Wednesday, February 25, 2009

บทความที่๔๔๓.ลัทธิสังคมนิยมและลัทธิคอมมิวนิสต์ล้าสมัยและล่มสลาย?(๒)

ลัทธิสังคมนิยมและลัทธิคอมมิวนิสต์ล้าสมัยและล่มสลาย?
(จากหนังสือของคุณสุพจน์ ด่านตระกูล ปี 2541)

จักรวรรดินิยมอเมริกา ซึ่งได้รับผลกระทบกระเทือนจากสงครามโลกครั้งที่ ๒ น้อยกว่าประเทศในยุโรปและมีกำลังทางเศรษฐกิจที่เข้มแข็งกว่าประเทศทั้งหลายในยุโรป และมีกำลังทางเศรษฐกิจที่เข้มแข็งกว่าประเทศทั้งหลายในยุโรป จึงได้ส่งความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจมาสู่ยุโรปที่เรียกว่าแผนการมาร์แชล เพื่อสนับสนุนรัฐบาลทุนนิยมของประเทศยุโรปตะวันตกให้คงอยู่ เพื่อยับยั้งการเติบโตของคอมมิวนิสต์ดังกล่าวแล้วข้างต้นและที่เรียกว่าความช่วยเหลือของจักรวรรดินิยมอเมริกานั้นก็เข้าทำนองที่ว่าเสียกำได้กอบ

จากแผนการมาร์แชลก็มาถึงการก่อตั้งกลุ่มทางทหารขึ้นในยุโรปในปี ๑๙๔๙ ที่เรียกว่า กลุ่มสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือเรียกสั้นๆ ตามตัวย่อว่ากลุ่มนาโต (North Atlantic Treaty Organization)

บทความของนิตยสารในสหภาพโซเวียต ประจำเดือนพฤศจิกายน ๒๕๒๓ ได้พูดถึงกลุ่มนาโตว่าดังนี้

“ทันทีที่สงครามโลกครั้งที่ ๒ ยุติลงด้วยความปราชัยอย่างย่อยยับของพวกนาซีเยอรมันและกลุ่มบริวาร ประเทศในยุโรป ก็เริ่มเปิดฉากสงครามเย็นขึ้น และแพร่ข่าวเท็จ โดยอ้างว่ามีภัยคุกคามจากโซเวียต ฝ่ายตะวันตกได้เริ่มเพิ่มแสนยานุภาพทางทหารและดำเนินนโยบายผู้มีกำปั้นใหญ่ ได้มีการจัดตั้งกลุ่มนาโตขึ้นมา อันเป็นพันธมิตรทางทหารที่ทรงพลังยิ่งของมหาอำนาจจักรวรรดินิยมที่ก่อตั้งขึ้นมาในปี ๑๙๔๙ รัฐบาลโซเวียตได้ประกาศในเดือนมกราคม ๑๙๔๙ ว่า พันธมิตรนาโตที่ตั้งขึ้นมามิใช่เป็นการป้องกัน หากแต่เพื่อดำเนินนโยบายรุกรานและเตรียมการก่อสงครามขึ้นมาใหม่”

การก่อตั้งกลุ่มนาโตขึ้นมา ได้ทำให้สถานการณ์ของยุโรปและโลกครุกรุ่นขึ้น และยังเป็นการก่อให้เกิดการแข่งขันด้านอาวุธอีกด้วย เป็นการทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างยุโรปตะวันออกและยุโรปตะวันตกเสื่อมทรามลง

สหภาพโซเวียตขณะนั้น ซึ่งมีสตาลินเป็นเลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์ ได้ขอเข้าเป็นสมาชิกกลุ่มนาโตทันทีที่ถูกจัดตั้งขึ้น แต่ก็ถูกปฏิเสธ

ต่อมาอีกถึง ๖ ปี ประเทศภาคีสังคมนิยมยุโรปตะวันออกได้ประชุมกันที่กรุงวอร์ซอร์ และได้ลงนามจัดตั้งกลุ่มสนธิสัญญาวอร์ซอร์ขึ้นเมื่อ ๑๔ พฤษภาคม ๑๙๕๕ เพื่อป้องกันตนเองจากการคุกคามของกลุ่มนาโต

จากกลุ่มสนธิสัญญานาโต อันเป็นการขีดเส้นยุทธศาสตร์ปิดล้อมสหภาพโซเวียตทางด้านยุโรปของจักรวรรดินิยมอเมริกาในปี ๑๙๔๙ ต่อมาก็ได้ลากเส้นยุทธศาสตร์ผ่านมาทางตะวันออกกลางด้วยสัญญาแบกแดด หรือมีโต (Middle East Treaty Organization) ในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ พร้อมด้วยกองกำลังเคลื่อนที่ของกองทัพเรือที่เจ็ดในมหาสมุทรแปซิฟิค และกองกำลังทางอากาศของสหรัฐอเมริกาที่ประจำอยู่ในญีปุ่นและฟิลิปปินส์

จากยุทธศาสตร์ของจักรวรรดินิยมอเมริกาดังกล่าวนี้ จะเห็นได้ว่าเป็นการปิดล้อมทั้งสหภาพโซเวียตและสาธารณรัฐประชาชนจีน ตั้งแต่ยุโรปผ่านตะวันออกกลางมาจนถึงเอเซีย อันเป็นยุทธศาสตร์ในเชิงรุกรานไม่ใช่ป้องกันตัวดังที่โฆษณาชวนเชื่อ

บัดนี้เชวาดนาตเซ อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศของสหภาพโซเวียตสมุนผู้ซื่อสัตย์ของ ซี.ไอ.เอ ได้ประกาศทุบทิ้งสนธิสัญญาวอร์ซอร์ไปนานแล้ว แต่สหรัฐอเมริกาก็ยังหนุนใช้นาโตเพื่อแก่การรุกรานและควบคุมโลกต่อไปอย่างเหนียวแน่น

ดังกล่าวมานี้ คือข้อเท็จจริงที่มีหลักฐานพิสูจน์ได้ ไม่ใช่เป็นการโฆษณาชวนเชื่อ สงครามเย็นเริ่มขึ้นโดยจักรวรรดินิยมสหรัฐอเมริกา สหภาพโซเวียต ถูกดึงเข้าไปสู่กระแสนั้นด้วยความจำเป็นเพื่อป้องกันตัว เพื่อปกป้องระบบสังคมนิยมและสันติภาพของโลก

ใช่,กอร์บาชอฟ ยุติสงครามเย็น ที่จักรวรรดินิยมสหรัฐอเมริกาเป็นผู้ก่อขึ้น ด้วยการทรยศต่อบรรพชนที่ได้สละหยาดเหงื่อแรงงานและชีวิตเลือดเนื้อสร้างประวัติศาสตร์อันรุ่งโรจน์ให้กับสหภาพโซเวียตและมนุษยชาติ

แต่การยุติสงครามเย็นไม่ได้หมายความว่ากระแสสันติภาพได้แผ่ขยายไปทั่วโลก ดังที่โลกตะวันตกแซ่ซร้องสรรเสริญกอร์บาชอฟก็หาไม่ เพราะการยุติสงครามเย็นของกอร์บาชอฟนั้น เป็นแค่เพียงการสลายประเทศสังคมนิยมในยุโรปตะวันออกและลบภาพสหภาพสาธารณรัฐโซเวียตสังคมนิยมออกจากแผนที่โลกเท่านั้น แต่การเบียดเบียนต่อกันระหว่างมนุษย์แต่ละประเทศ และระหว่างประเทศยังดำรงอยู่ จักรวรรดินิยมผู้เป็นตัวการที่ก่อสงครามเย็นขึ้นมา กลับถืออำนาจบาตรใหญ่ทำตัวเป็นตำรวจโลก และวางแผนสร้างโลกใหม่ที่เรียกว่า NEW WORLD ORDER แผนสร้างโลกใหม่ก็คือ แผนกดขี่ขูดรีดขั้นสูงสุดของจักรวรรดินิยมอเมริกา ที่ซ่อนวิญญาณอันชั่วร้ายไว้ในคราบของนักบุญนั้นเอง แล้วอย่างนี้กระแสสันติภาพจะแผ่ขยายไปทั่วโลกได้อย่างไร

นักบุญจักรวรรดินิยมอเมริกาที่มีวิญญาณของซาตานสิงสถิตอยู่ ประกาศระเบียบใหม่ของโลกว่า ดังนี้

๑.ทุกรัฐบาลจะต้องปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย (ระบอบประชาธิปไตยในความหมายของจักรวรรดินิยมอเมริกา คือรัฐบาลที่ขึ้นปกครองประเทศต้องมาจากการเลือกตั้ง การเศรษฐกิจเสรี มือใครยาวสาวได้สาวเอา)

๒.ทุกรัฐบาลจะต้องเคารพสิทธิมนุษยชน (ฟังดูระรื่นหูดีอยู่ แต่สิทธิมนุษยชนในความหมายของจักรวรรดินิยมอเมริกา คือ สิทธิในการรักษาระบอบกดขี่ขูดรีดให้คงอยู่ และสิทธิที่จะรื้อฟื้นระบอบกดขี่ขูดรีดขึ้นมาใหม่ เช่น การรื้อฟื้นระบบทุนนิยมเข้ามาแทนที่ระบบสังคมนิยมในยุโรปตะวันออกและสหภาพโซเวียต เป็นต้น ซึ่งจักรวรรดินิยมอเมริกาถือว่าเป็นการชอบด้วยสิทธิมนุษยชนแล้ว ส่วนจีน เกาหลีเหนือ คิวบา จักรวรรดินิยมอเมริกาถือว่าเป็นประเทศที่ละเมิดสิทธิมนุษยชน เพราะไม่ยอมให้มีการรื้อฟื้นระบอบเก่าที่ลงหลุมฝังศพไปแล้วขึ้นมาใหม่

๓.ทุกรัฐบาลต้องรักษาสภาพแวดล้อม (ฟังดูก็ระรื่นหูดีอยู่ แต่ข้อเท็จจริงปรากฎว่าพวกที่ทำลายสภาพแวดล้อมอย่างมโหฬารอยู่ในขณะนี้ก็คือพวกนายทุนนั้นเอง ทั้งการโค่นไม้ทำลายป่า การปล่อยน้ำเน่าและสารพิษจากโรงงานอุตสาหกรรมลงสู่แม่น้ำลำคลอง การก่อให้เกิดมลภาวะและสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายต่างๆ นานา และภายใต้ระบบทุนนิยมจะไม่สามารถแก้ไขปัญหาสภาพแวดล้อมให้ดีขึ้นได้ มีแต่จะทรุดหนักลงทุกวัน ดังที่ทั่วโลกประสบกันอยู่ในขณะนี้)

๔.ทุกรัฐบาลจะต้องเคารพสิ่งที่เรียกว่าทรัพย์สินทางปัญญา อันสิ่งที่เรียกว่าทรัพย์สินทางปัญญาในความหมายของจักรวรรดินิยมอเมริกา ก็คือ ทุกสิ่งทุกอย่างที่มนุษย์คนใดคนหนึ่งหรือคณะใดคณะหนึ่งค้นคิดประดิษฐ์ขึ้นมาได้ และจดทะเบียนลิขสิทธิ์หรือสิทธิบัตรไว้ก่อนคนอื่นคณะอื่น คนอื่นคณะอื่นไม่ว่าจะอยู่ส่วนใดของโลก จะค้นคิดประดิษฐ์สิ่งที่คนหนึ่งคนใดหรือคณะหนึ่งคณะใดค้นพบและจดทะเบียนไว้แล้วไม่ได้ ถือว่าเป็นการลอกเลียนแบบเป็นการละเมิด ถึงแม้ว่าคนอื่นคณะอื่นจะประดิษฐ์คิดค้นขึ้นมาด้วยมันสมองของตนเองก็ตาม ก็เป็นอันแน่นอนว่า ถ้าการจัดระเบียบโลกใหม่ของจักรวรรดินิยมอเมริกาสำเร็จ และก็มีทางจะสำเร็จเพราะบัดนี้ไม่มีสหภาพโซเวียตเป็นดุลถ่วง ประเทศส่วนใหญ่ในโลกที่ขณะนี้ยังมีขีดความสามารถในเทคโนโลยีต่ำ ก็ต้องก้มหน้าก้มตาเป็นทาสของจักรวรรดินิยมอเมริกาและประเทศทุนนิยมอื่นๆ ที่พัฒนาแล้วที่เรียกว่ากลุ่มจี 7 ชั่วกัป ชั่วกัลป์ เพราะอะไรๆ จักรวรรดินิยมอเมริกาและประเทศทุนนิยมที่มีเทคโนโลยีสูงได้ค้นคิดประดิษฐ์และจดทะเบียนสิทธิบัตรไว้หมดแล้ว อันเป็นการผูกขาดความเจริญก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และเป็นการจำกัดสติปัญญาของมนุษยชาติ บรรดาประเทศส่วนใหญ่เหล่านั้นซึ่งไม่มีโอกาสจะไล่ทัน ก็ต้องเช่าหรือเสียค่าสิทธิบัตรให้กับประเทศเจ้าของสิทธิบัตรนั้นๆ ด้วยราคาที่แล้วแต่ประเทศเจ้าของสิทธิบัตรจะกำหนดเอาตามความพอใจ ประชาชนส่วนใหญ่เหล่านั้น จะประสบกับความเดือดร้อนด้วยสินค้าราคาแพง เพราะต้องเสียค่าสิทธิบัตรและผูกขาดจากประเทศเจ้าของสิทธิบัตรสินค้านั้นๆ ประเทศไทยเราก็เป็นหนึ่งในประเทศส่วนใหญ่เหล่านั้นที่จะต้องเดือดร้อน 

ดังกล่าวนี้ คือแผนการจัดระเบียบโลกใหม่ของโลกจักรวรรดินิยมอเมริกา อันเป็นพัฒนาการของระบบทุนนิยมอีกขั้นหนึ่งจากขั้นทุนจักรวรรดินิยมหรือทุนนิยมข้ามชาติ ซึ่งท่านมหาธีร์นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เรียกแผนการนี้ว่าเป็น แผนการล่าเมืองขึ้นแบบใหม่

No comments: