ระลึกถึงคุณเฉียบ อัมพุนันทน์
โดย ปรีดี พนมยงค์
เมื่อคุณเฉียบฯ ได้เป็นอิสระแล้ว รัฐบาลสิงคโปร์ไม่ยอมให้ลี้ภัยอยู่ที่สิงคโปร์เพราะเกรงว่าจะทำให้รัฐบาลไทยไม่พอใจ เนื่องจากเวลานั้นสิงคโปร์ต้องการข้าวสารที่กำลังขาดแคลนอยู่จากรัฐบาลไทย คุณเฉียบฯ กับ ส.ต.ท.ชมฯ จึงเดินทางไปอาศัยอยู่ที่เกาะหนึ่งของอินโดนีเซีย ขณะนั้นเป็นอาณานิคมของฮอลันดา คุณเฉียบฯ กับ ส.ต.ท.ชมฯ ได้รับความลำบากมาก ต้องหาเลี้ยงชีพด้วยการช่วยชาวประมงทำการจับปลา
ส่วนข้าพเจ้ากับผู้ติดตามบางคน ได้ออกเดินทางจากสิงคโปร์ไปประเทศจีน ขณะที่รัฐบาลเจียงไคเช็คยังอยู่บนผืนแผ่นดินใหญ่ของจีน ข้าพเจ้าอยู่ในประเทศจีนประมาณ ๗ เดือนเศษก็เล็ดลอดกลับมาประเทศไทย เพื่ออำนวยการขบวนการ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๔๙๒ เมื่อข้าพเจ้ากับขบวนการนั้นพ่ายแพ้แล้ว ข้าพเจ้าได้หลบอยู่ในประเทศไทยประมาณ ๖ เดือน แล้วเดินทางออกจากประเทศไปยังฮ่องกง เปลี่ยนเรือจากฮ่องกงไปยังเมืองชิงเตา ซึ่งอยู่ในเขตยึดครองของกองทหารปลดแอกจีนภายใต้การนำของพรรคคอมมิวนิสต์จีน และได้รับการต้อนรับจากพรรคคอมมิวนิสต์จีนให้ข้าพเจ้าเป็นผู้ลี้ภัยทางการเมือง และได้เชิญข้าพเจ้าไปร่วมในงานสถาปนาสาธารณรัฐประชาธิปไตยของราษฎรจีนในวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๔๙๒
ฝ่ายคุณเฉียบฯกับชม ได้อาศัยเรือใบหาปลาของคนจีนจากเกาะแห่งหนึ่งของอินโดนีเซียไปยังเกาะไหหลำ ขณะนั้นฝ่ายก๊กมินตั๋งยังยึดครองอยู่ คุณเฉียบฯกับชมพักอยู่ที่เกาะไหหลำ แล้วมาฮ่องกง ได้ติดต่อกับเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลสาธารณรัฐราษฎรจีนเพื่อขอลี้ภัยไปอยู่กับข้าพเจ้าในสาธารณรัฐราษฎรจีน เมื่อได้รับอนุญาตแล้วคุณเฉียบฯกับคณะก็ได้เดินทางไปอยู่กับข้าพเจ้าที่ปักกิ่ง เป็นเวลาประมาณ ๗ ปี แล้วคุณเฉียบฯกับชมฯ จึงเดินทางกลับประเทศไทย
ในระหว่างอยู่กับข้าพเจ้าที่ปักกิ่งนั้น คุณเฉียบฯเป็นผู้มีความอุตสาหะขยันหมั่นเพียรในการศึกษาหาความรู้ในวิทยาศาสตร์สังคมและในการปฏิบัติเพื่อปรับปรุงตนเองแก้ไขซากความคิดเก่า โดยปรารถนาให้เกิดจิตสำนึกยืนหยัดในชนชั้นวรรณะ กรรมกรและชาวนาที่เป็นพันธมิตรสำคัญของกรรมกร
