Wednesday, October 29, 2008

บทความที่๔๒๔. รบทำไมและรบเพื่อใคร?ตอนที่๒

รบทำไมและรบเพื่อใคร?

 

จากบทความของคุณสุพจน์  ด่านตระกูล

 

สงครามรุกรานในยุคศักดินานั้น ล้วนแต่เป็นสงครามเพื่อสนองตัณหาหรือความทะยานอยากของกษัตริย์และเจ้าศักดินาทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นสงครามปล้นสดมภ์ล่าเมืองขึ้น หรือสงครามเผยแพร่ลัทธิศาสนา และไม่ว่าจะเป็นสงครามชิงนางหรือสงครามชิงช้างก็ตาม พวกไพร่ทั้งหลายหาได้รับประโยชน์แต่ประการใดไม่

 

แต่อย่างไรก็ตาม ในท่ามกลางสงครามสนองตัณหาของกษัตริย์หรือขัตติยนี้ ซึ่งเป็นสงครามรุกรานและเป็นสงครามที่ไม่ชอบธรรมนั้น ก็มีสงครามที่ชอบธรรมเป็นฝาแฝดอยู่ด้วย คือ สงครามป้องกันตัวเองของกษัตริย์หรือขัตติยอีกฝ่ายหนึ่ง ก็ได้ชื่อว่าเป็นการรบเพื่อชาติที่แท้จริง อย่างเช่นที่บรรพบุรุษของพวกเราชาวไทยรบกับข้าศึกผู้รุกรานเพื่อป้องกันเอกราชของชาติมาแล้วมากครั้งหลายหนในอดีต หรืออย่างเช่นที่บรรพบุรุษของเราเคยทำสงครามปลดปล่อยชาติ ให้พ้นจากการเป็นเมืองขึ้นของต่างชาติ ไม่ว่าจะเป็นสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราชหรือสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช หรือสมัยขบวนการเสรีไทยในสงครามโลกครั้งที่สอง ก็ล้วนแต่เป็นสงครามที่ชอบธรรม และสงครามที่ชอบธรรมก็คือสงครามที่เป็นไปเพื่อรักษาไว้ซึ่งสันติภาพและผลประโยชน์ของชาติ (คือคนทั้งชาติ)ที่แท้จริง

 

สังคมไม่หยุดนิ่ง ย่อมเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ซึ่งก็เป็นไปตามกฎของธรรมชาติที่เรียกตามภาษาพุทธปรัชญาว่า อนิจจัง ทุกขัง และ อนัตตา หรือเรียกตามภาษาปรัชญามาร์กซิสม์แห่งวิทยาศาสตร์สังคมว่า สสารธรรมประติการ (Dialectic)

 

ดังนั้น การคลี่คลายขยายตัวทางเศรษฐกิจของยุคนี้จึงได้เป็นไปอย่างกว้างขวาง ทั้งด้านกสิกรรม หัตถกรรม อุตสาหกรรม และพาณิชยกรรม และต่อมาเมื่ออังกฤษได้นำเครื่องจักรไอน้ำเข้ามาใช้ในงานอุตสาหกรรม ก็ได้ทำให้งานอุตสาหกรรมเจริญก้าวหน้าขึ้นอย่างชนิดที่เรียกว่าก้าวกระโดด นักประวัติศาสตร์เรียกสถานการณ์ของความก้าวหน้าทางอุตสาหกรรมครั้งนั้นว่า อุตสาหกรรมอภิวัฒน์และพร้อมกับความเจริญก้าวหน้าของการเศรษฐกิจทุกๆ สาขาดังกล่าวนี้ การล่าเมืองขึ้นของเจ้าศักดินาตะวันตก ซึ่งบัดนี้ได้กลายมาเป็นจักรวรรดิ์ศักดินาก็ได้เป็นไปอย่างกว้างขวางเช่นกัน วัตถุโบราณทางประวัติศาสตร์อันล้ำค่า ที่ตั้งแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์สถานของอังกฤษและของฝรั่งเศสในเวลานี้ ส่วนหนึ่งก็คือที่จักรวรรดิ์ศักดินาอังกฤษและฝรั่งเศส ตีชิงปล้นสดมภ์เอาไปจากประเทศอาณานิคมในแถบเอเซียและอาฟริกา

No comments: