รบทำไม?และรบเพื่อใคร?
บทความของคุณสุพจน์ ด่านตระกูล
ตอนที่ ๖.
ภายใต้ระบบทุนนิยม ซึ่งเบิกโรงด้วยการใช้เครื่องจักรไอน้ำในงามอุตสาหกรรมและเครื่องจักรไฟฟ้าในเวลาต่อมา โรงงานอุตสาหกรรมแขนงต่างๆ ได้ถูกจัดตั้งขึ้นโรงแล้วโรงเล่า พร้อมกันนั้นก็ได้กวาดต้อนเอาพวกไพร่เข้ามาสู่โรงงาน และกลายเป็นชนชั้นใหม่ขึ้นมาเรียกว่า “ชนชั้นกรรมาชีพ” การเพิ่มผลผลิตทางอุตสาหกรรมได้ทำมากขึ้นๆ ซึ่งนั่นก็หมายถึงความมั่งคั่งร่ำรวยของบรรดาเหล่านายทุนทั้งหลาย แต่ในขณะเดียวกัน ความยากจนค่นแค้นก็ยังแผ่ปกคลุมไปทั่วชนชั้นกรรมาชีพที่ได้พัฒนามาจากไพร่โดยทั่วไป เช่นเดียวกับความยากจนค่นแค้นแสนสาหัส ที่บรรพบุรุษพวกเขาเคยได้พบมาในยุคศักดินาและยุคทาสนั้นเอง
นั่นก็คือในสังคมทุนนิยม ก็เช่นเดียวกับสังคมศักดินาและสังคมครองทาส ที่ได้แบ่งคนในสังคมเดียวกันออกเป็นสองชนชั้น คือชนชั้นผู้กดขี่ขูดรีดกับชนชั้นผู้ถูกกดขี่ขูดรีด
ในสังคมครองทาส เป็นการกดขี่ขูดรีดระหว่างชนชั้นนายทาสกับชนชั้นทาส ในสังคมศักดินา เป็นการกดขี่ขูดรีดระหว่างชนชั้นเจ้าศักดินากับชนชั้นไพร่
ในสังคมทุนนิยม เป็นการกดขี่ขูดรีดระหว่างชนชั้นนายทุนกับชนชั้นผู้ใช้แรงงานทั่วไป โดยเฉพาะกับชนชั้นกรรมาชีพนอกโรงงาน กสิกร และผู้ขายแรงงานทางสมอง เช่น ข้าราชการ นักวิชาการ และเสมียนพนักงาน เป็นต้น
นายทุนได้ใช้ส่วนหนึ่งของมูลค่าส่วนเกินที่คนงานทั้งหมดผลิตได้ เป็นค่าครองชีพอันฟุ่มเฟือยสุขสำราญของเขา และใช้ส่วนที่เหลือเป็นทุนก้อนใหม่ผนวกเข้ากับเงินทุนเดิม กล่าวคือ เขาได้ผลักส่วนที่เหลือนี้สมทบเข้ากับกองทุนเดิม ผลจากการเพิ่มทุนนี้จะปรากฏออกมาในรูปที่ว่า นายทุนสามารถจะขยายงานและจ้างคนงานมาทำงานได้มากขึ้น และคนงานจำนวนมากขึ้นจะผลิต “มูลค่าส่วนเกิน” ให้แก่นายทุนมากขึ้น ซึ่งนายทุนก็จะนำไปเพิ่มพูนกองทุนของเขาให้ทับทวียิ่งขึ้นเป็นลำดับ
1 comment:
จาริกบุญ จารึกธรรม ไฟล์ PDF หนังสือที่พระพรหมคุณาภรณ์บันทึกเสียงและถอดความออกเป็นหนังสือ เมื่อคราวที่เดินทางไปอินเดียในปี 2538 เป็นเรื่องของประวัติศาสตร์พุทธศาสนา น่าอ่านเป็นความรู้ครับ http://www.watnyanaves.net/books/pdf/jarikboon.pdf
ขอบคุณนะคะ
Post a Comment