ในการศึกษาทางทฤษฎีนั้น เนื่องจากคุณเฉียบฯไม่มีความรู้ภาษาจีนเพียงพอ ฉะนั้นนอกจากอาศัยบทความบางเรื่อง ซึ่งล่ามได้ช่วยแปลจากภาษาจีนมาเป็นภาษาไทยแล้ว ก็ได้อาศัยตำราที่พิมพ์เป็นภาษาอังกฤษ โดยที่คุณเฉียบฯได้เคยศึกษาภาษาอังกฤษจนสำเร็จชั้นมัธยม ๘ แห่งโรงเรียนบ้านสมเด็จเจ้าพระยา ซึ่งสมัยนั้นมีอาจารย์ที่เป็นคนอังกฤษสอนภาษาอังกฤษอยู่ และคุณเฉียบฯเป็นผู้สอบไล่ได้เป็นที่ ๑ จึงมีความรู้ภาษาอังกฤษเป็นพื้นฐานอยู่ เมื่อได้มาอยู่ในประเทศจีนก็ได้ฝึกฝนภาษาอังกฤษเพิ่มเติมประกอบกับทฤษฎีวิทยาศาสตร์สังคม โดยเริ่มจากการแปลบทความทางทฤษฎีจากง่ายไปสู่ยากเป็นลำดับ แล้วส่งให้ข้าพเจ้าช่วยตรวจแก้
ต่อมาอีก ๓-๔ ปี คุณเฉียบฯก็สามารถแปลตำราวิทยาศาสตร์สังคมจากภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทยได้หลายเรื่อง โดยที่คุณเฉียบฯมีความจำแม่นยำ ฉะนั้นบางครั้งข้าพเจ้าลืมว่าเรื่องใดมีกล่าวไว้ในหนังสือหน้าใด คุณเฉียบฯก็ได้ช่วยข้าพเจ้าพลิกหน้านั้นมาให้ข้าพเจ้าดูได้
คุณเฉียบฯ ได้ปรารภว่า ตนเองเคยเป็นนายตำรวจซึ่งอยู่ในชนชั้นปกครอง ฉะนั้นจึงจำต้องพยายามแก้ไขความเคยชินเดิมของตนโดยให้เกิดจิตสำนึกในชนชั้นวรรณะกรรมกรและชาวนาที่เป็นพันธมิตรสำคัญ ทั้งในทางทฤษฎีและสมานกับการปฏิบัติ เพราะผู้ที่ศึกษาแต่ทางทฤษฎีอย่างเดียวโดยไม่มีการปฏิบัติที่สมานด้วย ก็ยังไม่เป็นการเพียงพอที่จะก่อเกิดจิตสำนึกในชนชั้นวรรณะกรรมกรและชาวนาได้ คือ จะเป็นแต่เพียงรู้ทฤษฎีแต่ปฏิบัติจริงไม่ได้ ดังนั้น คุณเฉียบฯจึงได้ขอร้องทางการจีนเพื่อไปเป็นกรรมกรในโรงงานอุตสาหกรรมจีน แต่ทางจีนเห็นว่าให้รอไปเมื่อมีโอกาสเหมาะสมแล้วจะพิจารณาช่วยเหลือได้
เมื่อคุณเฉียบฯได้รอคอยมาระยะหนึ่ง ยังมิได้ทำงานเป็นกรรมกร จึงได้ขออนุญาตทางจีนให้เปลี่ยนวิธีปฏิบัติในการรับรอง ซึ่งได้จีนได้รับรองข้าพเจ้ากับผู้ติดตามในฐานะแขกพิเศษมีอาหารรับประทานอุดมสมบูรณ์นั้น โดยคุณเฉียบฯ ขอรับประทานอาหารเหมือนพลทหารและเจ้าหน้าที่ผู้อารักขา คือมีกับข้าวอย่างเดียว ทางจีนก็อนุญาตให้คุณเฉียบฯรับประทานอาหารเหมือนพลทหารและเจ้าหน้าที่ผู้อารักขาได้เฉพาะวันอาทิตย์เท่านั้น ส่วนวันอื่นๆขอให้รับประทานอย่างแขกพิเศษตามเดิม
โดย ปรีดี พนมยงค์
เมื่อคุณเฉียบฯ ได้เป็นอิสระแล้ว รัฐบาลสิงคโปร์ไม่ยอมให้ลี้ภัยอยู่ที่สิงคโปร์เพราะเกรงว่าจะทำให้รัฐบาลไทยไม่พอใจ เนื่องจากเวลานั้นสิงคโปร์ต้องการข้าวสารที่กำลังขาดแคลนอยู่จากรัฐบาลไทย คุณเฉียบฯ กับ ส.ต.ท.ชมฯ จึงเดินทางไปอาศัยอยู่ที่เกาะหนึ่งของอินโดนีเซีย ขณะนั้นเป็นอาณานิคมของฮอลันดา คุณเฉียบฯ กับ ส.ต.ท.ชมฯ ได้รับความลำบากมาก ต้องหาเลี้ยงชีพด้วยการช่วยชาวประมงทำการจับปลา
ส่วนข้าพเจ้ากับผู้ติดตามบางคน ได้ออกเดินทางจากสิงคโปร์ไปประเทศจีน ขณะที่รัฐบาลเจียงไคเช็คยังอยู่บนผืนแผ่นดินใหญ่ของจีน ข้าพเจ้าอยู่ในประเทศจีนประมาณ ๗ เดือนเศษก็เล็ดลอดกลับมาประเทศไทย เพื่ออำนวยการขบวนการ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๔๙๒ เมื่อข้าพเจ้ากับขบวนการนั้นพ่ายแพ้แล้ว ข้าพเจ้าได้หลบอยู่ในประเทศไทยประมาณ ๖ เดือน แล้วเดินทางออกจากประเทศไปยังฮ่องกง เปลี่ยนเรือจากฮ่องกงไปยังเมืองชิงเตา ซึ่งอยู่ในเขตยึดครองของกองทหารปลดแอกจีนภายใต้การนำของพรรคคอมมิวนิสต์จีน และได้รับการต้อนรับจากพรรคคอมมิวนิสต์จีนให้ข้าพเจ้าเป็นผู้ลี้ภัยทางการเมือง และได้เชิญข้าพเจ้าไปร่วมในงานสถาปนาสาธารณรัฐประชาธิปไตยของราษฎรจีนในวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๔๙๒
ฝ่ายคุณเฉียบฯกับชม ได้อาศัยเรือใบหาปลาของคนจีนจากเกาะแห่งหนึ่งของอินโดนีเซียไปยังเกาะไหหลำ ขณะนั้นฝ่ายก๊กมินตั๋งยังยึดครองอยู่ คุณเฉียบฯกับชมพักอยู่ที่เกาะไหหลำ แล้วมาฮ่องกง ได้ติดต่อกับเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลสาธารณรัฐราษฎรจีนเพื่อขอลี้ภัยไปอยู่กับข้าพเจ้าในสาธารณรัฐราษฎรจีน เมื่อได้รับอนุญาตแล้วคุณเฉียบฯกับคณะก็ได้เดินทางไปอยู่กับข้าพเจ้าที่ปักกิ่ง เป็นเวลาประมาณ ๗ ปี แล้วคุณเฉียบฯกับชมฯ จึงเดินทางกลับประเทศไทย
ในระหว่างอยู่กับข้าพเจ้าที่ปักกิ่งนั้น คุณเฉียบฯเป็นผู้มีความอุตสาหะขยันหมั่นเพียรในการศึกษาหาความรู้ในวิทยาศาสตร์สังคมและในการปฏิบัติเพื่อปรับปรุงตนเองแก้ไขซากความคิดเก่า โดยปรารถนาให้เกิดจิตสำนึกยืนหยัดในชนชั้นวรรณะ กรรมกรและชาวนาที่เป็นพันธมิตรสำคัญของกรรมกร
ในการศึกษาทางทฤษฎีนั้น เนื่องจากคุณเฉียบฯไม่มีความรู้ภาษาจีนเพียงพอ ฉะนั้นนอกจากอาศัยบทความบางเรื่อง ซึ่งล่ามได้ช่วยแปลจากภาษาจีนมาเป็นภาษาไทยแล้ว ก็ได้อาศัยตำราที่พิมพ์เป็นภาษาอังกฤษ โดยที่คุณเฉียบฯได้เคยศึกษาภาษาอังกฤษจนสำเร็จชั้นมัธยม ๘ แห่งโรงเรียนบ้านสมเด็จเจ้าพระยา ซึ่งสมัยนั้นมีอาจารย์ที่เป็นคนอังกฤษสอนภาษาอังกฤษอยู่ และคุณเฉียบฯเป็นผู้สอบไล่ได้เป็นที่ ๑ จึงมีความรู้ภาษาอังกฤษเป็นพื้นฐานอยู่ เมื่อได้มาอยู่ในประเทศจีนก็ได้ฝึกฝนภาษาอังกฤษเพิ่มเติมประกอบกับทฤษฎีวิทยาศาสตร์สังคม โดยเริ่มจากการแปลบทความทางทฤษฎีจากง่ายไปสู่ยากเป็นลำดับ แล้วส่งให้ข้าพเจ้าช่วยตรวจแก้
ต่อมาอีก ๓-๔ ปี คุณเฉียบฯก็สามารถแปลตำราวิทยาศาสตร์สังคมจากภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทยได้หลายเรื่อง โดยที่คุณเฉียบฯมีความจำแม่นยำ ฉะนั้นบางครั้งข้าพเจ้าลืมว่าเรื่องใดมีกล่าวไว้ในหนังสือหน้าใด คุณเฉียบฯก็ได้ช่วยข้าพเจ้าพลิกหน้านั้นมาให้ข้าพเจ้าดูได้
คุณเฉียบฯ ได้ปรารภว่า ตนเองเคยเป็นนายตำรวจซึ่งอยู่ในชนชั้นปกครอง ฉะนั้นจึงจำต้องพยายามแก้ไขความเคยชินเดิมของตนโดยให้เกิดจิตสำนึกในชนชั้นวรรณะกรรมกรและชาวนาที่เป็นพันธมิตรสำคัญ ทั้งในทางทฤษฎีและสมานกับการปฏิบัติ เพราะผู้ที่ศึกษาแต่ทางทฤษฎีอย่างเดียวโดยไม่มีการปฏิบัติที่สมานด้วย ก็ยังไม่เป็นการเพียงพอที่จะก่อเกิดจิตสำนึกในชนชั้นวรรณะกรรมกรและชาวนาได้ คือ จะเป็นแต่เพียงรู้ทฤษฎีแต่ปฏิบัติจริงไม่ได้ ดังนั้น คุณเฉียบฯจึงได้ขอร้องทางการจีนเพื่อไปเป็นกรรมกรในโรงงานอุตสาหกรรมจีน แต่ทางจีนเห็นว่าให้รอไปเมื่อมีโอกาสเหมาะสมแล้วจะพิจารณาช่วยเหลือได้
เมื่อคุณเฉียบฯได้รอคอยมาระยะหนึ่ง ยังมิได้ทำงานเป็นกรรมกร จึงได้ขออนุญาตทางจีนให้เปลี่ยนวิธีปฏิบัติในการรับรอง ซึ่งได้จีนได้รับรองข้าพเจ้ากับผู้ติดตามในฐานะแขกพิเศษมีอาหารรับประทานอุดมสมบูรณ์นั้น โดยคุณเฉียบฯ ขอรับประทานอาหารเหมือนพลทหารและเจ้าหน้าที่ผู้อารักขา คือมีกับข้าวอย่างเดียว ทางจีนก็อนุญาตให้คุณเฉียบฯรับประทานอาหารเหมือนพลทหารและเจ้าหน้าที่ผู้อารักขาได้เฉพาะวันอาทิตย์เท่านั้น ส่วนวันอื่นๆขอให้รับประทานอย่างแขกพิเศษตามเดิม
No comments:
Post a Comment