Friday, February 20, 2009

บทความที่๔๓๖.สำนึกแห่งสัจจะทุกภพชาติ

"ถ้าไม่มีผู้อื่นอยู่ข้างหน้าหรือข้างหลังเรา ความสบายใจอย่างยิ่งคงจะมีแก่เราผู้อยู่ในป่าผู้เดียว เราผู้เดียวจักไปสู่ป่า อันพระพุทธเจ้าทรงสรรเสริญว่า ความผาสุกย่อมมีแก่ภิกษุผู้อยู่แต่ผู้เดียว มีใจเด็ดเดี่ยว.

เราผู้เดียวเป็นผู้ชำนาญในสิ่งที่เป็นประโยชน์จะเข้าไปสู่ป่าใหญ่,อันทำให้เกิดปีติแก่พระโยคาวจร น่ารื่นรมย์เป็นที่อยู่ของหมู่ช้างตกมัน,โดยเร็วพลัน.

เราผู้เดียวจักอาบน้ำในซอกเขาอันเยือกเย็น ในป่าอันเย็นมีดอกไม้บานสะพรั่ง จักจงกรมให้เป็นที่สำราญใจ.

เมื่อไหร่เราจึงจักได้อยู่ในป่าใหญ่อันน่ารื่นรมย์แต่ผู้เดียว ไม่มีเพื่อนสอง จักเป็นผู้ทำกิจสำเร็จหาอาสวะมิได้ ขอความประสงค์ของเราผู้ปรารถนาจะทำดังนี้จงสำเร็จเถิด.

เราจักยังความประสงค์ของเราให้สำเร็จจงได้ ผู้อื่นไม่อาจทำผู้อื่นให้สำเร็จได้ เราจักผูกเกราะคือความเพียร จักเข้าไปสู่ป่าใหญ่ เรายังไม่บรรลุถึงความสิ้นอาสวะแล้ว จักไม่ออกไปจากป่านั้น.

เมื่อลมพัดเย็นมา กลิ่นดอกไม้ก็หอมฟุ้งมา เราจักนั่งบนยอดเขา ทำลายอวิชชา เราจักได้รับความสุขรื่นรมย์อยู่ด้วยวิมุตติสุขในถ้ำที่เงื้อมเขาซึ่งดารดาษไปด้วยดอกโกสุม มีภาคพื้นเยือกเย็นอันมีอยู่ในป่าใหญ่เป็นแน่.

เรามีความดำริอันเต็มเปี่ยม เหมือนพระจันทร์ในวันเพ็ญ เป็นผู้สิ้นอาสวะทั้งปวงแล้ว บัดนี้ภพใหม่มิได้มี”

จากขุททกนิกาย เถรคาถา เอกวิหาริยเถรคาถา

No comments: