Monday, September 3, 2007

บทความที่๒๕๑. ท่านปรีดีปาฐกถาที่ลอนดอนปี ๒๕๑๓ ตอนที่ ๒

กรณีสวรรคตของรัชกาลที่ ๘

มีผู้ถามถึงกรณีสวรรคต ซึ่งมีการกล่าวว่านายปรีดีฯ มีส่วนร่วมในกรณีนั้นด้วย ข้อเท็จจริงเป็นประการใด

ท่านอาจารย์ปรีดีฯ กล่าว่า เนื่องจากขณะนี้ตนกำลังเป็นโจทก์ฟ้องหนังสือพิมพ์สยามรัฐและพวก มี ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช และบุคคลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งลงข่าวหมิ่นประมาทตน หาว่าตนเป็นผู้ต้องหาคดีลอบปลงพระชนม์และหลบหนีคดีนั้น ซึ่งเป็นเรื่องไม่จริง จึงเป็นการหมิ่นประมาทใส่ความ คดีเพิ่งจะเริ่มฟ้องและกำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาล ตนจึงไม่อาจชี้แจงให้นอกเหนือไป จากคำฟ้องได้ เพราะจะเป็นการละเมิดอำนาจศาล จึงอยากจะเพียงสรุปจากคำฟ้องของตนให้ฟัง

กล่าวคือ ที่กล่าวหาว่าตนร่วมในกรณีปลงพระชนม์รัชกาลที่ ๘ นั้น เป็นข้อกล่าวหาของบุคคลในสมัยที่รัฐประหารรัฐบาลของตนเมื่อหลังวันที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๔๙๐ ข้อเท็จจริงมีว่าในขณะที่รัชกาลที่ ๘ สวรรคตนั้น ตนเป็นนายกรัฐมนตรี และมีเสียงข้างมากในพฤติสภาและสภาผู้แทน เมื่อรัชกาลที่ ๘ สวรรคตตนได้ปรึกษากับเจ้านายประธานสภาทั้งสอง และคณะรัฐมนตรี อัญเชิญทูลพระอนุชาคือรัชกาลปัจจุบันขึ้นครองราชย์ต่อไป และได้เสนอต่อรัฐสภาเพื่อรับความเห็นชอบตามวิถีทางรัฐธรรมนูญทุกประการหากตนมีเจตนามุ่งจะทำลายสถาบันกษัตริย์ ก็ย่อมกระทำได้โดยไม่ยาก และที่กล่าวว่าตนหลบหนีคดีสวรรคตก็ไม่เป็นความจริง

เหตุที่ตนต้องหลบหนีออกจากประเทศไทย ก็เพราะคณะรัฐประหารสมัยนั้นตามจับตัวและลูกเมียเพื่อจะฆ่า แต่ตนหนีรอดออกมาได้เพราะความช่วยเหลือของผู้ช่วยทูตทหารอังกฤษและอเมริกาที่ประจำอยู่ในประเทศไทยและได้ออกมาจากประเทศไทยภายหลังรัฐประหาร การดำเนินการสอบสวนกรณีสวรรคตกระทำภายหลังเมื่อตนได้ออกมาจากประเทศไทยแล้ว จะกล่าวว่าตนหลบหนีกรณีสวรรคตได้อย่างไร แม้เมื่อตนหนีออกไปพำนักอยูในสิงคโปร์ในระยะแรก ทางคณะรัฐบาลรัฐประหารได้พยายามหาความกับบุคคลที่ติดตามตนไป เพื่อขอให้ทางสิงคโปร์จัดส่งตามวิธีการส่งผู้ร้ายข้ามแดน ศาลสิงคโปร์ก็ตัดสินว่าไม่มีมูล ไม่ยอมให้ส่งตัว และให้ปล่อยบุคคลที่ติดตามนั้นเสีย

แม้เมื่อตนได้ไปอยู่ในประเทศจีน ซึ่งขณะนั้นคณะก๊กมินตั๋งยังครองอำนาจเป็นรัฐบาลอยู่ และมีความสัมพันธ์ทางการทูตกับประเทศไทย ก็ไม่ปรากฏว่าทางการรัฐบาลไทยสมัยนั้นได้ดำเนินการเรียกร้องขอให้รัฐบาลจีนส่งตัวตามวิธีการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนแต่ประการใด
การดำเนินการสอบสวนคดีปรากฏว่า มีการบังคับขู่เข็ญพยานดังกรณีพระยาศรยุทธเสนีย์ ซึ่งได้ให้การไว้ต่อศาล เป็นต้น ฉะนั้นข้อความที่ลงในหนังสือพิมพ์กล่าวหาว่าตนต้องหาในกรณีสวรรคตกับหลบหนีคดี จึงเป็นความเท็จ มุ่งหมายใส่ความตน รายละเอียดปรากฏอยู่ในคำฟ้องแล้ว การดำเนินคดีจะมีผลประการใดขอให้ติดตามฟังผลเอาเอง ตนไม่อาจชี้แจงนอกเหนือไปกว่านี้ได้.

No comments: