Tuesday, March 25, 2008

บทความที่๓๗๕.ภารกิจเสรีไทย (๕)

ภารกิจเสรีไทย
จากบันทึกของ ร.ต.อ.เฉียบ อัมพุนันทน์(ชัยสงค์)
ข้าพเจ้าออกจากวังปารุสกวัน มิได้กลับไปบ้านพักแต่ตรงไป ร.ต.อ.เชื้อ สุวรรณศร อีกครั้งหนึ่ง พอโผล่หน้าเข้าไปให้เห็นเท่านั้น เขาก็หัวเราะเสียงดังเป็นการทักทายข้าพเจ้าเช่นเคย และกระแหนะกระแหนเอากับข้าพเจ้าว่า

“อั๊วโกหกหรือเปล่าเล่า?”

ข้าพเจ้าไม่ตอบคำถามของเขาเพราะรู้อยู่ว่าเขากำลังจะตอแย จึงตัดบทเสียว่า

“ได้ไปพบอธิบดีมาแล้ว”

“เออๆ ท่านว่าอย่างไรบ้าง?” เขาถามอย่างเร็ว

“ท่านบอกให้มาถามรายละเอียดเกี่ยวกับงานที่ลื้อ แล้วก็ให้พาอั๊วไปหา นายเชื้อ หุ่นจำลอง พนักงานเคาะวิทยุที่บ้านมะลิวัลย์ แล้วก็ให้เตรียมตัวเดินทาง พอคำสั่งย้ายออกก็ให้เดินทางไปโดยด่วน..”

เขาตัดบทขึ้นโดยข้าพเจ้ายังกล่าวไม่ทันจบว่า

“เรื่องงานนั้นอั๊วไม่รู้รายละเอียดนี่หว่า ต้องไปถามหัวหน้าใหญ่จึงจะรู้ อั๊วรู้นิดหน่อยเท่านั้น เดี๋ยวบอกผิดไปก็จะเสียการ”

ข้าพเจ้างงน้อยๆ ในคำว่า “หัวหน้าใหญ่” เพราะข้าพเจ้าไปพบนายพลตำรวจเอก อดุล อดุลเดชจรัส มาแล้วเขาก็ยังกล่าวว่ามี “ใหญ่” กว่านั้นอีก จึงได้ซักว่า

“อ้าว,แล้วก็ท่านอธิบดีนั้นไม่ได้เป็นหัวหน้าใหญ่หรือ ?”

เขาหัวเราะอย่างกวนประสาทก่อนตอบว่า

“ใหญ่นั้นก็ใหญ่เหมือนกัน แต่หญ่ายกว่านั้นยังมีอีก” แล้วเขาก็ทำยานคางให้ข้าพเจ้าเกิดโทสะแกมกระหายที่อยากจะทราบว่าผู้นั้นเป็นใคร จึงเร่งรัดว่า

“ใครเป็นหัวหน้าใหญ่ที่ลื้อว่า ?”

เขาไม่ตอบข้าพเจ้าราวกับว่ามันเป็นความลับลี้อย่างที่สุดค่อยๆ ป้องปากบอกกับข้าพเจ้าว่า

“พรุ่งนี้ ๙.๐๐ น. อั๊วจะพาลื้อไปพบดีกว่า ยังไม่ต้องรู้วันนี้ เพราะมันไม่จำเป็นอะไรที่จะต้องรู้วันนี้ พรุ่งนี้ ๙.๐๐ น. ลื้อไปพบอั๊วที่บ้านแล้วจะพาลื้อไปเลย ค่ำวันนี้อั๊วจะไปเรียนท่านล่วงหน้าเสียก่อน ส่วนคนเคาะวิทยุนั้นค่อยไปพบทีหลัง”

คำพูดของเขายิ่งเพิ่มความอึดอัดใจให้ข้าพเจ้ายิ่งขึ้น ดูอะไรมันเป็นความลับไปเสียหมด วิธีการของเขาทำให้ข้าพเจ้าหัวเสียเพราะอะไรๆ ข้าพเจ้าก็เข้าร่วมมือแล้ว แต่ก็ยังปิดบังอยู่แม้แต่ระยะเวลาเพียงคืนเดียวก็เอาดี ดูราวกับว่าเขาไม่ไว้วางใจข้าพเจ้า เมื่อรุกเร้าหนักเข้าเขาก็พาลทำเป็นหัวเราะเสียงหลงราวกับขบขันเสียเต็มประดาในที่สุดเขาก็กล่าวขึ้นว่า

“เรากำลังขยายงานออกไปทุกจังหวัด ของลื้อนั่นมันชุมพร ของรัตน์เขาอยู่ที่สุราษฎร์ ของประสาธ์นพังงา ของเชาว์กระบี่ นอกจากนั้นเราก็มีไปทุกจังหวัด ที่บอกให้ลื้อรู้ไว้นี่ก็เพราะเห็นว่าเป็นจังหวัดใกล้เคียงจะได้ติดต่อกัน”

ข้าพเจ้าค่อยๆสว่างออกเป็นลางๆว่า ร.ต.อ.รัตน์ วัฒนมหาตม์ นั้นจะต้องรับผิดชอบจังหวัดสุราษฎร์ธานี ร.ต.อ.ประสาธน์ สุวรรณสมบูรณ์ นั้นรับผิดชอบจังหวัดพังงา และ ร.ต.อ.เชาว์ คล้ายสัมฤทธิ์ นั้นจะต้องรับผิดชอบจังหวัดกระบี่ แต่ยังไม่กระจ่างพอ ข้าพเจ้าจึงได้ซักไซร้อีกว่า

“แล้วก็จังหวัดระนองล่ะเป็นจังหวัดข้างเคียงเหมือนกัน เป็นใครไม่เห็นบอก?”

เขานิ่งไปสักอึดใจ แล้วก็กลับตะคอกเอาว่า

“เอ, อ้ายนี่อยากรู้มากจริงแฮะ จังหวัดระนองไม่ใช่ตำรวจ อั๊วบอกไม่ได้ เดี๋ยวจะกลายเป็นการเกินเลยไป เขามีอยู่แล้วทุกจังหวัดไม่ต้องถามก็ได้”

“แล้วก็จังหวัดประจวบฯ ล่ะ?”

ข้าพเจ้าซักอีกเพราะถือว่าเป็นจังหวัดข้างเคียง ข้าพเจ้าทำตาเขียวเอาบ้างเขาก็เลยหัวเราะแหะๆ ออกมา พูดเสียงอ่อยๆว่า

“ที่ประจวบนั่นไม่มี มันมีที่หัวหิน แต่ก็เป็นเขตจังหวัดประจวบเหมือนกัน”

“อ้อ! ก็แล้วใครเป็นหัวหน้าล่ะ?”

“ลื้อไม่ต้องรู้เวลานี้ ต่อไปก็รู้เองบอกได้ว่าไม่ใช่ตำรวจเรา”

ข้าพเจ้าไม่ได้โต้เถียงอะไรเขาเพราะรู้ว่าเขามีความระมัดระวังในเรื่องนี้เป็นอย่างสูง เท่าที่เขาชี้แจงต่อหน้าข้าพเจ้านั้นก็มากพอสมควรอยู่แล้ว หากเป็นคนอื่นแล้ว ข้าพเจ้าก็จะไม่กล้าซักถามเขาถึงขนาดนี้ เพราะเป็นการเสียมารยาทที่จะเอื้อมไปรู้ถึงความลับในด้านอื่นซี่งตนไม่มีหน้าที่รับผิดชอบ แต่ก็เพราะข้าพเจ้าไม่มีเรื่อง “มารยาท” เฉพาะเพื่อนคนนี้ ข้าพเจ้าจึงบังอาจพอที่จะซักเขาบ้างพอสมควร ลงท้ายเขาก็เย้าข้าพเจ้าว่า

“เป็นเรื่องของความลับโว้ย ลื้อไม่ได้เป็นผู้บัญชาการ ลื้อไม่ต้องรู้อะไรให้มาก รู้ไว้เฉพาะงานในหน้าที่ของลื้อก็แล้วกัน”

ปากของข้าพเจ้าคันขึ้นมาทันทีที่เขากล่าวเช่นนั้น จึงได้ย้อนถามไปว่า

“ก็ลื้อเป็นผู้บัญชาการเมื่อไหร่ล่ะ แต่ก็เสือกรู้ไปเสียหมด”

เขาหัวเราะเสียงหลงไปพักใหญ่ก็ตอบข้าพเจ้าว่า

“ก็อั๊วเป็น “เบ๊” นี่โว้ย ไม่รู้ได้หรือวะ...”

คำตอบของเขาทำให้ข้าพเจ้ายิ้มออกมาได้ เพราะคำว่า “เบ๊” ของเขานั้นมีความหมายว่าเขาทำหน้าที่เป็น “ม้าใช้” เที่ยวติดต่อคนโน้นคนนี้จึงได้ทราบเรื่อง ข้าพเจ้าจึงไม่อยากจะซักอะไรเขาอีก และเป็นที่เชื่อเขาได้ว่า เรื่องการต่อต้านจักรวรรดินิยมญี่ปุ่นนี้ เขามิได้ปดข้าพเจ้าเหมือนเรื่องอื่นอย่างแน่นอน

No comments: