซึ่งระเกะระกะด้วยสมุดประวัติและเอกสารมากมายนั้น ข้าพเจ้าได้ถอดหมวกและถือมันไว้ในมือซ้ายตามระเบียบ ก้าวเข้าไปชิดเท้าที่หน้าโต๊ธทำงานของท่านและโค้งตัวลง พลันท่านก็เงยหน้าขึ้นและสายตาของข้าพเจ้าก็เผชิญกับดวงตาสีเหล็กอันแข็งกร้าว แววตานั้นเต็มไปด้วยกังวลแห่งกิจการงาน ข้าพเจ้าจึงรายงานว่า

“กระผมนายร้อยตำรวจเอก เฉียบ ชัยสงค์ สารวัตรประจำแผนก ๒ กองกำกับการ ๔ ตำรวจสันติบาล นายร้อยตำรวจเอกเชื้อ สุวรรณศร บอกกับผมว่าท่านอธิบดีต้องการพบผม”

“คุณเฉียบเรอะ..”

ท่านอธิบดีทักชื่อข้าพเจ้าก่อนที่ข้าพเจ้าจะรายงานจบ เหมือนกับว่าท่านมิได้สนใจกับถ้อยคำที่ข้าพเจ้ารายงานนั้น พร้อมกันได้ชี้มือไปที่เก้าอี้ตัวหนึ่งหน้าโต๊ะทำงานของท่านและพูดว่า

“นั่งลงๆ...”
ข้าพเจ้านั่งลงที่เก้าอี้ตัวนั้นอย่างว่าง่ายและระมัดระวังอิริยาบททุกอย่างมิให้มีการผิดพลาดลงได้ สำรวมตนจนได้ยินเสียงหายใจของตนเอง ไม่ช้านักท่านก็กล่าวขึ้นว่า

“ผมจะให้คุณไปทำงานที่จังหวัดชุมพร เชื้อเขาบอกแล้วไม่ใช่หรือ?”

“ครับ”

“หน่วยนี้เป็นหน่วยอเมริกัน”

“ครับ”

“คนเคาะวิทยุของคุณชื่อนายเชื้อ หุ่นจำลอง เวลานี้พักอยู่ที่บ้านมะลิวัลย์ ให้คุณไปบอกเชื้อให้เขาพาไปพบ เมื่อพบแล้วให้เตรียมตัวเดินทางได้ แล้วก็ขอให้ระมัดระวังในการปฏิบัติงานอย่าประมาท และให้รักษาความลับอย่างยิ่งยวด..”

หยุดไปอึดใจหนึ่งท่านอธิบดีก็กล่าวขึ้นอีกว่า

“อ้อ,ผมจะต้องออกคำสั่งย้ายคุณก่อน ให้คุณไปดำรงตำแหน่งรองผู้กำกับการ แล้วคุณก็จะต้องเลือกเอานายที่ไว้ใจได้ไปคนหนึ่งท ลองคิดดูซิเขาเป็นใคร ผมจะได้ออกคำสั่งย้ายไปพร้อมกันเลยทีเดียว”

ข้าพเจ้าไม่ต้องตรึกตรองให้มากความ ได้ตอบไปทันทีว่า

“นายสิบตำรวจโท ชม แสงเงินครับ เดี๋ยวนี้ประจำอยู่แผนก ๒ ร่วมกันกับผม”

เสียงว่า “งั้นเรอะ” ข้าพเจ้าส่งสายตากวาดไปที่โต๊ะทำงานของท่านก็เห็นท่านจดชื่อนายสิบของข้าพเจ้าลงบนเศษกระดาษที่วางไว้ตรงหน้านั้น

ข้าพเจ้ายังงงอยู่ว่า ข้าพเจ้าจะไปทำงานอะไร และมีวิธีการอย่างไร ก็ยังไม่ที่แจ่มแจ้งจึงได้ถามขึ้นอีกว่า

“แล้วท่านอธิบดีจะให้ผมดำเนินงานอย่างไรล่ะครับ..?”

“อ้าว, ยังไม่รู้เรอะ รายละเอียดไปถามเชื้อเขาดูก็แล้วกัน” ท่านตัดบทสั้นๆ แล้วก็หันมาถามข้าพเจ้าเป็นประโยคสุดท้ายว่า

“เข้าใจไหม?”

“เข้าใจครับ” ข้าพเจ้าตอบออกไปทั้งๆ ที่ยังไม่เข้าใจอะไรอีกหลายอย่าง ขณะที่กำลังงงๆ อยู่นั้นก็ได้ยินเสียงสั่งการต่อไปอีกว่า
“ถ้างั้นก็รีบไปดำเนินการได้”

ข้าพเจ้าถอยออกมาก้าวหนึ่ง ไม่ลืมคำนับเสียก่อนที่จะออกจากห้องนั้นไป บัดนี้ข้าพเจ้ารู้สึกตื่นเต้นน้อยๆ ที่กำลังจะได้ทำงาน “พิเศษ” แต่ยังไม่ทราบว่างาน “พิเศษ” นั้นคืองานอะไรแน่ รู้แต่เพียงว่าจะเข้าต่อสู้กับ “อ้ายยุ่น” เท่านั้นเอง และรู้สึกตื่นเต้นมากขึ้นอีกหน่อย เมื่อท่านอธิบดีบอกว่าข้าพเจ้ามีคนเคาะวิทยุ เสียด้วย รำพึงอยู่ภายในจิตใจว่าจะเคาะส่งภายในประเทศหรือว่าจะเคาะส่งไปต่างประเทศ หากส่งไปต่างประเทศก็หมายความว่าสงครามที่เราจะดำเนินการนี้จะต้องร่วมมือกับต่างประเทศแล้วก็หวนไปคิดถึงคำของ ร.ต.อ.เชื้อ สุวรรณศร ที่ว่า อาวุธของเราจะสามารถส่งมาจากเมืองฝรั่งได้ ข้าพเจ้าสงสัยอยู่ครามครันว่าจะส่งเข้ามาได้อย่างไร มันออกจะเป็นเรื่องที่น่าพิศวงอยู่ไม่น้อย

No comments: